ตอนที่799กล่าวคำปฏิญาณในโบสถ์
ตอนที่ 799 กล่าวคำปฏิญาณในโบสถ์
“ภรรยา ถ้าเกิดว่าครั้งหน้ายังเป็นแบบนี้อีก ฉันจะโกรธ แล้วนะ! ” พันเดชพูดจิดาภา “
พอเห็นท่าทางของเขา สงชัยก็ยิ้มมุมปาก “ทำไม คุณ กังวลหรอ?
“แน่นอนว่าไม่ได้กังวลอะไรเลย แต่แค่ว่าถ้าเกิดว่าใช่ล่ะก็ ผมกลัวตัวคุณเองจะเดินออกไปไม่ได้น่ะสิ! ”
สงสัยยิ้ม “ขอแค่คำขู่ของผม จะอยู่กับคุณตลอดไป!
พันเดชหรี่ตาลง แล้วจ้องหน้าเขา
“พันเดช ถ้าเกิดว่ามีวันนึง ที่ผมรู้ว่าคุณไม่ดีกับเธอ ผมจะ
กลับมาแน่นอน แล้วก็พาเธอออกไปจากคุณ! ”
“คุณไม่มีวันมีวันนั้นหรอก ” พันเดชตอบอย่างคล่องแคล่ว
“ก็หวังว่าเป็นแบบนั้น! ” หลังจากพูด สงชัยก็มองหน้า ดาภา “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ฉันไปก่อนนะ! “
“ตอนนี้หรอ? ไม่ร่วมงานแต่งก่อนค่อยไปหรอ? * ฟันเดช
ถาม
“ให้ผมไปร่วมงานแต่งของคุณ ช่างเป็นเรื่องที่……..ยาก มาก ผมจองตั๋วเครื่องบินไว้ตอนบ่าย ต้องไปแล้ว! ” สงสัยตอ บนิ่งๆ
จิดาภาไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอะไร ได้แต่มองเขา “รักษา
สุขภาพด้วยนะ! “
สงชัยพยักหน้า มองหน้าจิดาภาด้วยความรักความผูกพัน สายตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์และไม่อยากจะปล่อยมือ พันเดชที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้ถูกมองว่าเป็นเครื่องประดับไปโดย สมบูรณ์
สุดท้าย ในสายตาของพวกเขานั้น สงชัยก็หันแล้วเดินไป ทางด้านหลัง แผ่นหลังของเขา ดูโดดเดี่ยวมาก
“สงชัย…..ตอนนี้เอง จิดาภาก็ก้าวขึ้นไปด้านหน้าแล้ว เรียกเขา
สงชัยอึ้งไป แล้วหันกลับมาหาเธอ
จิดาภามองเขาแล้วยิ้ม ดวงตาสดใส “นายจะต้องมีความ สุขแน่ๆ! “
สงชัยยืนอยู่ตรงนั้น มองหน้าเธอ สุดท้ายก็พยายามฝืน ยิ้มออกมา ไม่ได้พูดอะไร ก็เดินต่อไปด้านหน้า แล้วก็ขึ้นรถไป จากไปอย่างเดียวดาย บางทีการที่เขากลับมาครั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้รับคำตอบสุดท้าย ถ้าเกิดว่าไม่กลับมา ก็คงจะเสียใจไป ตลอดชีวิต ต่อให้คำตอบในตอนนั้นมันเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่ เสียใจที่ได้กลับมา
เพียงแค่ ให้เขามองดูเธอสวมแหวนแต่งงานของผู้ชายคน อื่น อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่น ยังไงเขาก็ทำไม่ได้หรอก
จิ ขอโทษนะ……..
จนถึงเงาของรถเขาหายไป พันเดชก็เลยก้าวไปข้างหน้า “ฉันก็นึกว่า เธอจะไปกับเขาซะอีก!
พอได้ยินดังนั้น จิตาภาก็หันไปมองหน้าพันเดชที่ยืนอยู่ ข้างๆ “ทำไม? นายเริ่มไม่มั่นใจในตัวเองแล้วหรอ?
“ตลอดชีวิตของฉัน อะไรก็มั่นใจไปหมด เรื่องเดียวที่ ทำให้ฉันไม่มั่นใจก็คือ กลัวว่าเธอจะจากฉันไป…….
ประโยคนี้ ทำให้จิดาภา ใจเต้น ทันใดนั้นเธอก็พุ่งเข้าไป
แล้วจูบที่ริมฝีปากของพันเดช……..
ไม่มีอะไรดีไปกว่าการตอบแบบนี้อีกแล้ว
พอเห็นว่าเธอทำแบบนี้ พันเดชก็เลยวางใจ ยกมุมปากขึ้น จับเธอไว้ แล้วก็เปลี่ยนจากคนโดนจูบมาเป็นคนจูบแทน……..
พอเห็นว่าไม่กลับมาซักที ไปรยากับแก้วก็เลยออกมาจาก
หา หลังจากนั้นก็เห็นภาพเหตุการณ์นี้
มองไปรอบด้าน ก็ไม่เห็นสงชัยแล้ว
ดูท่าทาง เขาน่าจะกลับไปแล้ว……..
สายตาจ้องไปที่ร่างของทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านนอก ไปร ยาก็ยกมุมปากขึ้น “เจ้าบ่าว เจ้าสาว เดี๋ยวก็ต้องเข้าไปใน โบสถ์แล้ว ไม่ต้องมารีบร้อนอยู่ตรงนี้หรอก! “ ”
พอได้ยินแบบนี้ ทั้งสองคนก็ปล่อย มองหน้ากัน จิดาภาก็หน้าแดงขึ้นมานิดหน่อย
“เข้าไปพักผ่อนหน่อยเถอะ เดี๋ยวมีอีกหลายอย่างให้ จัดการ ฉันกลัวว่าเธอจะไม่ไหว! “พันเดซพูดอย่างอ่อนโยน
จิดาภาพยักหน้า
ตอนนี้เอง พันเดชก็โน้มตัวเข้าไป กระซิบที่ข้างหูของเธอ “คืนนี้ค่อยลงโทษเธอ…….
เขาพึ่งจะพูดจบ ใบหน้าของจิดาภาก็แดงขึ้นมาทันที พัน
เดชก็ยิ้มแล้วก็ออกไป
ไปรยากับแก้วรีบเดินเข้าไป เห็นว่าใบหน้าของจิดาภา แดงมาก ก็มองหน้าเธอแล้วถาม “เธอเป็นอะไรไป? ทำไมหน้า ถึงได้แดงขนาดนี้? ”
“หรอ? “
“เมื่อกี้เขาพูดอะไรน่ะ? ”
จิดาภา “…เปล่า ไม่มีอะไร! ” ตอนที่พูดอยู่นั้น ก็เดิน “1 เข้าไปข้างในทันที
กินปูนร้อนท้อง…….
ต้องมีอะไรแน่
ไปรยากับแก้วมองหน้ากัน เหมือนกับว่าไม่ต้องพูดอะไร ก็
เตาได้ ทั้งสองคนก็เดินตามเข้าไป……
น่าจะพักผ่อนอยู่ประมาณ20กว่านาที ถึงเวลาแล้ว ใกล้ เวลาจะต้องกล่าวคำสาบานแล้ว จิดาภาก็เตรียมตัวเข้าไปใน
โบสถ์แล้ว
ยืนอยู่ด้านนอก โบสถ์นั้น จิดาภาก็จูงมือของการันต์ และ ไปรยากับแก้วก็ยืนอยู่ด้านหลัง
หลังจากที่ญาติและเพื่อนๆ นั่งกันหมดแล้ว ก็ถึงเวลาแล้ว การันต์กับจิดาภาก็เดินเข้าไปในโบสถ์ช้าๆ
ช่วงเวลาที่จิดาภาปรากฏตัวนั้น สายตาของทุกคนก็ต้อง มองไปที่เธอ นอกจากสายตาที่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของของพันเดช นั้น ก็ยังมีเปรมศักดิ์ เขามองจิดาภา ค่อยๆ หรี่ตาลง สายตาดู เจ็บปวด ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเข้าใจได้
แล้วก็เปศล ตอนที่เห็นจิดาภาจูงมือการันต์เข้ามานั้น สีหน้าก็ดูโดดเดี่ยว แต่ว่าริมฝีปากก็ยังคงยิ้ม พ่ออย่างเขาไม่ เคยทำอะไรเลย แต่ว่าตอนนี้การันต์สามารถทำแบบนี้ได้ เขา เองก็ปลื้มใจ สายตาจับจ้องไปที่จิดาภา
ขอแค่ได้เห็นเธอยิ้ม เธอมีความสุข ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นหมดความสําคัญไปเลย
เสียงดนตรีเบามาก สวยงามมาก สถานที่นั่นเงียบ พวก เขาเดินช้ามาก เหมือนกับว่าจะให้เข้ากับบรรยากาศภายใน งาน เพื่อนเจ้าสาวสุดสวยทั้งสองก็เดินตามมาด้านหลังอย่าง ช้าๆ เหมือนกัน
พันเดชยืนอยู่ตรงหน้าสุด ใส่ชุดสูทสีขาว ดูหล่อและสง่า งามมาก เหมือนกับว่าเป็นพระเอกละคร
เห็นว่าพวกเขาค่อยๆ เดินเข้ามา พันเดชก็เดินเข้าไป ต้อนรับเจ้าสาวของเขา
เสียงดนตรีหยุดลง การันต์มองพันเดช แล้วก็มองจิดาภา “พันเดช ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันยกให้นายนะ หวังว่านายจะ ให้อภัยเธอ รักและทะนุถนอมเธอได้เหมือนกับฉัน…….
ไม่รู้ว่าทำไม ตอนแรกก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่จู่ๆ พอได้ยิน ประโยคนี้ของการันต์ จิดาภาก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาทันที
“Wo……”
“จิเป็นลูกสาวที่ล้ำค่ามากของฉัน เพราะฉะนั้น ฉัน ต้องการให้นายรับปากว่านายจะดูแลเธอให้ดี! ”
ตอนนี้เอง พันเดชก็มองพวกเขา “พ่อ วางใจเถอะครับ ผมรับปากกับพ่อเลยว่า ตลอดชีวิตนี้ผมจะรักเธอ ทะนุถนอม เธอ ให้อภัยเธอ……..
“ดี ดีมาก! ” การันต์ยิ้มแล้วตอบ แล้วก็ส่งมือของจิดาภา ให้กับพันเดช ฉากนี้ ทำให้หลายๆ คนซาบซึ้งน้ำตาไหล จันทนที่มองอยู่นั้น น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างอดไม่ได้ “พ่อ! ” จิดาภาทนไม่ได้ ยื่นมือไปกอดการันต์
พอได้ยินเสียงเรียกพ่อ สายตาของปวีร์กลับมองไปที่
เปคล
นี่ต่างหากคือพ่อที่ให้กำเนิดเธอ แต่ว่าตอนนี้ มองไปที่เบศล เขาก็อดปวดใจไม่ได้
“พอแล้ว วันนี้เป็นวันแต่งงานของลูก ควรจะยิ้มสีถึงจะถูก ” ตอนที่พูดอยู่นั้น การันต์ก็มองหน้าเธอแล้วก็ยิ้ม
จิดาภาถึงได้พยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองไว้ แล้วพยัก
หน้า
ตอนนี้เอง พันเดชก็จูงจิดาภาเดินไปด้านหน้า เขาเช็ดน้ำตาให้เธอ มองหน้าเธอแล้วยิ้มออกมา “คุณดาภา ฉันพึ่งรู้ว่า เธอยังมีด้านที่เซนซิทีฟด้วยนะ”
ประโยคนี้ หยอกล้อจิดาภา เธอหันไปทางอื่น แล้วก็แอบ เช็ดน้ำตา
ตอนนี้เอง บาทหลวงก็ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา แล้วก็มอง หน้า “เจ้าบ่าวเจ้าสาว ถึงเวลาแล้ว ประจักษ์พยานของพวกคุณ ก็จะเริ่มแล้วเช่นกัน! ”
จิดาภากับพันเดชยืนอยู่ตรงนั้น ยืนตรงบาทหลวงอย่างเคารพเลื่อมใสสายตามองไปที่
“คุณพันเดช คุณต้องการที่จะแต่งงานกับผู้หญิงด้านข้าง ในฐานะภรรยาของเขา ไม่ว่าจะจน จะรวย จะแข็งแรง จะช่วย ก็จะรักเธอ ปกป้องเธอ ภักดีต่อเธอจนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่?
“ผมรับครับ ผมจะใช้ตลอดทั้งชีวิตของผมในการรัก * ไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว พันเดชตอบอย่าง เธอ! แข็งแกร่ง
“คุณจิดาภา คุณจะแต่งงานกับผู้ชายตรงด้านข้าง ในฐานะ สามี ไม่ว่าจะจน จะรวย จะแข็งแรง จะเจ็บป่วย ก็จะอยู่ข้างๆ เขา รักเขา ดูแลเขา เคารพเขา ยอมรับเขา ภักดีต่อเขาจนกว่า ชีวิตจะหาไม่หรือไม่?
“รับค่ะ..……… จิดาภายิ้มแล้วตอบ
พอได้ยินคำตอบ คนที่อยู่ด้านล่างก็ยิ้มพร้อมกับอวยพร
ตอนนั้นเอง บาทหลวงก็มองหน้าพวกเขา “ตอนนี้พวกคุณ แลกแหวนกันได้ พระเจ้าจะเป็นพยานในงานแต่งงานของพวก คุณ แหวนจะเป็นตัวแทนของคำสาบานที่พวกคุณได้ทำไว้
ตอนที่พูดอยู่นั้น ตอนนี้เอง พันเดชกับไปรยาก็เดินขึ้นมา พร้อมกับแหวน
พันเดชรับแหวนไปก่อน แล้วก็สวมที่นิ้วนางของจิดาภา จิ ดาราเองก็หยิบแหวนแต่งงานมาจากมือของไปรยา แล้วก็สวมใส่พันเดช
ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วยิ้ม
หลังจากนั้นบาทหลวงก็ดึงมือพันเดชและจิตาภาขึ้นมา “เจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้กล่าวคำสาบานต่อกันและแลกแหวน เรียบร้อยแล้ว ขอประกาศว่าคุณแต่งงานในนามของพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าผูกคุณไว้ด้วยกันไม่มี ใครแยกคุณได้ ”
หลังจากพูดจบ ก็มีเสียงปรบมือมาจากด้านล่าง ทุกคน ต่างยืนขึ้นมองพวกเขา
“บาทหลวงครับ ตอนนี้เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้รึยังครับ? พันเดชถามอย่างทนไม่ค่อยไหว
เคยเห็นคนที่รีบร้อน แต่ว่าไม่เคยเห็นใครที่รีบขนาดนี้มา ก่อน บาทหลวงก็ยิ้มอย่างเคารพ “ได้แล้ว! “ ดังนั้น พอได้ยินเสียงนั้น พันเดชก็พุ่งเข้าไปทันที กอดจ
ดาภาไว้ แล้วก็จูบอย่างรักใคร…….
ราวกับว่าอยากจะจูบไปจนแก่เฒ่า
คนที่อยู่ด้านล่าง ก็ตื่นเต้นมากกว่าเดิม เสียงปรบมือยัง คงดังอย่างต่อเนื่อง เสียงเชียร์ก็ดังไม่หยุด
เปศลมอง แล้วก็ปรบมือเบาๆ มีรอยยิ้มจางๆ ในดวงตา ของเขา
และเปรมศักดิ์ ดวงตาที่เศร้าหมองตอนแรกก็สว่างขึ้นมา เล็กน้อย ส่วนกชกรที่อยู่ด้านข้างก็ตื่นเต้นมากๆ
“เปรม ดูพวกเขา
และลาภิศที่อยู่ข้างๆ ก็มองพันเดช แล้วก็พูดกับเพื่อนเจ้า บ่าวอย่างจัสตินที่อยู่ข้างๆ แบบไม่รู้ว่าจริงหรือหลอก อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่า ความจริงแล้วการแต่งงานก็ไม่ได้ไม่ดีเหมือนที่คิด เอาไว้นะ นายว่าใช่ไม่ใช่……..
เขาพึ่งจะพูดออกมา ก็ทำให้จัสตินกลอกตา ผ่านไปนาน ถึงจะพูดออกมา “ยังไม่สายที่คนเสเพลจะกลับตัวนะ! ”
จัสตินคือคนที่ไม่มีข่าวฉาวที่สุดในบรรดาพวกเขาสามคน ถ้าให้พูดตามจริง ไม่มีใครกล้ารายงานหรอก เพราะว่ารู้นิสัย ใจคอเขาดี เพราะฉะนั้นลาภิศก็จะระงับข่าวที่เกี่ยวกับเขาไว้
แต่ว่า ตอนที่เห็นจิดาภากับพันเดชจูบกันนั้น จู่ๆ ลาภิศ รู้สึกว่า ที่จริงการแต่งงานก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่เขาเคยคิดเอา ไว้ อย่างน้อย ในตอนนี้เขาก็รู้สึกเช่นนั้น
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ