ภรรยาที่น่าเกลียดของฉันเป็นคนสวย หรือไม่?

ตอนที่ 673ลืมเธอไม่ลง



ตอนที่ 673ลืมเธอไม่ลง

ตอนที่ 673 ลืมเธอไม่ลง

หลังจากกลับมาถึงห้อง วรชิตผู้เป็นสามีก็จัดการตัวเอง และเตรียมตัวเข้านอน

วรชิตเดินเข้าไปในห้อง ก็เห็นว่าเธอกำลังจะนอน จึงเอ่ย ปากเรียกเธอ “ตรีย์….

“หม?” ตรีย์หันมามองเขา “มีอะไรหรือเปล่า?

วรชิตคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยปากออกไป “การดื่มนมก่อน นอนมันส่งผลดีต่อการนอนหลับ

ตรีย์หัวเราะ “ดื่มไปแล้ว!

วรชิตอึ้งเล็กน้อย เขาพยักหน้า มีบางอย่างอยากจะพูด ออกไป แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี

ตรีย์ดูออกว่าเขาดูแปลกไป จึงถามออกไป “มีอะไรหรือ เปล่า? หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?

เขาเงยหน้ามองเธอ คิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดออกไป “ตรีย์ ขอบคุณนะ!”

เมื่อได้ยินดังนั้น ตุรีย์ก็อึ้งไปเล็กน้อย เธอยิ้ม “มีอะไรหรือ เปล่า? ขอบคุณอะไร?”
“หลายปีมานี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม วร

ขิตพูด

ตรียมองเขาอึ้งๆ อย่างไม่เข้าใจ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ

เปล่า?”

“เมื่อกี้ ผมได้คุยกับพันเดชแล้ว เขาบอกว่า ในปีนั้นคุณ คิดว่าผมมีคนอื่น วรชิตพูด

ไฟในห้องเป็นโทนสีอบอุ่น สุรีย์ได้ยินที่วรชิตพูด สีหน้า ของเธอก็ตกตะลึง ไม่คิดเลยว่าวรชิตจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

เธอเก็บมันไว้ในใจมาหลายปีแล้ว ไม่เคยพูดถึงมันเลย แต่การที่เธอไม่พูดไม่ใช่ว่าในใจของเธอไม่เจ็บปวด เธอก้ม หน้าลง ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร

“ผมอยากบอกคุณว่า ผมไม่มีคนอื่น คุณเข้าใจผิดแล้ว

วรชิตพูด

ตุรีย์อึ้งไปครู่หนึ่ง มองวรชิตแบบไม่ต้องคิด

“ในปีนั้น ผมโดนจับตัวไป แล้วมีตำรวจคนหนึ่งมาช่วย ชีวิตผมไว้ แต่เขากลับต้องตาย แม้จะเป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำ แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นบุญคุณที่เขาช่วยชีวิตผมไว้ ดังนั้น ผมเลยอยากชดใช้ให้กับครอบครัวของเขา ผมรู้ว่าเขายังมี ภรรยาที่กำลังตั้งท้องอยู่ ผมก็เลยดูแลพวกเขาเพื่อชดใช้บุญ คุณ วรชิตพูด เขาถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ เมื่อพูดถึงเรื่อง ในอดีต
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” สุรีย์ถาม เธอรู้เรื่องที่เขาโดนจับตัว ไปและก็รู้ว่าเขาอยากชดใช้ให้กับครอบครัวของตำรวจคนนั้น แต่เรื่องต่อจากนั้น เธอไม่รู้อะไรเลย

“หลังจากนั้นผมก็ดูแลพวกเขามาโดยตลอด แต่ตอนที่ ภรรยาของเขาใกล้คลอด เธอก็หายตัวไป วรชิตพูด

“ดังนั้นคุณก็เลยสั่งให้คนตามหาไปทั่วทุกที่?” ดุรีย์ถาม

วรชิตพยักหน้า

รีย์เพิ่งจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด ตอนนั้นเธออยู่นอกห้อง

หนังสือ ได้ยินเพียงเสียงของวรชิตคุยโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียง ร้อนรนและสั่งให้พวกเขาหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอ ไม่ต้องคิดถึง ผลที่ตามมา ไม่ว่าต้องใช้เงินจำนวนเท่าไร

ที่แท้เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง

“แล้ว แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” ดุรีย์ถาม เจอเธอไหม?” วรชิตส่ายหน้า “ไม่เจอ!

รีย์มีท่าทีสงสาร เธอมองวรชิต แล้วเอ่ยออกมา “ขอโทษ นะคะ ฉันเข้าใจผิดคุณมาตั้งหลายปี

เมื่อได้ยินสิ่งที่สุรีย์พูด วรชิตจึงยิ้มออกมา “คุณไม่จำเป็น ต้องขอโทษ คนที่ควรจะขอโทษคือผม สามีภรรยาควรจะมี ความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ซื่อสัตย์ต่อกัน ผมเองที่ไม่ซื่อสัตย์ พอ เลยทำให้คุณเกิดความสงสัย เรื่องนี้มันทำให้คุณเจ็บปวด มากว่ายี่สิบปี
จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ยี่สิบปีที่ผ่านมา เธอพยายามเป็น ภรรยา ลูกสะใภ้และแม่ที่ดีมาโดยตลอด ทุกครั้งที่เธอคิดถึง เรื่องนี้ ใจของเธอก็เจ็บปวดเหมือนโดนเข็มแทง ทุกครั้งที่วร ชิตทำดีกับเธอ เรื่องนี้มักจะผุดขึ้นมาในหัวเธอเสมอ ทำให้เธอ ต้องรักษาระยะห่างกับเขา

พอมาถึงตอนนี้มันกลับเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด

สุรีย์น้ำตาคลอเบ้า เธอมองวรชิตแล้วฝืนยิ้มออกมา แต่ เธอไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรดี

“ดังนั้นผมจึงอยากจะขอบคุณคุณ แม้ว่าคุณจะคิดเช่นนั้น แต่คุณก็ยังคงดูแลครอบครัว สุรีย์ ผมทำให้คุณไม่ได้รับความ เป็นธรรม” วรชิตพูด

รีย์ยิ้มแล้ว โผเข้ากอดวรชิต “ดีที่คุณยังพูดมันออกมา ไม่ งั้นฉันทั้งชีวิตนี้ฉันคงปล่อยวางไม่ลง

วรชิตยิ้ม “ตรีย์ คุณเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดที่ผมเคยเจอมาเลย โชคดีที่ผมแต่งงานกับคุณ ไม่งั้นผมคงเสียใจไปตลอดชีวิต!

ตรีย์ได้ฟังที่สามีพูดก็หัวเราะออกมา “คุณชอบพูดไปเรื่อย เหมือนลูกชายตั้งแต่เมื่อไรกัน?

“พ่อเป็นยังไงลูกก็เป็นอย่างนั้น ลูกชายเราได้เชื้อมาจาก ผม!” วรชิตพูดอย่างหลงตัวเอง

รีย์เผยยิ้ม เธออยู่ในอ้อมกอดของวรชิต เธอฉุกคิดขึ้น มาว่าความเป็นธรรมที่เธอไม่ได้รับมาตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาหายแวบไปในพริบตา

โชคดีที่เธออดทนมาจนถึงทุกวันนี้ โชคดีที่มันเป็นเพียง

แค่ความเข้าใจผิด แต่เธอไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองเหมือนพลาด อะไรบางอย่างไป?

วรชิตกอดภรรยาของตน แม้ว่าอายุจะขนาดนี้แล้ว แต่เขา เพิ่งตระหนักถึงสัจธรรมที่แท้จริง

นั่นก็คือ คนเราไม่ว่าจะอายุเท่าไร ต้องมีความซื่อสัตย์ และจริงใจ อย่าให้ความเข้าใจผิดมาทำให้คนทั้งคู่ห่างเหินกัน

วันต่อมา

พันเดชได้รับโทรศัพท์ตั้งแต่เช้า เพราะว่า โครงการเกิด ปัญหาเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงต้องไปจัดการด้วยตัวเอง

เพราะโทรศัพท์สายนี้เช่นเดียวกัน ที่ปลุกทั้งคู่ให้ตื่นขึ้นมา จิดาภามองพันเดช “มีอะไรหรือเปล่าคะ? มีปัญหาอะไร?”

“โครงการมีปัญหานิดหน่อย ผมเลยต้องไปจัดการด้วยตัว

“ที่ไหนคะ?”

“สิงคโปร์!”

“ทำไมถึงกะทันหันจัง?” จิดาภาถาม

พันเดชพยักหน้า แล้วมองจิดาภา ทันใดนั้นเขาก็ฉุกคิดขึ้นได้ หรือคุณจะไปกับผม?

“หม?”

“ไปด้วยกัน!” พ้นเดชพูด

จิดาภาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ช่างเถอะ ครั้งนี้คุณไปทำงาน ฉัน ไม่อยากให้คุณเสียสมาธิ

“การที่คุณอยู่ที่บ้านมันทำให้ผมเป็นห่วงและเสียสมาธิ มากกว่า ไปกับผมนะ ผมไม่อยากห่างจากคุณ!” พูดพลาง พัน เดชก็เข้าไปกอดจิดาภาและจูบเธอ

จิดาภาหัวเราะเพราะเธอรู้สึกว่าเขาขี้อ้อน “คุณพันเดช ครั้งนี้ ฉันเกรงว่าจะไปกับคุณไม่ได้จริงๆ

“ทำไมล่ะ?”

“พาสปอร์ตหายแล้ว!

“ไปทำใหม่เลย” พันเดชพูด

“นั่นต้องใช้เวลาสองอาทิตย์เลยนะ”

พันเดชขมวดคิ้ว “แย่จริง ทำไมถึงหายล่ะ?” พันเดชถาม

จิดาภาส่ายหน้า “ตอนแรกฉันวางแผนจะไปเที่ยว แต่หา เท่าไรก็หาไม่เจอ แล้วก็ยังไม่ได้ไปทำใหม่ด้วย

พันเดชหน้าสลด จิดาภาเห็นแล้วหัวเราะ “เอาล่ะๆ คุณไป ทำงานไม่ได้ไปเที่ยว รอคุณทำงานเสร็จ เราค่อยไปเที่ยวให้สบายใจกันอีกครั้งดีไหม?”

“ผมยังมีทางเลือกอีกเหรอ?” พันเดชถามอย่างไม่ค่อย พอใจ

จิดาภายิ้ม โน้มตัวไปจูบริมฝีปากของเขา “โอ๋ๆ ฉันไป เก็บกระเป๋าให้คุณดีกว่า!” พูดพลาง จิดาภาก็ลุกออกจากเตียง

ขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้น เธอก็โดนพันเดชดึงกลับมา “ไม่ ต้องรีบจัดกระเป๋าหรอก ผมจะต้องเดินทาง คุณควรจะให้อะไร กับผมหน่อยไม่ใช่หรือไง?” พูดพลางเขาก็พลิกตัวคร่อมร่างจิ ดาภาเอาไว้ มองเธอแล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย “จะไม่ได้เจอกันตั้ง นาน ผมต้องคิดถึงคุณแน่เลย!

เธอมองเขาแล้วยิ้มออกมา “คุณรีบไม่ใช่หรือไง?

“ใช่ผมต้องรีบ!” พูดพลางเขาก็โน้มตัวลงจูบจิดาภา…

ณ สนามบิน จิดาภามองพันเดชแล้วพูด “เดินทาง ปลอดภัยนะ ขอให้ทำงานด้วยความราบรื่น

พันเดชก็มองเธอ “ช่วงที่ผมไม่อยู่ คุณต้องตั้งใจรอผมนะ เปิดมือถือไว้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่อนุญาตให้ปิดเครื่องและอยู่ กับผู้ชายคนอื่นตามลำพัง ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาผม

ได้ฟังที่พันเดชพูดแล้วเธอก็หัวเราะออกมา “ในเวลานี้ ต้องเป็นฉันไม่ใช่หรือไงที่ต้องห้ามคุณไม่ให้มองสาวๆ เมื่อไป ถึงที่นั่น?”

พันเดชหัวเราะแล้วเชยคางของจิดาภาขึ้น โดยไม่สนใจสายตาของพนักงาน เขาขยับเข้าไปใกล้เธอ แล้วพูดแบบ พาลๆ “คุณวางใจเถอะ ตอนนี้นอกจากคุณแล้ว ยังไม่มีใครอยู่ ในสายตาของผมเลย!

จิดาภายิ้มแล้วเขย่งตัวสวมกอดพันเดช พันเดชก็กอด

ตอบเช่นกัน

พนักงานที่ยืนอยู่อีกด้านมองอย่างอิจฉาตาร้อน จากนั้น

ทุกคนแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

ขณะนั้นเสียงประกาศในสนามบินก็ดังขึ้น “ท่านผู้โดยสาร โปรดทราบ ผู้โดยสารเที่ยวบินที่จะออกเดินทางไปสิงคโปร์ ขอเชิญผู้โดยสารขึ้นเครื่องได้

เมื่อได้ยินเสียงประกาศ พันเดชจึงปล่อยตัวจิดาภาออก “เอาล่ะ ผมไปก่อนนะ รอผมกลับมานะ!

จิดาภาพยักหน้าแล้วมองเขา “ฉันจะรอคุณ!

พันเดชยิ้มแล้วประทับจูบลงบนริมฝีปากของเธอ มันเป็น จูบที่อ้อยอิ่งแฝงไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ เจ๊กที่รอเขาอยู่ ไม่ กล้ามองพวกเขาตรงๆ

“อยากห่อคุณไปด้วย!” พันเดชพูด

จิดาภาหัวเราะ “พอแล้ว ไปขึ้นเครื่องได้แล้วค่ะ!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ