ภรรยาที่น่าเกลียดของฉันเป็นคนสวย หรือไม่?

ตอนที่754การเข้าหาของเธอ



ตอนที่754การเข้าหาของเธอ

ตอนที่ 754 การเข้าหาของเธอ

อีกฝั่งหนึ่ง

ปวีร์ถือเอกสารแล้วเดินเข้าไป

“พี่มลล์ ตรวจสอบเจอแล้ว !” ปวีร์เอ่ยปากพูดด้วยเสียงทุ้ม

ตอนแรกเปศล ใจเย็นมา แต่เมื่อได้ยินสิ่งนี้ก็เผยความตื่น เต้นและตึงเครียดออกมา

“เอาให้ฉันดูหน่อยสิ ! ปวีร์ยื่นเอกสารไปให้เขา

หลังจากเปลรับเอกสารแล้ว อยากจะเปิด แต่เป็นเวลา นานก็ยังไม่ได้ลงมือทำ ปวีร์ที่มองอยู่ข้างๆ เขาเข้าใจความ รู้สึกแบบนี้

ถ้าไม่ใช่ เขาจะผิดหวังมากขนาดไหนเนี่ย

“ฟิลล์ ปวีร์ที่อยู่ข้างๆ เรียก จากนั้นเปศลจึงตั้งสติ กลับมาได้ มองเอกสารที่อยู่ข้างหน้าแล้วคชเปิดดูอย่างช้าๆ

เมื่อเห็นว่าเอกสารด้านบนระบุหมู่เลือดเป็นหมู่เลือด B ใน ใจของเปศลก็มีความตื่นเต้นอย่างพูดไม่ออก นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกยังไง
“ฟิลล์” ปวีร์มองไปที่เปศล ตามอารมณ์ของเขาแล้ว มองไม่ออกเลยว่ามันใช่หรือว่าไม่ใช่

ขณะนั้นเปศลก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ปวีย์ มุมปากก็ยก

ขึ้น “เป็นหมู่เลือด B ?

ปวีร์เดินไปแล้วหยิบเอกสารจากบนโต๊ะ เมื่อก่อนเขาก็ไม่ ได้ดู หลังจากได้เอกสารก็เอามาให้ทันที ในความเป็นจริงแล้ว ผลที่ได้เขาก็ไม่กล้ารับผิดชอบ

ในตอนนี้ปวีร์ก็ยิ้มขึ้นมา “งั้นก็พิสูจน์ได้ว่าคุณจิดาภา ไม่ใช่ลูกสาวของเขา !” ปวีร์พูด

เปลส่ายหัว “อันนี้ก็ไม่แน่หรอก ส่วนมากเลือด Rh เป็นเพราะการกลายพันธุ์ของยีน !” เปศลพูด

“แต่บนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้นะครับพี่ณัลล์ ถ้าจะสงสัยทำไม่ตรวจสอบอย่างละเอียดล่ะครับ ? DNA เป็น วิธีที่ดีที่สุด !” ปวีร์พูด

ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่ของคัมภีร์ งั้นโอกาสของพวกเขากะมี มากขึ้นไปอีก จริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ไม่มีอะไรที่น่าเชื่อ ถือเท่ากับการตรวจ DNA แถมยังเร็วอีกต่างหาก!

เมื่อได้ยินคำพูดของปวีร์ คิ้วของเปศลก็ขมวดขึ้น ยืนอยู่ ตรงนั้น ดวงตาลึกลับและประสานกันนิ่ง จมดิ่งลงไปในความคิด

“ถ้าคุณไม่อยากจะเอ่ยปากพูด งั้นก็ให้ผมไปก็ได้ !” ปวีร์พูด

หากทำเพื่อเปศล ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเขาก็ทำได้

“ไม่ได้ !” เปศลเอ่ยปากพูด “ให้เวลาฉันคิดเสียก่อน !

“usi…….

“จะใช่หรือไม่ยังไม่รู้เลย คุณละลาบละล้วงขนาดนี้ บางที อาจจะ…” คำพูดของเปลยังไม่ทันจบ แต่เป็นห่วงอะไร ปวีร์ อยู่อย่างชัดเจน

“แน่นอนว่าผมจะไม่ไปถามคุณจิดาภาโดยตรง ผมยังมีวิธี

อื่นอยู่ !” ปวีร์พูด

“ไม่ได้ !” เปศลปฏิเสธ

“พี่มัลล์ มันเป็นโอกาสอย่างหนึ่งเลยนะ คุณไม่อยากรู้เหรอ ?”

เปลเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกังวลอะไร แต่เขาก็เป็นห่วงมาก หลายปีขนาดนี้แล้ว เขาไม่เคยทำอะไรเพื่อเธอสักอย่าง แม้ กระทั่งปีนั้นยังไล่ฉัตรชัยไปอย่างโหดร้าย ถ้านี่มันเป็นความ จริง แล้วเธอจะรับได้เหรอ ?

คิ้วของเปศลขมวดขึ้น “ให้เวลาฉันคิดก่อนนะ แล้วฉัน จะแจ้งคุณ !”

เมื่อเห็นเปศลแน่วแน่ขนาดนี้ ปวีร์ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จึงได้แต่มองเงาหลังของเขาแล้วพยักหน้า “ผมรู้แล้วครับ !
“นายออกไปก่อนเถอะ ให้ฉันอยู่เงียบๆ คนเดียว อย่าให้ ใครมารบกวนฉัน !”

“ครับ !”

จากนั้นปวีร์ก็ถอยออกไป ขณะที่ปิดประตูก็มองเงาหลัง ของเปล คิ้วก็มีรอยย่นขึ้นมา

ในเมื่อเขาตัดสินใจไม่ได้ งั้นเขาก็ทำเองเลยละกัน………

ในออฟฟิศ เปสลยืนอยู่หน้าหน้าต่างบานกว้าง แม้จะ บอกว่าไม่ทํา แต่หัวใจก็กำลังส่งเสียงโห่ร้อง !

แม้ว่าจะไม่มีการวินิจฉัยชี้ขาด แต่ผ่านเรื่องราวมา มากมายขนาดนี้แล้ว เขาก็ถือว่าจิดาภาเป็นลูกสาวของตัวเอง มาตั้งนานแล้ว

เขากลัวว่าถ้ามันจะใช่จริงๆ เธอจะตำหนิเขาแล้วบอกปัด

เขาและทิ้งเขาไป…..

ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ ก็ไม่สามารถอดกลั้นความตื่น เต้นที่อยู่ในใจไว้ได้

ยืนอยู่ที่หน้าต่างบานกว้าง ใบหน้าที่ได้ผ่านมรสุมอย่าง โชกโชนก็มีความตึงเครียดและตื่นเต้น

ตอนแรกจิดาภากับพันเดชจะกลับไปแล้ว ทว่าได้รับสาย ระหว่างทาง จึงเลี้ยวรถกลับไปตระกูลสวันนีย์

ข่าวที่ว่าจิดาภาหายไป เปรมศักดิ์ไม่ได้บอกคู่สามีภรรยาตระกูลสวันนีย์ กลัวว่าพวกเขาจะเป็นห่วง

แต่เมื่อรู้ว่าจิดาภาปรากฏตัวออกมาแล้ว เปรมศักดิ์ วางใจลงได้ แม้ว่าเธอไม่ได้โทรมาสักสาย แต่ตราบใดที่เธอ ได้ดีก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ ?

ตระกูลสวันนีย์

เมื่อการันต์กับจันทนเห็นจิดาภาแล้ว “เด็กคนนี้นี่นะ มัน เป็นอะไรเนี่ย สองสามวันที่แล้วโทรหาหนูก็โทรไม่ติดสักหน่อย ปล่อยให้พี่ชายใหญ่ของหนูไปหาหนู หนูก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน จันทนีพูด

พูดแบบนี้ก็หมายความว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ สองสามวันที่แล้ว

จิดาภากำลังจะเอ่ยปากพูด ขณะนั้นพันเดชก็เอ่ยปากพูด ขึ้นว่า “สำหรับเรื่องนี้ผมไม่ดีเองครับ สองสามวันที่แล้วทำให้ เธอโกรธ ดังนั้นเธอก็เลยปิดเครื่องตลอดเวลา !”

เมื่อพูดแบบนี้ออกไป จันทนีก็มองไปที่จิดาภา ส่วนจิดา ภาก็ได้แต่ยิ้ม และไม่ได้ปฏิเสธ

“คนสองคนอยู่ร่วมกัน จะไม่มีความขัดแย้งกันที่ไหนล่ะ แต่ยังไงก็ตาม ก็ต้องให้มันดีๆ อย่าปล่อยให้คนที่บ้านต้องเป็น ห่วง !”

“หนูรู้แล้วค่ะแม่ ขอโทษนะคะที่ทำให้แม้ต้องเป็นห่วง !” จิดามาพูดอย่างออดอ้อน
กชกรที่ยืนอยู่ข้างหลังก็มองไปที่เธอ “ใช่แล้วจิ โทรหาเธอ ไม่ติดเลย พวกฉันเป็นห่วงเอามากๆ !”

“ขอโทษนะคะพี่สะใภ้ ที่ทำให้พวกคุณเป็นห่วง! จิดาภา พูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ได้โทษเธอหรอกจ้ะ !” กชกรพูดด้วยรอยยิ้ม

ขณะนั้นเปรมศักดิ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้เอ่ยปากพูดตั้งแต่ แรก ได้แต่มองไปที่จิดาภาอย่างเฉยเมย

ขณะนั้นการันต์ก็เอ่ยปากพูดขึ้น “เอาล่ะ กลับมาที่หนึ่ง ไม่ใช่ง่ายๆ อย่าไปพูดถึงเรื่องนี้เลย กินข้าวกันก่อนเถอะ !

จากนั้นทั้งครอบครัวก็เดินไปที่โต๊ะอาหาร

“จิ ทำไมฉันมองว่าเธอผอมลงแล้วเนี่ย !” กชกรพูด

“งั้นเหรอ ?” จิดาภามองดูตัวเอง ไม่ใช่ตอนนี้ควรจะดู

อ้วนขึ้นนิดหน่อยเหรอ ?

“ใช่ อาจเป็นเพราะชุดที่เธอใส่อยู่ ทำไมเธอถึงสวมชุด ชิลๆ ขนาดนี้ล่ะ !” กชกรถามขึ้นอย่างเรื่อยเปื่อย

“ดูไม่สวยเหรอ ?” จิดาภาถาม

“ดูสวยอยู่ จิใส่อะไรก็ดูสวยไปหมดนั่นแหละ !” กชกรพูด ด้วยรอยยิ้ม

จิดาภายิ้ม ไม่ได้อยากเอาเรื่องที่ตั้งท้องมาบอกในตอนนี้ รอให้คงที่สักหน่อยแล้วค่อยว่ากัน !
พันเดชเห็นจิดาภาไม่ได้อยากจะพูด จึงไม่พูดออกไป

สายตามองไปที่เปรมศักดิ์ ดวงตาของเขามองไปที่จิดาภา เป็นครั้งคราว สายตาแบบนั้นทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจมาก

“พันเดช ดื่มสักแก้ว ตั้งแต่ตอนที่เกิดอุบัติเหตุทางเครื่อง บินจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยเจอเลยนะ โทรหาพวกคุณไม่หยุด แต่ก็โทรไม่ติด ดีแล้วที่ไม่ได้เป็นอะไร ไม่งั้นจะทำให้พวกผม เป็นห่วงแทบตายเลยนะ !” การันต์พูด

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ พันเดชก็ยกแก้วที่อยู่ตรงหน้าขึ้นทันที “คุณ ลุงครับ ทำให้คุณเป็นห่วงแล้วสินะครับ ! เมื่อพูดไปแล้วทั้งสองคนก็ชนไปหนึ่งแก้ว

คนที่อยากรู้อยากรู้อยากเห็นมากที่สุดคือกชกร “พี่พันเดช คะ มันคือเรื่องอะไรกันเนี่ย ตอนที่เกิดอุบัติคุณรู้สึกยังไงบ้างคะ คิดอะไรอยู่ กลัวไหมคะ ?”

สายตาของพันเดชกวาดไปที่เปรมศักดิ์อย่างไม่รู้ตัว เขา กินของอย่างใจเย็น ดวงตาก็ไม่ยอมยกขึ้นสักนิดเดียว

มุมปากก็ยกขึ้นอย่างเย้ยหยัน จากนั้นพันเดชก็หันกลับ แล้วมองไปที่จิดาภา สายตาก็กลับกลายเป็นอ่อนโยนมาก ใน ตอนนั้นผมแค่กลัวว่าผมจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว ดังนั้นผมก็ต้อง เอาตัวรอดเพื่อเธอให้ได้ !

กชกรเป็นคนที่อ่อนไหว เมื่อได้ยินสิ่งนี้ก็ซาบซึ้งมาก
“จิ เธอมีความสุขมากเลยนะเนี่ย !” กชกรพูด

จิตาภาไม่เคยถามพันเดชว่ากลัวหรือไม่ คิดอะไรอยู่ เพราะต้องกลัวอยู่แล้วแน่นอน แต่นึกไม่ถึงเลยว่า ในตอนนั้น เขายังนึกถึงสิ่งนี้

เมื่อมองไปที่พันเดช มุมปากของจิดาภาก็ยกขึ้น ความ

ซาบซึ้งใจเผยออกมาจากหัวใจอย่างไม่รู้ตัว

เห็นพวกเขาสบตากันและกัน กชกรก็กัดตะเกียบ สายตา เผยความอิจฉาออกมา

เป้าหมายในชีวิตของเธอคือการหาคนที่เธอรักและก็รัก

เธอ

หันสายตามองไปที่เปรมศักดิ์ เขาก็กินแต่ข้าวอย่างเดียว ไร้สีหน้า กชกรจึงรู้สึกท้อใจอยู่บ้าง จนกระทั่งตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่เคย……. เมื่อกินของไปแล้วกชกรก็รู้สึกกินอย่างไร้รสชาติ เมื่อมองเห็นจิดาภาดีกับพันเดชขนาดนี้ การันต์กับจันทนี ก็วางใจ

“ยังไงก็ตาม ความเจ็บที่เกินทน จะหลอมคนให้ทนทาน

ในอนาคตพวกคุณจะดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน !” การันต์พูด เมื่อได้ยินสิ่งนี้มุมปากของพันเดชก็ยกขึ้น “ผมก็คิดแบบ นั้นครับ แต่ในอนาคต สำหรับคนที่มองผมไม่เข้าตา จะไม่ได้ดีแน่นอน !” เมื่อพูดถึงประโยคนี้ ดวงตาของเขาก็กวาดมองไปที่ เปรมศักดิ์ที่อยู่ตรงข้ามอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาได้แต่กินอาหาร อย่างเฉยเมย ทั้งโต๊ะก็เป็นคนที่เงียบที่สุด

การันต์กับจันทน์ก็ไม่เข้าใจว่าคำพูดของเขาหมายถึงอะไร แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก

ขณะนั้นการันต์ก็หันหัวไปมองเปรมศักดิ์ที่ไม่ได้พูดสักคำ แล้วเอ่ยปากพูดขึ้น “เปรมศักดิ์ ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ กว่าจิกับพันเดชจะได้กลับมา คุณไม่คิดจะดื่มกับพันเดชสักแก้ว เหรอ ?”

“เดี๋ยวผมจะต้องขับรถอีกครับ ไม่สามารถดื่มเหล้าได้ !

“คุณจะไปไหน ? ไม่ใช่ไม่ออกไปแล้วเหรอคะ ?” กชกร ถามขึ้นอย่างกะทันหันเปรมศักดิ์ เดี๋ยวยังมีลูกค้า ดังนั้นก็เลยต้องออกไป !”

…อ้อ !” น้ำเสียงของกชกรอ่อนลง

“ดึกขนาดนี้แล้วยังมีลูกค้าอะไร เลื่อนไปวันพรุ่งนี้ไม่ได้เห รอ ?” จันทนีก็ถาม

“ถ้าพี่ชายใหญ่ไม่อยากดื่มกับผมก็ไม่เป็นไรครับ !” คำ พูดของเปรมศักดิ์ยังไม่จบก็ถูกพันเดชขัดจังหวะ
ในตอนนี้พันเดชก็ดื่มเหล้า มุมปากยิ้มขึ้น มองไปที่เขา อย่างเล่นหูเล่นตา

สำหรับพันเดชแล้ว ยิ่งเขายิ้มได้สง่างามมากแค่ไหน ก็ยิ่ง พิสูจน์ได้ว่าในใจของเขามีความลับมากแค่นั้น

ลังเลอยู่ชั่วขณะ เปรมศักดิ์จึงยกแก้วขึ้น “ผมดื่มคารวะ

คุณหนึ่งแก้ว !”

“ไม่บังอาจครับ !” พันเดชเอ่ยปากพูดลอย เมื่อแก้วสัมผัส กันแล้วก็ดื่มไปหนึ่งอีกจนหมด

ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่จิดาภารู้สึกได้ว่าเหมือน พวกเขาจะมีส่วนที่ผิดปกติอยู่ ได้ยินไปรยาพูดว่าพวกเขาเคย ทะเลาะวิวาทกันเพราะเธอ ส่วนจิดาภาก็เอาเรื่องนี้นึกไปถึง เรื่องนั้นเป็นธรรมชาติ

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว จิดาภากับพันเดชก็กำลังจะไป

ขณะนั้นมือของพันเดซกอดจิดาภาเอาไว้ มุมปากยกขึ้น ตั้งใจทำเป็นเมาไปบ้างแล้ว “ภรรยาครับ วันนี้ผมดื่มเหล้าแล้ว ดังนั้นน่าจะต้องรบกวนให้คุณขับรถแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ