ภรรยาที่น่าเกลียดของฉันเป็นคนสวย หรือไม่?

ตอนที่789ค่าขอบคุณของเจมน่า



ตอนที่789ค่าขอบคุณของเจมน่า

ตอนที่ 789 คําขอบคุณของเจมน่า

โชคดี ที่มีดแทงเข้าไปไม่ลึกเท่าไหร่ ไม่ยังงั้นต้องกังวล เกี่ยวกับเรื่องชีวิตจริงๆ

เปศลกินข้าว ปวีร์ก็มองอยู่ข้างๆ “มัลล์ เป็นยังไงบ้าง? เรียกหมอมาดูหน่อยดีมั้ย? ”

เปลส่ายหน้า ถึงแม้ว่าจะผ่านไปหนึ่งวันแล้ว แต่ว่าหน้า เขายังซัดอยู่นิดหน่อย

ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะว่าปัญหาเรื่องสุขภาพ เขาก็คงไม่ ออกจากทางมืดเร็วขนาดนี้หรอก เขาพยายามรักษามาตลอด เมื่อวานตอนที่คนบริจาคเลือดยังไม่มาถึง เขาก็ได้แต่ขอให้ พยาบาลเอาเลือดไปเพิ่ม แม้แต่กดค้างไว้เพื่อบังคับไม่ให้ พยาบาลหยุดถ่ายเลือดไป

ถ้าเกิดว่าพยาบาลไม่ได้หยุดให้ทันเวลา ไม่รู้ว่าตอนนี้เขา จะเป็นยังไงบ้าง

“ไม่เป็นอะไร!

และในตอนนี้เอง พ่อครัวก็เดินออกมา ถืออาหารมาชาม นึง พ่อครัวคนนี้ปวีร์เป็นคนหามาให้เปศลเป็นพิเศษ รับผิด ชอบเรื่องอาหารและโภชนาการของเปศล
“นี่สำหรับบำรุงเลือดครับ คุณเปศลดื่มเยอะๆ

ครับ! “พ่อครัวบอก

เลยนะ

เปศลพยักหน้า ดื่มซุปตรงหน้าไปหลายคำ สำหรับ ร่างกายของตัวเองนั้น เขาไม่เคยขี้เหนียวที่จะดูแล สิ่งที่มันมี ประโยชน์ เขาก็จะไม่ปล่อยให้คนรอบข้างต้องกังวล

ปวีร์มองอยู่ข้างๆ ความรู้สึกก็ผสมปนเปกันอยู่ในใจ เป็น ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้

เปศวางชามลง มองหน้าปวีร์ “ใช่สิ เป็นยังไงบ้าง? “

“ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูก พรุ่งนี้ก็น่าจะ สามารถกลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้วครับ! “ปวีร์พูด

เปศลก็เลยพยักหน้าอย่างสบายใจ “แล้วคนๆ นั้นล่ะ? “

เขาหมายถึงนิสนธิ์ ปวีร์เข้าใจดี

“หลักฐานที่เขาได้กระทำผิดทั้งหมด พันเดชได้ส่งเรื่องไป แล้ว ครั้งนี้น่าจะได้ไปนอนในคุกจริงๆ!

พอได้ยินข่าวนี้ เปศลก็สบายใจ “ไปสืบมาหน่อยว่าบ้าน เขายังมีใครอยู่อีก! ”

ปวีร์พยักหน้า “ได้ครับ! ”

เพราะว่าอยู่สังคมภายนอกมานาน เขาก็กลัวว่าคนใน บ้านของนิสนธิ์จะมาสร้างเรื่องให้จิดาภา เพราะฉะนั้นเรื่องพวก

นี้เปศลได้คิดเผื่อเธอเรียบร้อยแล้ว
พอรู้ว่าจิดาภาไม่ได้เป็นอะไร เปศลก็เลยสบายใจ ตอนที่ กินข้าวนั้น ความอยากอาหารที่เพิ่มขึ้น

“มัลล์ อยากให้ผมส่งของอะไรไปให้มั้ยครับ?

พอพูดถึงเรื่องนี้ เปศลก็หยุดกิน นึกถึงบทสนทนาที่โรง พยาบาลเมื่อวันนั้น สิ่งที่กลัวก็คือ เขาเริ่มสงสัยแล้ว

พันเดชที่เป็นคนความรู้สึกไวและฉลาดแบบนั้น ถ้าเกิดว่า รู้ก็ไม่ใช่เรื่องมากเกินไปหรอก

แต่ว่าตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลา

“ไม่ต้องหรอก! “เปศลพูด “ตอนนี้พันเดชเริ่มสงสัยแล้ว เราหยุดซักพักแล้วค่อยว่ากันใหม่เถอะ!

ปวีร์พยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ! “

สำหรับเรื่องบริจาคเลือดนั้น

คนที่แปลกใจมากที่สุดนั้น นอกจากคู่สามีภรรยาตระกูลส วันนีย์แล้ว ก็ยังมีวรชิต

คู่สามีภรรยาตระกูลสวันนีย์ไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์

ระหว่างเปศลกับจิดาภา คนที่รู้มากที่สุด ก็คือวรชิต

เขาก็เหมือนกับเป็นผู้สังเกตการณ์ เป็นพยานในเรื่องนี้

แต่ว่ายังมีเรื่องที่ยังคลุมเครือที่เขายังไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ว่าวัน นั้นการที่เห็นว่าจู่ๆ เปศลก็ปรากฏตัว แล้วก็ยังบริจาคเลือดอีก เขาก็ต้องคิดเยอะอยู่แล้ว
พอเห็นวรชิตรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาล คุณหญิงภารดีก็พูดออกมาอย่างอดไม่ได้ “คุณเป็นอะไรไป ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลก็แปลกไปเลยนะ!

พอได้ยินเสียงของตุรีย์ วรชิตก็ได้สติ “ไม่มีอะไรหรอก แค่ คิดเรื่องอะไรที่มันกวนใจนิดหน่อย

อ้างอิงจากการที่คุณหญิงภารดีรู้จักเขาดี แน่นอนว่ามัน ต้องมีอะไรมากกว่านั้น “ตั้งแต่ตอนที่คุณเจอเปศลที่โรง พยาบาล ก็เป็นแบบนี้มาตลอด คุณรู้จักเขาหรอ? “

ไม่คิดว่ารีย์จะสังเกตอะไรละเอียดขนาดนี้ ก็จริง เธอเป็น ผู้หญิงที่มีจิตใจงดงาม สังเกตรายละเอียดเล็กน้อย จะมองไม่ ออกได้ยังไงว่ามันมีเรื่องที่ผิดปกติ

“พวกเราอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ คุณยังไม่วางใจกับฉัน อีกหรอ? “คุณหญิงภารดีถาม แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันมา สิบปีแล้วก็ตาม แต่ว่าวรชิตก็ยังชอบมีอะไรก็เก็บไว้ในใจ ไม่ว่า เธอจะฉลาดแค่ไหน สังเกตแค่ไหน ก็ต้องการการเชื่อใจจาก เขาเหมือนกัน

มองตาของสุรีย์ วรชิตก็รู้ดีว่าหลายปีมานี้เขาทำให้เธอ เข้าใจผิด รู้สึกผิดต่อเธอ แต่ว่าลองคิดดู สี่สิบปีมานี้ ต่อให้ เป็นแบบนี้ แต่ว่าเธอก็ไม่เคยบ่นอะไรเลยแม้แต่ประโยคเดียว ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจ แต่เพราะว่าเขาไม่อยากให้เธอรู้สึกกวนใจ กับเรื่องพวกนี้

แต่ว่าตอนนี้เธอก็พูดออกมาแล้ว วรชิตก็ไม่อยากจะปิดบังเธออีกต่อไป

“เธออยากรู้จริงๆ หรือ?

ตรีย์พยักหน้า

วรชิตคิดอยู่ครู่หนึ่ง หรี่ตาลงอยู่นาน แล้วก็พูดว่า “เป็นไป ได้ว่าเปศลจะเป็นพ่อของจิ ”

ข่าวนี้ทำให้คุณหญิงภารตะลึงไป

“คุณว่า… “เธอกะพริบตา รู้สึกยากที่จะเชื่อ

ดังนั้น วรชิตก็เลยเล่าความเป็นมาของเรื่องนี้ให้เธอฟัง

คุณหญิงภารดีฟังไปด้วย แล้วก็คิดวิเคราะห์ไปด้วย “เพราะฉะนั้น ตอนแรกที่คุณให้พันเดชแต่งงานกับเธอ เพราะ ว่าอยากจะชดใช้ให้เธอยังงั้นหรอ? ”

วรชิตพยักหน้า “ครึ่งนึงก็เป็นเหตุผลนี้แหละ!

ตอนเริ่มแรกน่ะใช่ แต่ว่าหลังจากนั้น เขาก็เห็นว่าจิดาภา ก็ไม่เลวเลย ก็เลยตัดสินใจแบบนี้

“พูดแบบนี้ ก็ถือว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นลูกสาวของ เปศลงั้นหรอ? ”

วรชิตพยักหน้า “สิ่งที่ฉันกังวลก็คือ เปศลเองก็รู้เรื่องนี้แล้ว เหมือนกัน! “เปศลอยู่ในทางมืดมานาน ตอนแรกก็ละทิ้งฉัตร ชัยเพราะผู้บังคับบัญชา ทำอะไรไม่ได้
ในความรู้สึกของเขา เปศลคือคนที่เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แล้ว จะไม่เลือกวิธีการเลย

ถ้าเกิดว่าปล่อยให้เขารู้ กลัวว่าเรื่องนี้ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูก เปิดเผยออกมา……..

คุณหญิงภารดีเม้มปากแน่น เหมือนกับว่ากำลังคิดอะไร อยู่ หลังจากผ่านไปซักพัก ก็พูดออกมา “ต่อให้รู้ เขาก็ไม่กล้า พูดหรอก! “

“ทําไมล่ะ? “

“ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขารู้หรือไม่รู้ ต่อให้มันเป็นเรื่องจริง ถ้าเกิดว่าตอนแรกเขาทิ้งฉัตรชัยจริงๆ และจิดาภาก็เป็นลูกของ เขา เขาก็จะกลัวว่าจิดาภาจะเกลียดเขา! “

“ถ้าเกิดว่าเขาไม่แคร์เรื่องนั้นจริงๆ คืนวันนั้นเขาไม่มี บริจาคเลือดให้หรอก เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่รู้ เขา ก็ไม่ผลีผลามหรอก! “คุณหญิงภารดีวิเคราะห์

วรชิตฟัง ก็ถือว่ามีเหตุผล เขาพยักหน้า “เธอพูดไม่ผิด ถ้า

ยืนอยู่ตรงจุดของฉัน ฉันก็แค่กังวลว่าเขาจะรู้เรื่อง แต่ว่าในเมื่อ เธอพูดแบบนี้ ก็ถือว่ามีเหตุผล! “

“ลองคิดดูสิ ต่อให้เปศลรู้เรื่องจริงๆ มันก็ถือว่าเป็นเรื่อง

ที่สมเหตุสมผลอยู่นะ! ”

“ฉันเคยรับปากกับฉัตรชัยไว้ ว่าไม่ให้เขาหาเธอเจอ แต่ ว่าตอนนี้ พวกเขาเจอกันแล้ว……
“บางที ฉัตรชัยอาจจะไม่ได้เกลียดเขาจริงๆ ก็ได้ ใน อนาคตข้างหน้า เธออาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้นะ หญิงการถาม คุณ

วรชิตมองหน้ารีย์ ความคิดของผู้หญิง เขาไม่ค่อยเข้าใจ หรอก เขารู้แค่ว่า ต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ได้รับปากไว้ ตอนนี้ เรื่องราวมันพัฒนามาจนถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าจะหยุดด้วยวิธีไหนก็ ไม่มีประโยชน์ ตรงกันข้าม ถ้าเกิดว่าทำอะไรมากเกินไปอาจจะ ทำให้เรื่องถูกเปิดโปงเร็วมากขึ้น

สุดท้าย วรชิตก็พยักหน้า “บางที เธออาจจะพูดไม่ผิดก็ได้

คุณหญิงภารดียิ้ม “ปล่อยมันไปตามธรรมชาติเถอะ ข่าวนี้

มันน่าตกใจก็จริง แต่ว่ามันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริง

อะไรได้ คุณเคยรับปากฉัตรชัย แต่นั่นก็เพราะว่าตอนนั้นยัง

เด็กอยู่ ตอนนี้เธอโตแล้ว เธอมีความคิดและข้อคิดเห็นของตัว

เอง ถ้าเกิดว่าเรื่องราวมันเป็นแบบนี้จริงๆ ก็ควรจะปล่อยให้

เธอเป็นคนเลือกเอง! ”

“เธอพูดถูก! “วรชิตอบ ไม่คิดว่าเรื่องที่ทำให้กลัดกลุ้ม

ใจมานาน แค่คุณหญิงภารดีพูดไม่กี่ประโยคก็ทำให้เขา สบายใจขึ้นเยอะเลย

คุณหญิงภารดียิ้ม แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ตอนนี้เอง วรชิตก็ยื่นมือไปกุมมือเธอไว้ “สุรีย์ นานขนาด นี้ ที่ฉันปิดบังเธอ แต่ไม่ใช่เพราะว่าฉันไม่เชื่อใจเธอนะ แต่ว่าฉันไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด และก็ไม่อยากให้เธอต้องรู้สึกกวน ใจเพราะเรื่องนี้ด้วย!

คุณหญิงภารดีพยักหน้า “ฉันรู้แล้ว! ”

“เธอโกรธฉันมั้ย? ”

คุณหญิงภารดียิ้ม “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน มีอะไรก็ ควรรับผิดชอบร่วมกัน! ” ประโยคเดียว ก็สามารถอธิบาย ความหมายของเธอได้แล้ว

วรชิตคิดอยู่ครู่หนึ่ง ที่เธอพูดก็ไม่ผิด เพราะว่าฉันคิดเห็น แก่ตัวมากเกินไป แต่ว่าฉันรับประกันเลยว่า ไม่มีเรื่องอะไรที่ ปิดบังเธออีกแล้ว!

“จริงหรอ? “

วรชิตยื่นมือออกมา “รับประกันได้! “

คุณหญิงภารตีก็คลี่ยิ้มออกมา แล้วพิงหัวไปที่วรชิต ตอน นี้เอง เหมือนปมทั้งหมดในใจของเธอได้ถูกคลายออกแล้ว

“หลายปีมานี้ ฉันเคยเดา เคยสงสัย เคยโกรธ และก็เคย ตำหนิเหมือนกัน ถ้าเกิดว่ารู้ตั้งแต่แรก ตอนแรกฉันคงไม่ เสียใจขนาดนั้น! “

“เพราะว่าฉันแก่ตัวมากเกินไป เอาแต่คิดถึงแต่ตัวเอง

เธอวางใจเถอะ ในวันข้างหน้า ฉันจะไม่ปิดบังอะไรเธออีกแล้ว! * หลังจากพูดจบ เขาก็จับมือของคุณหญิงภารดีไว้
คุณหญิงภารดียิ้ม แต่ว่าดวงตาของเธอกลับเต็มไปด้วย

หยดน้ำตา…….

ตระกูลสวันนีย์

ก็รู้สึกสงสัยเพราะเรื่องนี้เหมือนกัน

ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นแหวนนั้น การันต์กับจันทน์ก็สะเทือน ใจไม่น้อยเหมือนกัน แล้วจู่ๆ เปศลก็โผล่มาบริจาคเลือดอีก แล้วอีกอย่างตอนที่พูดเรื่องบริจาคเลือดนั้น พวกเขาก็พูดอะไร ไม่ออก ความรู้สึกแบบนี้ มันเหมือนพ่ายแพ้จริงๆ

สุดท้าย จันทนีก็อดกลั้นไม่ไหว มองหน้าการันต์ “คุณว่า เปคลคนนั้น จะเป็นพ่อที่แท้จริงของจรึเปล่า? “ การันต์ถอนหายใจออกมา เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควร

จะพูดอะไร แต่ว่าทั้งหมดนี้ มันเป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไป

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน การันต์ตอบ แต่ว่าเรื่อง ทั้งหมดนี้มันเหมือนจะไปในทิศทางเดียวกัน เพราะวันนี้เปศุลก ปรากฏตัวได้ทันเวลาพอดี

นอกจากนั้น เขาก็ให้คนตามจิดาภาตลอด..…..….. พอคิดถึงตรงนี้ การันต์ก็อดใจสั่นไม่ได้

“ถ้าเกิดว่าใช่จริงๆ ล่ะก็ คุณว่า เขาจะรู้เรื่องรึยัง? ” ฉันทนีสงสัย

“เธอต้องสงบก่อน บางที เรื่องอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้” การันต์พูด ประโยคนี้ไม่รู้ว่าเพื่อกล่อมจันทน์หรือว่า กล่อมตัวเองกันแน่

“ครั้งแรกคือเหตุบังเอิญ แต่ว่าพอครั้งที่สองฉันก็ไม่เชื่อว่า มันจะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้หรอกนะ คือลูกสาวของฉัน ฉัน เลี้ยงมากับมือจนโต ต่อให้ไม่ได้มีสายเลือดของฉัน แต่ว่าฉันก็ มองเธอเป็นเมืองลูกสาวแท้ๆ แล้วอีกอย่างเปศลก็เป็นหัวหน้า ของทางสายมืด ฉันจะไม่เป็นห่วงได้ยังไง! ” จันทนีพูด

“เดาไปแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก…. การันต์พูดออก มาแบบสายๆ สายตามองไปที่ไหนซักแห่ง สุดท้ายสายตาของ เขาก็เปลี่ยนเป็นแน่วแน่ “เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะนัดเขาออกมาคุย หน่อย……”

งานแต่งงานใกล้เข้ามาแล้ว เจมน่าก็ใกล้จัดการเรียบร้อย แล้ว!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ