ภรรยาที่น่าเกลียดของฉันเป็นคนสวย หรือไม่?

ตอนที่ 672เมื่อ20ปีก่อน



ตอนที่ 672เมื่อ20ปีก่อน

ตอนที่ 672 เมื่อ 20 ปีก่อน

วรชิตนั่งอยู่ในห้องหนังสือ ในมือของเขาคีบบุหรี่อยู่ คิด เรื่องที่เจอเปศล ที่งานเลี้ยงเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ทำยังไงเขาก็ นอนไม่หลับ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก

เขาเปิดกล่องออกแล้วหยิบรูปถ่ายใบเก่าขึ้นมาใบหนึ่ง

ในรูปนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดตำรวจ ข้างๆ มีผู้หญิงอีก คน ผู้หญิงคนนั้นมีหน้าตาคล้ายจิดาภาเป็นอย่างมาก ไม่รู้ เพราะว่าเสื้อผ้าที่สวมหรือว่าสายตานั่น ที่ทำให้ภาพนี้ดูเก่า

เมื่อมองดูรูปแล้ว ทำให้วรชิตหวนคิดถึงเรื่องที่นานมา

มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ในปีนั้นวรชิตสร้างเนื้อสร้างตัว

แล้ว

ได้ด้วยตัวเอง ช่วงที่เขากำลังจะตั้งตัวได้ เขาถูกรีดไถเงิน

หนำซ้ำยังโดนจับตัวไป เขาต้องใช้ความพยายามเป็นอย่าง

มากกว่าจะหนีออกมาได้ แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะโดนเจอตัวจน

เกือบจะโดนฆ่า แต่เคราะห์ดีที่ คัมภีร์ คนที่ดูแลคดีนี้มาช่วย

เขาไว้ได้ทัน แต่คนที่มาช่วยเขากลับต้องตายในหน้าที่

ตอนนั้น วรชิตช็อกเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะโดนช่วยออกมา แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เมื่อวรชิตรู้ว่าเขามี ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ วรชิตจึงดูแลภรรยาของเขาอย่างดี ที่สุด

ด้วยเหตุนี้จึงได้รู้จักกับฉัตรชัย

เธอไม่โกรธวรชิตที่เป็นคนทำให้คัมภีร์ต้องตาย กลับกัน เธอคุ้นเคยกับวรชิตเพราะเขาดูแลเธอ เขาได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับ เปศลมามากมาย ตอนนั้นวรชิตไม่รู้ว่าเปศลเป็นคนอย่างไร เห็นก็แต่เพียงภาพถ่ายเท่านั้น

แต่ว่า วรชิตก็ไม่ได้สนใจอะไร เขารู้เพียงว่าต้องดูแลฉัตร ชัยให้ดีก็เพียงพอแล้ว แต่ก็เกิดเรื่องที่คาดไม่ถึง คือ เมื่อฉัตร ชัย ใกล้คลอด เธอหายตัวไป

วรชิตตามหาเธอเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่ได้ยินข่าวคราว

ของเธอ

จนกระทั่งในคืนหนึ่ง เขาได้รับโทรศัพท์จากฉัตรชัย และ เขาก็ได้รู้จากการพูดคุยกับเธอครั้งนี้ว่า ลูกในท้องของฉัตรชัย ไม่ใช่ลูกของคัมภีร์ แต่เป็นลูกของคนอื่น

ประโยคที่เขาคุยกับเธอในตอนนั้น “วรชิต ถ้าคุณเห็นแก่ คัมภีร์จริงๆ คุณดูแลเด็กคนนี้ได้ไหม ฉันทิ้งเธอเอาไว้หน้าบ้าน ตระกูลสวันนีย์ สัญญากับฉันนะว่าทั้งชีวิตนี้อย่าให้เธอพบกับ คนที่ชื่อเปศล!

จากนั้นโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไป
ตอนที่วรชิตอยากจะถามให้มันชัดเจน โทรศัพท์ก็ถูกตัด สายไปแล้ว

วรชิตตามหาฉัตรชัย มาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีข่าวคราว ของเธอเลย ดังนั้นจึงทำตามคำที่เธอบอกไว้ คือ ตามหาเด็ก คนนั้น

ในวันนั้น เขาได้ยินว่าการันต์รับเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง

ตอนนั้นมีความคิดอยากจะเอาเธอกลับมา แต่เมื่อเห็น การันต์เอ็นดูเธอขนาดนั้น วรชิตจึงอดทนไว้ เขาจึงถือโอกาส เก็บงำภูมิหลังของจิดาภาเอาไว้

พริบตาเดียวก็ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว

นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงอยากให้พ้นเดชแต่งงานกับ

ดาภา

หนึ่งก็คือเขาเอ็นดูจิดาภาเป็นอย่างมาก สองก็คือเขารู้สึก ผิดกับเรื่องเมื่อก่อนที่คัมภีร์ ต้องตายเพราะช่วยชีวิตเขา ส่วน ฉัตรชัย ก็หายไปอย่างไรร่องรอย มีเพียงลูกเท่านั้นที่เขา สามารถชดเชยให้ได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ วรชิตก็ถอนหายใจออกมา

ดีที่ตอนนี้จิดาภากับพันเดชอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ ทว่าเขาไม่รู้เลยว่าจะสู้หน้าพวกเขาอย่างไร

เรื่องทั้งหมดนี้เขาเกือบจะลืมไปหมดแล้ว แต่เมื่อได้เจอ เปศล ในวันนี้ เรื่องราวต่างๆ มันก็ย้อนกลับมาในหัวสมองเขาอีกครั้ง

แต่ว่า…

ทำไมถึงไม่อยากให้จิดาภาเจอกับเบศล ล่ะ? ขณะที่วรชิตกำลังคิดอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู วรชิตจึงรีบเก็บรูปภาพนั้นลง กล่องและเก็บมันลงไปที่เดิม

เมื่อเก็บเรียบร้อยแล้ว เขามองไปยังประตูและพูดออกมา “เข้ามา!

พันเดชผลักประตูและเดินเข้าไป

“พ่อ!”

“ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่นอนหรือไง? เมื่อเห็นว่าเป็นพันเดช วรชิตก็ถามไปตามอารมณ์

“ดึกขนาดนี้แล้วพ่อก็ยังไม่นอนหรือครับ?” พันเดชพูด พลางเหลือบมองที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะ นานแล้วที่วรชิตไม่ได้สูบ บุหรี่ แต่เมื่อเขาหงุดหงิดใจเมื่อใด เขาก็มักจะสูบ เห็นได้ชัดว่า วันนี้อารมณ์ของเขาไม่ค่อยดี

“อืม ฉันกำลังจะไปนอนแล้ว!

“พ่อ” พันเดชเดินไปถามพ่อของตน “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หรือเปล่าครับ?”
“ไม่มีอะไร นายคิดมากไปแล้ว

“ก็เมื่อไรที่พอมีเรื่องไม่สบายใจ พ่อก็จะสูบบุหรี่” พูด พลางมองไปยังที่เขี่ยบุหรี่เป็นเชิงบอกว่าเขาดูออก อีกทั้งใน งานเลี้ยงเมื่อตอนค่ำ ตอนเจอเปศล พ่อก็ดูไม่สบายใจ

วรชิตอึ้งๆ ไป เขาเหลือบมองพันเดช ก็ตระหนักได้ว่าไม่มี เรื่องอะไรสามารถปกปิดพันเดชได้

วรชิตทำท่าเป็นเชิงให้พันเดชนั่งลง วรชิตถอนหายใจออก มา “อันที่จริงก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร แค่คิดถึงเรื่องที่นานมามาก แล้ว”

“พ่อรู้จักเปศลใช่ไหม?”

จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ พันเดชเป็นคนฉลาดหลักแหลม แค่มี อะไรผิดปกตินิดหน่อย เขาก็ดูออกหมด

“จะพูดว่ารู้จักก็ไม่ได้ แค่เคยได้ยินมาน่ะ เพื่อนเก่าของฉัน รู้จักเขา” วรชิตพูด

“เพื่อนเก่า?” พันเดชขมวดคิ้ว

วรชิตพยักหน้า แล้วมองพันเดช “นายยังจำได้ไหม ตอน นายยังเด็ก มีเรื่องเกิดขึ้นกับฉัน ฉันโดนคนจับไป

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของพันเดชก็เต็มไปด้วยความ สงสัย เขาพยักหน้า “จำได้ครับ จำได้ดีด้วย ผมจำได้ว่ามี ตำรวจคนหนึ่งช่วยชีวิตพ่อไว้
วรชิตพยักหน้า “ใช่ ตำรวจคนนั้นช่วยชีวิตฉันไว้ เขาเลย

ต้องตาย

พันเดชหยักหน้า เรื่องนี้ทำให้เขาประทับใจมาก

“ตำรวจที่ช่วยชีวิตฉันไว้คนนั้น คือคนที่จับเปคลเข้าคุก

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น พันเดชก็อึ้งไปชั่วครู่ คิดไม่ถึงว่าเรื่องมัน จะบังเอิญถึงขนาดนี้

“เพราะอย่างนี้ เมื่อพ่อเจอเขาในงาน ก็ทำให้พ่อคิดถึง เรื่องพวกนั้น?” พันเดชถาม ถ้าแค่เพราะเรื่องนี้อาจจะไม่ค่อย เกี่ยวกันนัก

วรชิตพยักหน้า

“พ่อรู้เรื่องของตำรวจคนนั้นกับเปศลได้ยังไง?

“ภรรยาเขาเป็นคนบอกฉัน

พันเดชพยักหน้า เรื่องเป็นแบบนี้นี่เอง “แล้วภรรยาของ

เขาล่ะ?”

วรชิตส่ายหน้า “ในปีนั้นฉันอยากจะดูแลเธอให้ดี แต่คิด ไม่ถึงว่าเธอจะหายตัวไป… เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของวรชิต เหมือนจะตำหนิตัวเอง

พันเดชมองพ่อตัวเอง ดังนั้น พ่อจึงสงสัยว่าเปศล เป็นคน ลักพาตัวภรรยาของเขาไป?”

วรชิตส่ายหน้า “ไม่รู้ จนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าในตอนนั้นเปศล อยู่ในคุก มันไม่น่าจะเป็นไปได้ วัน นี้ฉันเห็นเขาก็เลยคิดถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเท่านั้น

เรื่องที่ยังสงสัยอยู่ในใจ เขาไม่ได้พูดมันออกมา

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น พันเดชพยักหน้าแล้วพูดว่า “พ่อ เรื่องนี้ มันก็ผ่านมานานมากแล้ว พ่อไม่ต้องโทษตัวเองแล้ว อีกอย่าง การหายตัวไปของเธอก็ไม่ใช่สิ่งที่พ่ออยากให้เกิด จริงๆ แล้ว เมื่อสองสามปีก่อนผมรู้ว่าพ่อตามหาเธออย่างเงียบๆ มาโดย ตลอด…

ได้ฟังดังนั้น วรชิตเงยหน้ามองลูกของตน แววตาฉายแวว แปลกใจ

“นาย…” เขาไม่นึกว่าพันเดชจะรู้เรื่องนี้

“ในตอนนั้น อันที่จริง ผมก็เคยแอบตำหนิพ่อ แต่ต่อมา เมื่อไม่เจอผู้หญิงคนนั้น ผมก็ไม่ได้คิดอะไรอีก” พันเดชพูด ความจริงออกมา

“แล้วแม่ของนาย….

“แม่ก็รู้เรื่องนี้ แม่เป็นคนบอกผมเองว่าอย่าตำหนิพ่อ” พัน เดชพูด “แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้

วรชิตอึ้งไป

เดิมทีคิดเพียงว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ไม่คิดว่าจะเกิดการเข้าใจผิดแบบนี้
แต่เขายอมรับว่าเขาก็ประทับใจมากเช่นกัน

เรื่องเข้าใจผิดมานานขนาดนี้ เธอไม่ถามไม่พูดอะไรกับ เขาสักคำ แถมยังดูแลเรื่องในบ้านได้อย่างเป็นระเบียบ เรียบร้อย

ในใจของวรชิตเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้

ขณะนั้นเอง พันเดชก็ลุกขึ้นมาแล้วมองวรชิต “ขอโทษนะ ครับพ่อ ผมเข้าใจผิดมาตั้งหลายปี ที่แท้มันไม่ใช่อย่างที่เราคิด ผมว่าถ้าพ่อพูดเรื่องนี้ออกไป แม่ต้องเข้าใจและให้อภัย ระหว่างสามีภรรยา ขอแค่มีความจริงใจ เมื่อมีความจริงใจ จึง เกิดความเชื่อใจ แม่เป็นคนดี” พันเดชพูดอย่างจริงใจ

ถึงแม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว เธอก็ไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาโดยตลอด แต่เธอรู้ ถ้าไม่อธิบายมันก็จะกลายเป็นปมที่อยู่ ในใจไปโดยตลอด

วรชิตคิดไม่ถึงว่า คนที่ปล่อยตัวจนเคยชินอย่างลูกชาย ของเขา จะมาสอนเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้

แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่เขาพูดมามันมีเหตุผล

พูดจบ พันเดชก็หมุนตัวเดินออกไป

วรชิตยังนั่งคิดอยู่ในห้องหนังสือ เขานั่งอยู่เนิ่นนานจึงลุกขึ้นและเดินกลับห้อง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ