ภรรยาที่น่าเกลียดของฉันเป็นคนสวย หรือไม่?

ตอนที่776กชกรระบายความทุกข์



ตอนที่776กชกรระบายความทุกข์

ตอนที่ 776 กชกรระบายความทุกข์

สิ่งที่ทำให้จิดาภารู้สึกประหลาดใจคือเจมน่าไม่ได้กลับไป

แม้ว่าAlbertจะมารับหล่อนด้วยตัวเอง แต่เจมน่ายังไม่ กลับไป แสดงให้เห็นถึงความรักความตามใจของAlbert จนถึงขั้นอะลุ่มอล่วย

พันเดชต้องไปทานข้าวกับAlbert แต่จิดาภาไม่ได้ไปด้วย เพราะหล่อนไม่คุ้นเคยสนิทกับAlbert และหล่อนไม่อยาก รบกวนการพูดคุยถึงความหลังของพวกเขา

ระหว่างเวลาทานอาหารพันเดชมองไปที่Albert “ทำไมอาจารย์กลับเร็วจังเลยครับ?”

“ที่บริษัทยังมีงานอีกมากมายรอฉันไปจัดการ อยู่นานไม่ได้!”

พันเดชพยักหน้าลง “แล้วเจมน่าล่ะครับ…?

“หล่อนยังไม่กลับไปชั่วคราว!”

พันเดชขมวดคิ้ว “ทำไมล่ะ?”
“หล่อนยังไม่อยากกลับตอนนี้ ฉันไม่อยากบังคับ อีก อย่าง ถ้าหล่อนไม่อยากกลับไปเอง ถึงแม้ว่าฉันจะฉุดรั้งหล่อน กลับไป หล่อนก็คงไม่มีความสุข!

เมื่อเห็นว่าพันเดชไม่พูดอะไรต่อ Albertจึงพูดขึ้น บางที ต้องรอให้หล่อนตายใจ จึงจะยอมกลับไป

คำพูดนี้หมายความว่ายังไง พันเดชเข้าใจดี สายตากวาด

มองไปมา ครุ่นคิดสักพัก พยักหน้าลง “ผมเข้าใจแล้ว!

“หล่อนอยู่ที่นี่คงไม่สร้างเรื่องให้นายต้องปวดหัว แต่…อาการของหล่อน ต้องรบกวนนายช่วยดูแลด้วยนะ!” Albert นเนื้อทานด้วยท่าทีสง่างาม

พันเดชพยักหน้าลง “ผมทราบดีครับ ผมจะทำให้เต็มที่

จากนั้น ทั้งสองก็คุยเรื่องชีวิตทั่วไป อยู่ที่นี่หนึ่งวันหนึ่งคืน ท้ายสุดAlbertก็กลับไป

ตอนที่เขาขึ้นเครื่องกลับ พันเดชกับเจมน่าไปส่งเขาที่

สนามบิน

“คุณพ่อ หนูจะคิดถึงพ่อนะ!”

“รีบกลับมาล่ะ อย่าทำให้พ่อต้องเป็นห่วง Albertพูดขึ้น เจมน่าพยักหน้าลง เมื่อมีเสียงประกาศดังขึ้น Albertก็ขึ้น เครื่องไป

หลังจากที่เขาเดินออกไป ตรงนั้นเหลือเพียงแค่พันเดชและเจมน่า พันเดชพูดขึ้น “ผมไปส่งคุณกลับบ้าน!

เจมน่าไม่ปฏิเสธ พยักหน้าลง เดินขึ้นรถไปกับเขา

ขณะที่รถกำลังแล่นผ่านไปบนท้องถนน รถยนต์รอบข้าง แซงผ่านหน้าพวกเขาไปกันแล้วคนเล่า

เจมน่าหันออกไปมองพันเดซด้านข้างที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ แม้ว่าจะมองจากมุมข้าง ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความหล่อที่ สมบูรณ์แบบเหมือนงานศิลปะที่สวยงาม

แต่ท่าทางของพันเดชเช่นนี้ ดูเหมือนไม่เคยหยุดอยู่เคียง

ข้างหล่อนมา

“พ่อไม่ได้พาฉันกลับไปด้วย ผิดหวังมากเลยใช่ไหม?” จู่ๆ เจมน่าก็ถามขึ้นมา พันเดชขับรถมือเดียว ไม่แม้แต่หันไปมองหล่อน ผ่านไป

สักพักจึงพูดขึ้น “เจมน่า ผมไม่อยากใช้วิธีแบบนี้คุยกับคุณ!

สีหน้าของเจมน่าไม่สู้ดีนัก ไม่ใช่ว่าหล่อนอยากเป็นเช่นนี้ เพียงแต่ ตั้งแต่วินาทีที่เขาโทรบอกพ่อของหล่อน คำพูดนั้น ไม่มีวันจางหายไปจากหล่อนได้

“เรื่องของฉัน ฉันจัดการเองได้ ฉันไม่หวังให้คุณเอาไป บอกพ่อฉันทุกอย่าง! เจมน่าพูดด้วยความโกรธ

“งั้นก็อย่าก่อเรื่องทำให้คนอื่นเป็นห่วงเ

“ฉันทำได้ และจะไม่ทำให้คุณต้องเป็นห่วงอีก!” เจมน่าพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ

พันเดชไม่พูดอะไร ขับรถต่อไป สายตาล่องลอย ไม่มีใคร คาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ผ่านไปสักพักใหญ่ เจมน่าทนไม่ไว้กับบรรยากาศเช่นนี้อีก ต่อไป เอ่ยปากพูดขึ้น “พาฉันไปส่งที่โรงแรม

“เหตุผล!”

“ฉันจะไม่อยู่ที่บ้านตระกูลฐิตานันท์อีก ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน!”

“งั้นเกรงว่าคุณต้องเรียนคุณพ่อให้ทราบก่อนถึงจะไปได้!”

“ถ้ายังอยากอยู่ต่อ เชื่อฟังเป็นเด็กดีเถอะนะ!” พันเดชพูด ด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใย กลับเยือกเย็นเป็นอย่างมาก

เจมน่าเหลือบมองเขา ไม่อยากโต้เถียงกับเขาต่อ จึงเงียบ

ไปทันที

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ถึงบ้านตระกูลฐิตานันท์

เมื่อรถจอดสนิท เจมน่าลงมาจากรถเข้าไปด้านในบ้านทันที

พันเดชเดินตามเข้าไป จากนั้นคุยกำชับบอกพวกเขา และขับรถกลับไปที่บริษัทต่อ
“พ่อของเจมน่ากลับแล้วเหรอ?” คุณยายถาม

พันเดชพยักหน้าลง “ที่บริษัทมีธุระต้องจัดการด่วน เขา บอกว่าครั้งหน้าค่อยทานข้าวด้วยกัน!

คุณยายตระกูลฐิตานันท์พยักหน้า “เฮ้อ เขาอุตส่าห์มา เขาเลย

จากต่างประเทศ พวกเรายังไม่ได้ดูแลต้อนรับ พันเดชยิ้ม “ต้องมีโอกาสแน่นอน!

“ยิ้ม!”

“คุณยาย ผมยังมีธุระ ขอตัวกลับบริษัทก่อนนะ ส่วนเรื่อง ของเจมน่า รบกวนคุณยายช่วยดูแลด้วยนะครับ!

“อื้ม นายสบายใจได้ เรื่องทางนี้ยายดูแลเอง

พันเดชพยักหน้า ลุกขึ้นและเดินออกไป ระหว่างทางไปบริษัท จู่ๆพันเดชคิดอยากจะโทรหาจิดาภา

เขาหยิบหูฟังขึ้นมา กดโทรออกเบอร์ของจิดาภา

จิดาภาที่กำลังนอนอยู่ในบ้าน เมื่อได้ยินเสียง จึงคลำหา

มือถือ แนบกับใบหู

“ฮัลโหล…”

“นอนอยู่เหรอ?”

“ใช่สิ!” พูดพลางเหลือบมองดูเวลา “สามชั่วโมงแล้ว!”

“ลุกขึ้นมาขยับร่างกายมาก นอนเยอะไปไม่ดีนะ!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เสียงอันนิ่งขรึมแฝงไปด้วยความ ห่วงใย

“อื้ม เดี๋ยวก็ลุกแล้ว คุณไปส่งเขาเรียบร้อยแล้วเหรอ!? จู่ๆจิดาภาก็เปลี่ยนเรื่องคุย

“ยิ้ม กลับไปแล้ว เพิ่งพาเจมน่ากลับไปส่ง

“อ้อ” จิดาภาตอบกลับ รู้สึกว่าไม่มีอะไรจะพูดต่อ จึงพูด ขึ้นว่า “วางสายก่อนนะ ฉันลุกขึ้นไปหาอะไรทานก่อน

พันเดชขับรถตรงไปที่บริษัททันที แต่จิดาภากลับเพิ่งตื่น ล้างหน้าล้างตา ทันใดนั้นหล่อนก็สังเกตเห็นว่า ตัวเองอ้วนขึ้น และไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า

ช่างเถอะ อ้วนยังไงก็ยังต้องกิน จากนั้นหล่อนจึงเดินตรง เข้าไปในครัว….

“เจมน่า พ่อคุณกลับไปแล้วเหรอ?” นิสนธิ์มองหน้าหล่อน ถามขึ้น

เจมน่าพยักหน้า ไม่ได้สนใจอะไรมาก เมื่อไม่ได้อยู่ต่อ หน้าพันเดช หล่อนจึงไม่ได้สนใจนิสนธิ์มากนัก

“แล้วตอนที่พ่อคุณกลับไป เขาได้พูดอะไรไว้รึเปล่า?” น สนธิ์ลองถามหล่อน

เจมน่าส่ายหน้าด้วยความเหม่อลอย หันไปมองเขา “ไม่มี นะ ทำไมเหรอ?”
นิสนธิ์ยิ้มด้วยความทำอะไรไม่ถูก ไม่มีอะไร

เจมน่าไม่คิดอะไรมาก สมาธิของหล่อนไม่ได้จดจ่อกับ

เรื่องนี้ “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะ!

เมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังจะกลับ นิสนธิ์จึงลุกขึ้นยืน “เจม

หล่อนหันหลังกลับไปมองเขา สายตาแฝงไปด้วยความ

สงสัย “มีอะไรเหรอ?”

“เอ่อ…นี่ก็จะเที่ยงแล้ว ทานข้าวด้วยกันไหม?”

เจมน่าไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย “ไม่เป็นไร วันนี้ฉันบอกกับ คุณป้าตระกูลฐิตานันท์ไว้แล้วว่าจะกลับไปทานข้าวด้วย!” เจม น่าตอบกลับ

นิสนธิ์ยิ้มแห้ง “งั้นก็ได้ ผมไปส่งคุณนะ!”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้ ไว้เจอกันนะ!” หลังจากยิ้ม ให้กัน หล่อนก็ออกจากบริษัทของนิสนธิ์ทันที

มองดูหล่อนเดินออกไปไกล นิสนธิขมวดคิ้วขึ้น

ทำไมพอไม่ได้อยู่ต่อหน้าพันเดช หล่อนต้องทำตัวเหินห่าง กับเขาขนาดนี้ด้วย?

ใกล้วันแต่งงานมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างพากันเตรียม งานอย่างรีบรน หากจะบอกว่าคนที่ว่างและสบายที่สุดในตอน นี้คือคุณแม่ที่อุ้มท้องอยู่อย่างจิดาภา
วันนี้ เมื่อได้รับสายจากการันต์ จิดาภาจึงกลับบ้านตระกูล สวันนีย์

การันต์นั่งอยู่กับจันทนีฝั่งตรงข้ามด้วยท่าที่จริงจัง “พ่อ พ่อเรียกหนูกลับมามีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?” จิตาภาถาม เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ การันต์หยิบเอกสารขึ้นมาวางไว้หน้า

หล่อน

“นี่คืออะไรคะ?” จิดาภามองเอกสารบนโต๊ะ หยิบขึ้นมา เปิดออกดู จากนั้นถามด้วยความสงสัย

“นี่เป็นเอกสารที่พ่อกับแม่ และพี่ชายคุยปรึกษากันว่าจะ ให้ลูก ขอเพียงแค่ลูกเซ็นชื่อก็เป็นอันเรียบร้อย!” การันต์กล่าว จากนั้นจิดาภาก็เปิดเอกสารหน้าแรกขึ้นมาดู

สำเนาสัญญาหุ้นบริษัทธี อธิศ

เมื่อเห็นตัวอักษรบนเอกสาร จิดาภากวาดสายตามองทั้ง ฉบับ จากนั้นเงยหน้ามองพวกเขา “พ่อ แม่ หนูเซ็นสัญญาฉบับ นี้ไม่ได้!” หล่อนพูดพลางปิดเอกสาร เตรียมจะส่งคืนให้พวก

เขา

“ลูกมีหุ้นอยู่ในบริษัทธีร์อธิศอยู่ห้าเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ให้ ลูกเพิ่มอีกสิบเปอร์เซ็นต์ คิดเสียว่าเป็นของขวัญแต่งงานของ ลูกแล้วกัน!” การันต์กล่าว

ให้ของเหล่านี้กับจิดาภา พวกเขาไม่รู้สึกเสียดายเลย แม้แต่น้อย เพียงแต่เกรงว่าจิดาภาจะไม่กล้ารับ
และก็เป็นเช่นนั้น จิดาภาปฏิเสธ “พ่อ หนูรู้ดีว่าพ่อหวังดี กับหนู แต่หนูรับไว้ไม่ได้

“ทำไมล่ะ?” จันทนถาม

“นี่เป็นน้ำพักน้ำแรงของพ่อและพี่ชาย หนูไม่ได้ช่วยอะไร เลยสักนิด จะรับไว้ได้ยังไงคะ!” จิดาภาพูดตอบ อีกอย่าง ของ เหล่านี้ถือเป็นของเปรมศักดิ์

“ของพวกนี้ยังไงก็เป็นของลูกกับพี่ชายอยู่แล้ว ลูก สบายใจได้ เรื่องนี้ พี่ชายของลูกเข้าใจดี!” การันต์พูดอธิบาย กลัวว่าจิดาภาจะคิดมาก

“พอเข้าใจว่าลูกยังมีหุ้นอีกยี่สิบเปอร์เซนต์ที่บริษัท จีดี ดราก้อน ตระกูลฐิตานันท์ธุรกิจใหญ่โต สิ่งที่ให้ลูกได้ ก็มีเพียง เท่านี้!” การันต์กล่าว

“ทำไมล่ะ หรือลูกจะเก็บหุ้นไว้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แล้วแยก ขาดกับพี่ชายของลูกเป็นสองบ้านเลย?” จันทนถามพลาง หัวเราะ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จิดาภาเงยหน้ามองพวกเขาทันที เป็นแบบนั้นเหรอ?

ตลอดเวลาที่ผ่านมา รวมถึงตอนนี้ หล่อนยังมีความรู้สึกขัดแย้ง เกรงว่าถ้าแบ่งส่วนแบ่งจากเปรมศักดิ์ ลึกๆแล้ว กลัว ว่าเขาจะเห็นตัวเองเป็นคนนอก

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จู่ๆหล่อนก็รู้สึกว่า การันต์กับจันทน์ทุ่มเท ให้หล่อนมากขนาดนี้ คงไม่คุ้มเลย

“ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอนค่ะ ทั้งชีวิตนี้เราเป็นครอบครัว เดียวกัน หนูจะแยกบ้านกับพี่ชายได้ยังไงล่ะคะ!” จิตาภากล่าว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ