นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 84 ถูกผู้ร่วมลงทุนรังแก



บทที่84ถูกผู้ร่วมลงทุนรังแก

บทที่ 84 ถูกผู้ร่วมลงทุนรังแก

เสิ่นอีเวยก้มมองเอกสารที่เพิ่งเจ๋อเฉิงให้มาเป็นบริษัท อสังหาริมทรัพย์ที่ร่วมมือกับบริษัทเซิ่งชื่อเป็นของเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้มีบางโครงการที่จะต้องทำให้เสร็จ

เธอรู้สึกว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงพยายามที่จะหาเรื่องกลั่นแกล้งเธอ ได้ตลอดเวลา เขาเอางานของเมื่อปีที่แล้วให้เธอจัดการต่อให้ เสร็จ อีกอย่างคือเธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เลยสัก นิด ในใจของเสิ่นอีเวยก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมา

เวลาสองทุ่มตรงเธอปรากฏตัวที่เซิ่งชื่อ สถานที่แห่งนี้เป็น จุดศูนย์รวมของความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้และยังเป็น สถานเริงรมย์ที่ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย เสิ่นอีเวยมองดูผู้หญิงที่แต่ง ตัววาบวิวเดินควักไขว้ไปมา ไม่เข้าใจว่าทำไมเซิ่งเจ๋อเฉิงต้อง เลือกสถานที่แบบนี้เจรจาเรื่องธุรกิจด้วย

เสิ่นอีเวยนั่งเงียบๆ ในห้องโถงที่ถูกจัดเตรียมไว้ นั่งรอ ลูกค้าทั้งสองคน แม้ว่าภายนอกเธอจะดูราบเรียบแต่ในใจก็ รู้สึกกังวลไม่น้อย เธอไม่รู้ว่าการเจรจาในคืนนี้จะพังเพราะเธอ หรือเปล่า

คนที่มาเยือนเป็นผู้ชายสองคน ตอนที่พวกเขาเปิดประตู ออกแล้วเจอกับเส้นอีเวย สีหน้าของพวกเขาเห็นใด้ชัดว่าเต็มไปด้วยความแปลกใจ พอรู้สึกตัวก็ยิ้มแบบเยาะๆมาทางเธอ เสี่ นอีเวยไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า ชายสองคนนี้ทำให้เธอ รู้สึกไม่ค่อยอยากเข้าใกล้สักเท่าไร

และอย่างที่คาดคิดไว้ หลังจากพวกเขานั่งลง ชายทั้งสอง จ้องจะกล่อม เสิ่นอีเวยให้ดื่มเหล้าอย่างเดียว เธอรู้จุดประสงค์ ของพวกเขา เธอเลยพยายามที่จะปฏิเสธในใจก็คิดกลัว เธอ พยายามคิดหาทางว่าอีกสักพักว่าเธอจะรอดไปจากตรงนี้ได้ยัง ไง

” ขออภัยค่ะประธานเฝิง ร่างกายฉันไม่สู้ดีนักไม่สามารถ ดื่มได้ “เสิ่นอีเวยปฏิเสธอย่างมีมารยาทตอนที่ประธานเฝิงกล่อ มให้เธอดื่มเหล้าเป็นครั้งที่สาม

คุณหมอลู่กำชับกับเธอหนักหนา ผู้ที่เป็นมะเร็งตับห้ามดื่ม แอลกอฮอล์เด็ดขาด

ประธานเฝิงหัวเราะเหอะๆพูดว่า: ” แบบนี้คุณนายไม่ไว้ หน้าพวกเราเลยนี่หน่า? โบราณว่าไว้ว่าเหล้าขึ้นโต๊ะไม่มี เหตุผลที่จะปฏิเสธไม่ดื่ม คุณนายควรจะดื่มแก้วนี้ซะให้หมดสิ ถึงจะถูกไม่ใช่เหรอ?”

ชายคนนั้นถือแก้วเหล้าแกว่งไปมาในมือไม่วางไว้บนโต๊ะ แถมยังยกแก้วเข้าไปหาที่ตรงหน้าอกของ เสิ่นอีเวย ในใจเธอก็ เริ่มจะทนไม่ไหวอีกต่อไป รู้สึกขยะแขยงรังเกียจชายผู้นี้อย่าง หาที่สุดไม่ได้ เธอควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เริ่มแสดงออกทางสีหน้า อย่างเห็นได้ชัด
“ฉันบอกแล้วว่า ฉันดื่มเหล้าไม่ได้ พวกคุณไม่เข้าใจหรือ ไง? ” เสียงที่ราบเรียบในห้องโถงใหญ่ดูจะไม่มีแรงพอที่จะช่วย อะไรได้เลย

ชายทั้งสองคนจ้องหน้ากันครู่หนึ่ง ทางด้านชายอีกคน ท่านประธานหวางก็พูดยิ้มๆ “ที่แท้คุณนายรู้สึกไม่ค่อยสบายเห รอ? คุณก็ไม่บอกตั้งแต่แรก ผมนี่มีความรู้เท่ากับครึ่งหนึ่งของ หมอเชียวนะ ผมจะช่วยตรวจคุณเองไม่คิดเงินหรอก ดูสิว่าไม่ สบายตรงไหน ดีไหมล่ะครับ?”

หลังจากพูดประโยคนี้จบ ประธานหวางก็ลุกขึ้นและเดินไป หาเสินอีเวยดูท่าทางเขาต้องการจะลวนลามเธอ เสิ่นอีเวยรีบ ก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วจ้องมองชายทั้งสองอย่างระแวดระวัง น้ำเสียงดังขึ้นแปดเท่า: “ไม่จำเป็นค่ะ! วันนี้ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อ เจรจาธุรกิจกับคุณทั้งสอง พวกเราควรจะเข้าเรื่องงานได้แล้ว! ”

“เรื่องงาน? ในสายตาของผมไม่มีอะไรสำคัญกว่าดื่ม เหล้าแล้ว คุณนายไม่ให้เกียรติพวกเราดื่มเหล้าสักแก้วเป็น เพราะคุณนายไม่เห็นพวกผมอยู่ในสายตาอย่างนั้นใช่ไหม? ผมจะบอกคุณให้แม้ว่าบริษัทของเราจะไม่ได้ใหญ่โตเท่ากับ บริษัทเซิ่งชื่อแต่พวกเราก็ให้ความเคารพบริษัทของคุณมาโดย ตลอด เหล้าแก้วนี้ไม่ต้องพูดถึงคุณ แม้แต่เพิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ที่นี่ เขา ก็ต้องดื่ม!”

เส็นอีเวยพยายามควบคุมอารมณ์ที่กำลังจะปะทุได้ทุกเมื่อ ของเธอ เธอผลักสัญญาวางไว้บนโต๊ะด้านหน้าขายทั้งสอง “ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องขอประทานโทษคุณ งจริงๆ ฉันดื่มเหล้าไม่ได้จริงๆคะ”

ในที่สุดประธานหวางก็โมโหจนได้ เขาสาดแก้วเหล้าที่ถือ อยู่ในมือไปที่เสิ่นอีเวย ปากก็ตะโกนด่าทอเป็นชุด: “ให้ดื่มดีๆ ไม่เอาต้องให้ใช้กำลังบังคับหรือไง! เชอะ! คุณนงคุณนายอะไร เธอคิดว่าคนอื่นเขาไม่รู้หรือไงว่าความสัมพันธ์ระหว่าง เซิ่งเจ๋อ เฉิงกับเธอมันแย่แค่ไหน? เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงที่เขาส่งมาให้มา ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนพวกฉันเท่านั้นล่ะ!”

น้ำไวน์แดงไหลจากผมและแก้มของเสิ่นอีเวยลงมาทำลาย ใบหน้าที่แต่งหน้ามาอย่างสวยงาม และนั่นเป็นความอดกลั้น ขั้นสุดท้ายของเธอ แม้ว่าเธอจะยังอยากไว้หน้าเชิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ บ้างแต่มาโดนชายสองคนนี้พูดจาหยาบคายแบบนี้ใส่เธอก็ทน ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว

เสิ่นอีเวยไม่ลังเลเลยที่จะหยิบแก้วไวน์บนโต๊ะสาดใส่หน้า ประธานหวางทันทีทันใดเช่นกัน แน่นอนว่าชายสองคนไม่คาด คิดว่าเสิ่นอีเวยจะมีความกล้าขนาดนี้ ผู้หญิงที่สามีไม่ได้รักควร จะเป็นคนอ่อนแอไม่ใช่หรือ?

เสิ่นอีเวยก้มมองลงไปที่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่หน้าอกของเธอที่ เปียกไปด้วยไวน์แดงเพราะเสื้อเนื้อผ้าบางเกินไปทำให้เห็นชุด ชั้นในที่ใส่อยู่ด้านในลางๆ ประธานเฝิงจองไปที่หน้าอกของเสี่ นอีเวยอย่างเฒ่าหัวงู เล่นอีเว้นท์รีบหยิบเสื้อสูทที่พาดไว้ที่เก้าอี้ มาสวมใส่อย่างทันควัน

“นังผู้หญิงคนนี้นี่ นี่แกกล้าสาดเหล้าฉันเหรอ! วันนี้ต้องให้แกเห็นพิษสงของฉันสักหน่อยแล้ว!”ประธานหวาง ที่ถูกสาด เหล้าใส่โมโหจนหน้าดำหน้าแดงเหมือนหมาที่ถูกแหย่ให้จน ตรอก

เสิ่นอีเวยมองเขาอย่างเย็นชา เธอไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อสัก วินาทีเดียว อเธหยิบกระเป๋าขึ้นแล้วรีบเดินไปที่ประตูทางออก ทันที แต่ก้าวไปได้แค่สองก้าว แขนของเธอก็ถูกกระชากมาจาก คนข้างหลัง แรงผู้ชายเยอะเกินไป เท้าซ้ายของเธอพลิกอย่าง แรง รองเท้าส้นสูงสิบเซนติเมตรที่เธอใส่อยู่ ข้อเท้าของเธอเจ็บ จนทิ่มไปในหัวใจ

เสิ่นอีเวยร้องด้วยความเจ็บ มัวแต่ลูบข้อเท้าของเธออยู่ ครู่เดียวเธอก็ถูกโยนไปที่โซฟานุ่มๆตรงมุมห้อง

ประธานหวางใบหน้าเต็มไปด้วยความทื่นกระหายคร่อม

ตัวเธอไว้ เสิ่นอีเวยได้กลิ่นเหล้าที่น่ารังเกียจคละคลุ้งเต็มไป หมดจากลมปากที่พ่นออกมาจากเขา ประธานเฝิงรีบเอื้อมมือ ไปรวบขาของเสิ่นอีเวย ไว้ เพียงครู่เดียวเธอก็ขยับไปไหนไม่ได้ เธอตกใจมาก

ประธานหวางยกขาขวากดเข่าไปที่ท้องน้อยของเธออย่าง แรง เสิ่นอีเวย รู้สึกปวดและอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก

“ฉันให้แกกินเหล้าดีๆไม่กิน อย่างนี้มันต้องกรอก! กล้า สาดเหล้าใส่ฉันเหรอ แน่จริงสาดอีกสิ ฮ่าๆๆๆ”ประธานหวาง หัวเราะอย่างสะใจ เหล้าไหลเข้าปากและจมูกของเธอ เสินอีเวย ทั้งไอทั้งสำลักอย่างรุนแรง
ที่จริงส่วนใหญ่เหล้าถูกเทลงบนหน้าและตัวของเธอ หน้าอกของเสิ่นอีเวยรู้สึกเหมือนจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ตั้งแต่ เล็กจนถึงตอนนี้ไม่เคยมีใครดูถูกเธออย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้!

เสื้อที่คลุมหน้าอกไว้เปียกโชกไปหมด ตอนที่เธอพยายาม ต่อสู้ดิ้นขัดขืน ผิวขาวเนียนและชุดชั้นในที่เธอใส่อยู่ก็ถลกขึ้น เห็นได้อย่างชัดเจนขึ้น แววตาตื่นกระหายของชายทั้งสองก็เริ่ม เป็นประกายมากขึ้น ชายหนึ่งในนั้นยังยื่นมือมาลูบคลำคอขาว เนียนระหงของเสิ่นอีเวย

“เนียนจริงๆเลย! แกลองลูบดูสิ ผู้หญิงของเจ้าของบริษัท มันช่างต่างกับผู้หญิงอื่นจริงๆว่ะ! ”

เห็นการกระทำและคำพูดที่เริ่มที่เริ่มจะละลาบละล้วงขึ้น

เรื่อยๆ ได้ยินคำพูดที่สกปรกโสมมเหล่านี้ ในที่สุดความอด กลั้นที่เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดลง เสิ่นอีเวยตะโกน แผดเสียง: “พวกแกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้ง ความจับให้หมดเลย! ”

ด้วยใบหน้าแดงก่ำของเสิ่นอีเวยที่พยายามขัดขืน มัน ทำให้ความต้องการทำลายของชายทั้งสองก็เพิ่มมากขึ้น แต่ เวลานี้เองประธานเฝิงก็เริ่มได้สติพูดอย่างหวาดกลัว: “พวกเรา ทำแบบนี้ มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตหรือเปล่า ถ้าเกิดว่าเรื่อง นี้รู้ไปถึงหูของเพิ่งเจ๋อเฉิงจะทำยังไง?”

ประธานหวางยิ้มเยาะพูดดูถูกว่า “แกนี่ทำไมขี้กลัวจังว่ะ?ไม่ได้ยินที่คนอื่นเขาพูดกันหรือยังไง? เพิ่งเจ๋อเฉิงเกลียดผู้หญิง คนนี้เข้ากระดูกตำอยากจะทรมานเธอจะตายไป เขาจะมาเห็น แก่ผู้หญิงคนนี้คนเดียวหาเรื่องพวกเราหรือไง?”

ประธานเฝิงผงกหัวเล็กน้อย ประธานหวางขยิบตาให้เขา อย่างรู้กัน พวกเขาทั้งสองท่าต่อจากที่ค้างไว้เมื่อครู่ เสิ่นอีเว ยกุมคอเสื้อไว้อย่างเอาเป็นเอาตายเล็บของเธอแทบจะจิกไปที่ เนื้อ

“นังนี่ ปล่อยมือออกเดี๋ยวนี้! ”

“เพียะ! ”

ใบหน้าของเสิ่นอีเวยถูกตบอย่างแรง เธอรู้สึกเหมือนว่า แรงตบแทบจะทำให้เธอหมดสติ

เธอไม่รู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงไปทำอะไรให้พวกเขาขุ่นเคืองขนาด นี้ พวกเขาถึงได้กล้าทำร้ายคนของเขาหนักหนาสาหัสขนาดนี้ และที่สำคัญคือ เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้อยู่แล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถึงได้ ให้เธอมา?

เสิ่นอีเวยไม่กล้าที่จะคิดต่อไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ