นายเป็นแค่สามีเก่า

ตอนที่ 120 เรื่องของฉันไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามายุ่ง



ตอน120เรื่องของฉันไม่ต้องการให้ คนนอกเข้ามายุ่ง

ตอนที่ 120 เรื่องของฉันไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามายุ่ง

หลังจากเกิดเรื่องที่บนเขาหวินมู่ เสิ่นอีเวยและเซิ่งเจ๋อเฉิง แทบจะไม่ได้คุยกันเลยเมื่ออยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเซิ่ง แต่ทว่า สถานการณ์ในคืนนี้เปลี่ยนไป พ่อของเซิ่งเจ๋อเฉิงอยากที่จะ กลับมาเยี่ยม และยังมีภรรยาตอนนี้ของเขามาด้วย เธอชื่อ เชิ่ง เจิ้นอวื้น และยังเป็นแม่เลี้ยงของเซิ่งเจ๋อเฉิงและหัวหรง

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ สุขภาพของพ่อเซิ่งเจ๋อเฉิงนับวันยิ่งไม่ดี มากขึ้น ดังนั้นเพิ่งเจิ้นอื่นจึงซื้อคฤหาสน์ที่หวายหลี่ให้กับเขา เพื่อจะเอาไว้ใช้ชีวิตในวัยเกษียณ ที่นั่นสภาพแวดล้อมสวยและ เงียบสงบ และมีหมอผู้ชำนาญดูแลเป็นการส่วนตัว แต่พ่อของ เพิ่งเจ๋อเฉิงมักจะเป็นห่วงและคิดถึงลูกชายคนโตของตนเองนั่น ก็คือเพิ่งเจ๋อเฉิง เป็นห่วงว่าเขาจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นท่าน จึงกลับมาที่คฤหาสน์เชิ่งในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็น สัญญาณเตือนของหนุ่มสาวทั้งสอง

ในช่วงบ่าย ป้าเฉินได้รับโทรศัพท์ว่าพ่อของเซิ่งเจ๋อเฉิงจะ มาถึงในเวลาประมาณสองทุ่ม เพิ่งเจ๋อเฉิงและเสิ่นอีเวยทั้งสอง คนได้จัดการสิ่งต่างๆไว้ต้อนรับพ่อ

บนโต๊ะอาหารที่ใหญ่โต ได้เผชิญหน้ากับพ่อของเซิ่งเจ๋อ ตอน120เรื่องของฉันไม่ต้องการให้ คนนอกเข้ามายุ่ง

ตอนที่ 120 เรื่องของฉันไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามายุ่ง

หลังจากเกิดเรื่องที่บนเขาหวินมู่ เสิ่นอีเวยและเซิ่งเจ๋อเฉิง แทบจะไม่ได้คุยกันเลยเมื่ออยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเซิ่ง แต่ทว่า สถานการณ์ในคืนนี้เปลี่ยนไป พ่อของเซิ่งเจ๋อเฉิงอยากที่จะ กลับมาเยี่ยม และยังมีภรรยาตอนนี้ของเขามาด้วย เธอชื่อ เชิ่ง เจิ้นอวื้น และยังเป็นแม่เลี้ยงของเซิ่งเจ๋อเฉิงและหัวหรง

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ สุขภาพของพ่อเซิ่งเจ๋อเฉิงนับวันยิ่งไม่ดี มากขึ้น ดังนั้นเพิ่งเจิ้นอื่นจึงซื้อคฤหาสน์ที่หวายหลี่ให้กับเขา เพื่อจะเอาไว้ใช้ชีวิตในวัยเกษียณ ที่นั่นสภาพแวดล้อมสวยและ เงียบสงบ และมีหมอผู้ชำนาญดูแลเป็นการส่วนตัว แต่พ่อของ เพิ่งเจ๋อเฉิงมักจะเป็นห่วงและคิดถึงลูกชายคนโตของตนเองนั่น ก็คือเพิ่งเจ๋อเฉิง เป็นห่วงว่าเขาจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นท่าน จึงกลับมาที่คฤหาสน์เชิ่งในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็น สัญญาณเตือนของหนุ่มสาวทั้งสอง

ในช่วงบ่าย ป้าเฉินได้รับโทรศัพท์ว่าพ่อของเซิ่งเจ๋อเฉิงจะ มาถึงในเวลาประมาณสองทุ่ม เพิ่งเจ๋อเฉิงและเสิ่นอีเวยทั้งสอง คนได้จัดการสิ่งต่างๆไว้ต้อนรับพ่อ

บนโต๊ะอาหารที่ใหญ่โต ได้เผชิญหน้ากับพ่อของเซิ่งเจ๋อ เฉิง ถึงแม้ว่าท่านจะแก่จนผมขาวไปทั้งหัวแต่ก็ยังมีอำนาจที่น่า เกรงขาม เซิ่งเจ๋อเฉินและเสิ่นอีเวยจำเป็นที่จะต้องแสร้งทำตัว เป็นปกติ ในการทานอาหารค่ำคืนนี้ทั้งสองคนคุยกันอย่างไม่ แสดงอารมณ์ใดๆออกมาแม้แต่น้อย

ต่างฝ่ายต่างรู้ซึ่งกันก็เท่านั้นเอง

พ่อของเซิ่งเจ๋อเฉิงไอออกมาเล็กน้อย สีหน้าเริ่มที่จะไม่ ค่อยดี เขามองมาที่เซิ่งเจ๋อเฉิง “สำหรับเรื่องที่เสิ่นอีเวยแท้งลูก ฉันเห็นเห็นในข่าวแล้ว”

เมื่อพูดออกมาก็ทำให้ทั้งสองคนตกใจ เซิ่งเจ๋อเฉิงขมวด คิ้วเล็กน้อย หลังจากที่ถูกสื่อมวลชนเปิดเผยเรื่องที่เสิ่นอีเวย แท้งลูก เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ทำทุกวิธีทางเพื่อปกปิดทุกช่องทางที่จะ สามารถเผยแพร่ข่าวออกไป และสื่อมวลชนพวกนั้นในเมื่อรับ เงินมาแล้วก็ไม่กล้าที่จะหักหลังประธานบริษัทเซิ่งชื่อ ยิ่งไปกว่า นั้นพ่อของเพิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ที่หวายหลี่ตลอด ทำไมถึงได้รับรู้เรื่อง นี้?

เพิ่งเจ๋อเฉิงท่าทางเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่โดย ไม่สนใจพ่อของเขาเลย มือของเซิ่งสวินดีไปที่บนโต๊ะอย่างแรง ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจยกเว้นเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ยังคงทำหน้า นึ่งอยู่เช่นเดิม

“เซิ่งเจ๋อเฉิง นายเป็นสามียังไงกันกัน? พวกเธอแต่งงาน กันมาสองปี เสิ่นอีเวยไม่ง่ายเลยที่จะตั้งครรภ์ แต่ว่าอยู่ดีๆก็ แท้งลูกไปอย่างไม่คาดคิด นายลองพูดมาสิว่าในฐานะสามี เฉิง ถึงแม้ว่าท่านจะแก่จนผมขาวไปทั้งหัวแต่ก็ยังมีอำนาจที่น่า เกรงขาม เซิ่งเจ๋อเฉินและเสิ่นอีเวยจำเป็นที่จะต้องแสร้งทำตัว เป็นปกติ ในการทานอาหารค่ำคืนนี้ทั้งสองคนคุยกันอย่างไม่ แสดงอารมณ์ใดๆออกมาแม้แต่น้อย

ต่างฝ่ายต่างรู้ซึ่งกันก็เท่านั้นเอง

พ่อของเซิ่งเจ๋อเฉิงไอออกมาเล็กน้อย สีหน้าเริ่มที่จะไม่ ค่อยดี เขามองมาที่เซิ่งเจ๋อเฉิง “สำหรับเรื่องที่เสิ่นอีเวยแท้งลูก ฉันเห็นเห็นในข่าวแล้ว”

เมื่อพูดออกมาก็ทำให้ทั้งสองคนตกใจ เซิ่งเจ๋อเฉิงขมวด คิ้วเล็กน้อย หลังจากที่ถูกสื่อมวลชนเปิดเผยเรื่องที่เสิ่นอีเวย แท้งลูก เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ทำทุกวิธีทางเพื่อปกปิดทุกช่องทางที่จะ สามารถเผยแพร่ข่าวออกไป และสื่อมวลชนพวกนั้นในเมื่อรับ เงินมาแล้วก็ไม่กล้าที่จะหักหลังประธานบริษัทเซิ่งชื่อ ยิ่งไปกว่า นั้นพ่อของเพิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ที่หวายหลี่ตลอด ทำไมถึงได้รับรู้เรื่อง นี้?

เพิ่งเจ๋อเฉิงท่าทางเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่โดย ไม่สนใจพ่อของเขาเลย มือของเซิ่งสวินดีไปที่บนโต๊ะอย่างแรง ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจยกเว้นเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ยังคงทำหน้า นึ่งอยู่เช่นเดิม

“เซิ่งเจ๋อเฉิง นายเป็นสามียังไงกันกัน? พวกเธอแต่งงาน กันมาสองปี เสิ่นอีเวยไม่ง่ายเลยที่จะตั้งครรภ์ แต่ว่าอยู่ดีๆก็ แท้งลูกไปอย่างไม่คาดคิด นายลองพูดมาสิว่าในฐานะสามี นายได้ทำหน้าที่แบบไหนกัน?”

พ่อของเพิ่งเจ๋อเฉิงโมโหโกรธจนไอออกมา หัวหรงที่อยู่ ข้างๆลูบไปที่หลังของเขาเบาๆเพื่อให้เขาใจเย็นลง

แววตาเฉียบแหลมเช่นนี้ เซิ่งเจ๋อ เฉิน ชะงัก เส้นอีเวยที่นั่ง อยู่ข้างๆเห็นบรรยากาศที่อยู่ตรงหน้าเริ่มที่จะไม่ดี จึงฉุดคิดขึ้น มาว่า ถึงแม้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ชอบเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ ว่าพ่อของเขาก็ยังดีกับเธอมาก มากจนกระทั่งตั้งแต่ที่ตนเอง แต่งงานกับเซิ่งเจ๋อเฉิง เขาก็ได้ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับเป็น ลูกสาวแท้ๆคนหนึ่ง

เสิ่นอีเวยกังวลว่าถ้าหากบรรยากาศยังเป็นเช่นนี้ต่อไป สภาพร่างกายของพ่อเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยิ่งไม่ดีมากยิ่งขึ้น ถ้าถึงเวลา นั้นเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นก็จะทำให้วุ่นวายไปกันใหญ่

เสิ่นอีเวยคิดไตร่ตรองอยู่ในใจซักพัก จึงพูดออกมาว่า

“คุณพ่อคะ อย่าโกรธไปเลยค่ะ ฉัน…กับเจ๋อเฉิงยังอายุ น้อยกันอยู่ จากนี้ไปก็ยังมีโอกาสท้องอีก และการแท้งลูกใน ครั้งนี้ก็ไม่สามารถโทษเขาคนเดียวว่าไม่มีความรับผิดชอบ แต่ มันเป็นเพราะว่าฉันก็ไม่ค่อยระวังเท่าไหร่ ไม่ได้สนใจเรื่องที่ ตนเองท้องให้มาก”

น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยอ่อนโยน พูดอย่างระมัดระวัง รอบคอบ เพิ่งเจ๋อเฉิงชำเลืองมองไปที่ตาของเธอ และเมื่อมอง ไปที่พ่อ ก็พบว่าสีหน้าได้ผ่อนคลายลงมากแล้ว ในใจของเซิ่ง เจ๋อเฉิงก็เย็นลงมาเล็กน้อย นายได้ทำหน้าที่แบบไหนกัน?”

พ่อของเพิ่งเจ๋อเฉิงโมโหโกรธจนไอออกมา หัวหรงที่อยู่ ข้างๆลูบไปที่หลังของเขาเบาๆเพื่อให้เขาใจเย็นลง

แววตาเฉียบแหลมเช่นนี้ เซิ่งเจ๋อ เฉิน ชะงัก เส้นอีเวยที่นั่ง อยู่ข้างๆเห็นบรรยากาศที่อยู่ตรงหน้าเริ่มที่จะไม่ดี จึงฉุดคิดขึ้น มาว่า ถึงแม้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ชอบเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ ว่าพ่อของเขาก็ยังดีกับเธอมาก มากจนกระทั่งตั้งแต่ที่ตนเอง แต่งงานกับเซิ่งเจ๋อเฉิง เขาก็ได้ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับเป็น ลูกสาวแท้ๆคนหนึ่ง

เสิ่นอีเวยกังวลว่าถ้าหากบรรยากาศยังเป็นเช่นนี้ต่อไป สภาพร่างกายของพ่อเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยิ่งไม่ดีมากยิ่งขึ้น ถ้าถึงเวลา นั้นเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นก็จะทำให้วุ่นวายไปกันใหญ่

เสิ่นอีเวยคิดไตร่ตรองอยู่ในใจซักพัก จึงพูดออกมาว่า

“คุณพ่อคะ อย่าโกรธไปเลยค่ะ ฉัน…กับเจ๋อเฉิงยังอายุ น้อยกันอยู่ จากนี้ไปก็ยังมีโอกาสท้องอีก และการแท้งลูกใน ครั้งนี้ก็ไม่สามารถโทษเขาคนเดียวว่าไม่มีความรับผิดชอบ แต่ มันเป็นเพราะว่าฉันก็ไม่ค่อยระวังเท่าไหร่ ไม่ได้สนใจเรื่องที่ ตนเองท้องให้มาก”

น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยอ่อนโยน พูดอย่างระมัดระวัง รอบคอบ เพิ่งเจ๋อเฉิงชำเลืองมองไปที่ตาของเธอ และเมื่อมอง ไปที่พ่อ ก็พบว่าสีหน้าได้ผ่อนคลายลงมากแล้ว ในใจของเซิ่ง เจ๋อเฉิงก็เย็นลงมาเล็กน้อย เพิ่งสวินพยักหน้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าได้เห็นด้วยกับคำ พูดของเสิ่นอีเวยที่พูดไปเมื่อสักครู่นี้ แต่ว่าน้ำเสียงก็ยังแฝงไป ด้วยคำตำหนิ “การแท้งลูกนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ครั้งนี้พวกเธอทั้ง สองคนผิดทั้งคู่ ครั้งหน้า อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก ได้ยินแล้ว ใช่ไหม?”

เสิ่นอีเวยพยักหน้ายิ้มอย่างฝืนใจ

เมื่อไม่ได้ได้ยินลูกชายคนโตตอบรับ พ่อของเขาจึงมองไป ที่เพิ่งเจ๋อเฉิง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างขึ้นว่า “แล้ว นายหล่ะ?”

ในแววตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใดๆออกมา แม้แต่นิดเดียว เพียงแค่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ครับ”

ท่าทางที่แข็งที่อเย็นชาของเซิ่งเจ๋อเฉิงทำให้พ่อของเขาไม่ พอใจ “ช่วงนี้ที่บริษัทคงจะมีเรื่องให้นายได้รับแรงกดดันมาก สินะ ในส่วนหุ้นส่วนเก่าของบริษัทเซิ่งชื่อ ฉันรู้ว่านิสัยนายหยิ่ง ยโสมาแต่ไหนแต่ไร นายน่าจะไม่อยากให้กลุ่มหุ้นส่วนเก่ามา เป็นอุปสรรคขัดขวางในระยะยาวหรอกใช่มั้ย ฉันยังยืนยันคำ เติมที่พูดไปครั้งที่แล้วว่า ขอเพียงแค่นายมีหลานอ้วนๆ ให้ฉัน ฉันจะให้สิทธิของผู้ถือหุ้นทั้งหมดแก่นายทันที”

เสิ่นอีเวยชะงัก อยากที่จะหันไปดูแววตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงแต่ กลับควบคุมตนเองไว้ เมื่อก่อนตนเองคุ้นชินกับการที่เพียงแค่มี คนพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเพิ่งเจ๋อเฉิง เธอมักจะเข้าไปให้สนใจ เพิ่งสวินพยักหน้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าได้เห็นด้วยกับคำ พูดของเสิ่นอีเวยที่พูดไปเมื่อสักครู่นี้ แต่ว่าน้ำเสียงก็ยังแฝงไป ด้วยคำตำหนิ “การแท้งลูกนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ครั้งนี้พวกเธอทั้ง สองคนผิดทั้งคู่ ครั้งหน้า อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก ได้ยินแล้ว ใช่ไหม?”

เสิ่นอีเวยพยักหน้ายิ้มอย่างฝืนใจ

เมื่อไม่ได้ได้ยินลูกชายคนโตตอบรับ พ่อของเขาจึงมองไป ที่เพิ่งเจ๋อเฉิง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างขึ้นว่า “แล้ว นายหล่ะ?”

ในแววตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใดๆออกมา แม้แต่นิดเดียว เพียงแค่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ครับ”

ท่าทางที่แข็งที่อเย็นชาของเซิ่งเจ๋อเฉิงทำให้พ่อของเขาไม่ พอใจ “ช่วงนี้ที่บริษัทคงจะมีเรื่องให้นายได้รับแรงกดดันมาก สินะ ในส่วนหุ้นส่วนเก่าของบริษัทเซิ่งชื่อ ฉันรู้ว่านิสัยนายหยิ่ง ยโสมาแต่ไหนแต่ไร นายน่าจะไม่อยากให้กลุ่มหุ้นส่วนเก่ามา เป็นอุปสรรคขัดขวางในระยะยาวหรอกใช่มั้ย ฉันยังยืนยันคำ เติมที่พูดไปครั้งที่แล้วว่า ขอเพียงแค่นายมีหลานอ้วนๆ ให้ฉัน ฉันจะให้สิทธิของผู้ถือหุ้นทั้งหมดแก่นายทันที”

เสิ่นอีเวยชะงัก อยากที่จะหันไปดูแววตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงแต่ กลับควบคุมตนเองไว้ เมื่อก่อนตนเองคุ้นชินกับการที่เพียงแค่มี คนพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเพิ่งเจ๋อเฉิง เธอมักจะเข้าไปให้สนใจ อย่างไม่ลังเล

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เซิ่งเจ๋อเฉิงใต้ปฏิบัติกับ เธอเช่นนี้ เธอมีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปให้ความสนใจเขาอีก?

เสิ่นอีเวยไม่อยากเหมือนกับแผลหายแล้วลืมเจ็บ ยิ่งไป กว่านั้น แผลบนตัวเธอนั้นยังไม่หายดี คงจะไม่หายตลอดไป

ในตอนนี้ หัวหรง คนที่ไม่ค่อยพูดอะไรมาตลอด จู่จู่ก็พูด

ขึ้นมาว่า

“เจ๋อเฉิง อีเวย ฉันเชื่อว่าวัยรุ่นอย่างพวกเธอสองคนต่างก็ มีเหตุผล ไม่กี่ปีมานี้ร่างกายของคุณพ่อนับวันก็ยิ่งแย่ลง ความ ฝันในตอนนี้ของท่านก็คือหวังจะให้พวกเธอทั้งสองคนมีลูก ดัง นั้นต้องอย่าทำให้ผิดเป็นอันขาด”

พ่อของเพิ่งเจ๋อเฉิงไอออกมาอีกครั้ง ผมที่ขาวทั้งหัวเมื่ออยู่ ใต้แสงไฟที่ส่องแสงยิ่งทำให้แก่และดูไม่แข็งแรง

เมื่อหัวหรงพูดจบลง เชิ่งเจ๋อเฉิงจึงพูดกับเธอด้วยสายตาที่ เย็นชาขึ้นว่า “เรื่องของผม ไม่เกี่ยวอะไรกับป้า”

แม้ว่าปีนี้หัวหรงอายุใกล้จะห้าสิบแล้ว แต่ก็ยังบำรุงรักษา รูปร่างและผิวพรรณเป็นอย่างดี ทำให้ดูแล้วท่าทางแข็งแรงและ จิตใจเบิกบาน ลูกบุญธรรมที่นั่งตรงข้ามเยื้องๆกับตนท่านนี้ เธอและเขาเดิมทีแทบจะไม่เคยพูดคุยใดๆกันเลย แต่ว่าแม่ แท้ๆของเขาได้จากโลกนี้ไปเจ็ดปีแล้ว ตอนนี้ตนเองก็คือลูก ของเซ็งเจิ้นอขึ้น อย่างไม่ลังเล

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เซิ่งเจ๋อเฉิงใต้ปฏิบัติกับ เธอเช่นนี้ เธอมีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปให้ความสนใจเขาอีก?

เสิ่นอีเวยไม่อยากเหมือนกับแผลหายแล้วลืมเจ็บ ยิ่งไป กว่านั้น แผลบนตัวเธอนั้นยังไม่หายดี คงจะไม่หายตลอดไป

ในตอนนี้ หัวหรง คนที่ไม่ค่อยพูดอะไรมาตลอด จู่จู่ก็พูด

ขึ้นมาว่า

“เจ๋อเฉิง อีเวย ฉันเชื่อว่าวัยรุ่นอย่างพวกเธอสองคนต่างก็ มีเหตุผล ไม่กี่ปีมานี้ร่างกายของคุณพ่อนับวันก็ยิ่งแย่ลง ความ ฝันในตอนนี้ของท่านก็คือหวังจะให้พวกเธอทั้งสองคนมีลูก ดัง นั้นต้องอย่าทำให้ผิดเป็นอันขาด”

พ่อของเพิ่งเจ๋อเฉิงไอออกมาอีกครั้ง ผมที่ขาวทั้งหัวเมื่ออยู่ ใต้แสงไฟที่ส่องแสงยิ่งทำให้แก่และดูไม่แข็งแรง

เมื่อหัวหรงพูดจบลง เชิ่งเจ๋อเฉิงจึงพูดกับเธอด้วยสายตาที่ เย็นชาขึ้นว่า “เรื่องของผม ไม่เกี่ยวอะไรกับป้า”

แม้ว่าปีนี้หัวหรงอายุใกล้จะห้าสิบแล้ว แต่ก็ยังบำรุงรักษา รูปร่างและผิวพรรณเป็นอย่างดี ทำให้ดูแล้วท่าทางแข็งแรงและ จิตใจเบิกบาน ลูกบุญธรรมที่นั่งตรงข้ามเยื้องๆกับตนท่านนี้ เธอและเขาเดิมทีแทบจะไม่เคยพูดคุยใดๆกันเลย แต่ว่าแม่ แท้ๆของเขาได้จากโลกนี้ไปเจ็ดปีแล้ว ตอนนี้ตนเองก็คือลูก ของเซ็งเจิ้นอขึ้น หัวหรงคิดว่าเรื่องในคืนวันนี้ ตนเองควรที่จะพูดอะไรสัก

หน่อย

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่ไว้หน้าเธอแม้แต่นิด

เดียว

ใจของหัวหรงเจ็บจนรู้สึกโกรธ แต่เนื่องจากรู้จักกาลเทศะ จึงต้องอดทนไม่ให้เกิดเรื่องใดๆ แต่พ่อของเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับทุบ โต๊ะเสียงดังขึ้นมาก่อน

“คนเลว ทำไมพูดกับน้าของนายอย่างนี้”

เมื่อเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเสิ่นอีเวยก็ชะงักลง ไม่รู้ ว่าควรจะทำอย่างไรจึงหันไปมองเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่ข้างๆ อย่าง ไม่รู้ตัว

สองมือของเขาตั้งประสานกันวางไว้ที่ริมฝีปาก ซึ่งดูแล้ว นึ่งเงียบไปหมดแต่ในความนิ่งนั้นกลับแฝงไปด้วยความเศร้า หมอง เสิ่นอีเวยพอที่จะเข้าใจเขา เวลาที่เพิ่งเจ๋อเฉิงโมโหโกรธ อย่างสุดขีดมักจะกระทำอยู่สองอย่าง อย่างที่หนึ่งคือสูบบุหรี่ และอีกอย่างก็คือที่เป็นอยู่ในตอนนี้

เธอกลั้นหายใจลง

เพิ่งเจ๋อเฉิงค่อยๆเอามือวางลง สายตาที่มองไปที่หัวหรง เหมือนดั่งใบมีดรองสเก็ตน้ำแข็งที่เจาะเข้าไปที่ใจอย่างรุนแรง “พ่อก็พูดแล้วหนิว่าเธอคือน้า สำหรับผมเธอก็เป็นคนนอกคน หนึ่ง ผมจะพูดครั้งนี้เพียงครั้งเดียว เรื่องของผมไม่จำเป็นที่ต้อง ให้คนนอกเข้ามายุ่ง” หัวหรงคิดว่าเรื่องในคืนวันนี้ ตนเองควรที่จะพูดอะไรสัก

หน่อย

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่ไว้หน้าเธอแม้แต่นิด

เดียว

ใจของหัวหรงเจ็บจนรู้สึกโกรธ แต่เนื่องจากรู้จักกาลเทศะ จึงต้องอดทนไม่ให้เกิดเรื่องใดๆ แต่พ่อของเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับทุบ โต๊ะเสียงดังขึ้นมาก่อน

“คนเลว ทำไมพูดกับน้าของนายอย่างนี้”

เมื่อเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเสิ่นอีเวยก็ชะงักลง ไม่รู้ ว่าควรจะทำอย่างไรจึงหันไปมองเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่ข้างๆ อย่าง ไม่รู้ตัว

สองมือของเขาตั้งประสานกันวางไว้ที่ริมฝีปาก ซึ่งดูแล้ว นึ่งเงียบไปหมดแต่ในความนิ่งนั้นกลับแฝงไปด้วยความเศร้า หมอง เสิ่นอีเวยพอที่จะเข้าใจเขา เวลาที่เพิ่งเจ๋อเฉิงโมโหโกรธ อย่างสุดขีดมักจะกระทำอยู่สองอย่าง อย่างที่หนึ่งคือสูบบุหรี่ และอีกอย่างก็คือที่เป็นอยู่ในตอนนี้

เธอกลั้นหายใจลง

เพิ่งเจ๋อเฉิงค่อยๆเอามือวางลง สายตาที่มองไปที่หัวหรง เหมือนดั่งใบมีดรองสเก็ตน้ำแข็งที่เจาะเข้าไปที่ใจอย่างรุนแรง “พ่อก็พูดแล้วหนิว่าเธอคือน้า สำหรับผมเธอก็เป็นคนนอกคน หนึ่ง ผมจะพูดครั้งนี้เพียงครั้งเดียว เรื่องของผมไม่จำเป็นที่ต้อง ให้คนนอกเข้ามายุ่ง” เมื่อพูดจบ เพิ่งเจ๋อเฉิงก็เอาตัวลุกออกจากเก้าอี้และกำลัง

จะเดินขึ้นไปข้างบน

เมื่อเดินไปถึงครึ่งทาง เสียงของพ่อเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ดังขึ้นทั่ว ทั้งห้องโถงใหญ่ แม่ของนายตายไปเจ็ดปีแล้ว!

ทันใดนั้นทั้งห้องก็เงียบสงัด แม้แต่เสียงของเข็มที่ตกพื้นก็ ยังสามารถที่จะได้ยิน

เท้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงพึ่งก้าวเหยียบไปที่บันไดขั้นแรก ด้าน หลังที่สูงใหญ่ของเขาก็ได้หยุดลงทันที เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าตนเอง มองผิดไปหรือไม่ เธอรู้สึกว่าด้านหลังของเซิ่งเจ๋อเฉิงมีความ อ่อนไหวออกมาเล็กน้อยในชั่วพริบตาเดียว

เขาไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เดินตรงขึ้นไปข้างบน เมื่อพูดจบ เพิ่งเจ๋อเฉิงก็เอาตัวลุกออกจากเก้าอี้และกำลัง

จะเดินขึ้นไปข้างบน

เมื่อเดินไปถึงครึ่งทาง เสียงของพ่อเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ดังขึ้นทั่ว ทั้งห้องโถงใหญ่ แม่ของนายตายไปเจ็ดปีแล้ว!

ทันใดนั้นทั้งห้องก็เงียบสงัด แม้แต่เสียงของเข็มที่ตกพื้นก็ ยังสามารถที่จะได้ยิน

เท้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงพึ่งก้าวเหยียบไปที่บันไดขั้นแรก ด้าน หลังที่สูงใหญ่ของเขาก็ได้หยุดลงทันที เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าตนเอง มองผิดไปหรือไม่ เธอรู้สึกว่าด้านหลังของเซิ่งเจ๋อเฉิงมีความ อ่อนไหวออกมาเล็กน้อยในชั่วพริบตาเดียว

เขาไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เดินตรงขึ้นไปข้างบน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ