นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 49 แผนการร้ายกาจของสวีอันฉิง



บทที่ 49 แผนการร้ายกาจของสวีอันฉิง

เสิ่นอีเวยเป็นนักออกแบบชุดแต่งงานที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง โดยปกติแล้วเธอก็คุ้นเคยกับร้านชุดแต่งงานในเมืองนี้เป็น อย่างดี ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เรื่องการจองจากทางบริษัทเธอก็ จัดการได้เกือบเสร็จสิ้นแล้ว สำหรับความสามารถของเธอแล้ว นับได้ว่าสามารถที่จะลางานจากเจ้าของบริษัทได้อยู่ตลอดเวลา เลยทีเดียว

ยิ่งช่วงนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีเลยเอาโอกาสแบบนี้มาเดิน เรื่อยเปื่อยพักใจบ้างและหาแรงบันดาลใจบ้าง

เสิ่นอีเวยเดินเข้าไปในร้านที่ชุดแต่งงานที่ตกแต่งได้ต่ำ กว่ามาตรฐาน ในร้านตัวหุ่นนางแบบใส่ชุดหรูหราสวยงามส่อง ผ่านทางกระจก สวยจนไม่เป็นไปตามธรรมชาติ

พนักงานแนะนำสินค้าเดินเข้ามาสอบถามอย่างมีมารยาท ว่า “สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าคุณต้องการชุดแต่งงาน แบบไหน? ทางเราสามารถแนะนำรายละเอียดต่างๆ ให้ได้ค่ะ

เสิ่นอีเวยยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันขอ เดินดูก่อนนะคะ”

พนักงานแนะนำสินค้าพนักงานและยิ้มตอบกลับมา “ได้ ค่ะ หากมีอะไรสามารถเรียกได้ตลอดเวลาค่ะ”

เส้นอีเวยมองไปยังตู้กระจกด้านหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง ทุกตู้ จากวัสดุและวิธีการออกแบบแล้ว ร้านนี้เธอคุ้นเคยเป็น อย่างดี ตอนนี้เธอสามารถดูออกเลยว่าสินค้าพวกนี้ทั้งชุดเพิ่งจะออกจากตลาดได้ไม่นาน

เธอจดจำพวกนี้ได้อยู่ในใจ

พื้นที่ในร้านค่อนข้างใหญ่ เวลานั้นเองมีเสียงโหวกเวก โวยวายดังขึ้นมาจากด้านซ้าย เสิ่นอีเวยหันไปมองถึงได้รู้ว่ามี คู่รักคู่หนึ่งกำลังคุยอยู่กับพนักงานแนะนำสินค้าอยู่ แต่ว่าดูจาก สถานการณ์แล้วไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ สาเหตุมาจากหญิงสาว คู่รักคู่นั้นกำลังพูดถึงการวางแผนและสีหน้าเริ่มแดงแจ๋

“คราวที่แล้วฉันบอกกับพวกคุณอย่างชัดเจนถี่ถ้วนถึง

ความต้องการเรื่องชุดแต่งงาน แต่ดูสิว่าตอนนี้พวกคุณเอาชุดนี้ มาให้ดู นี่มันช่างแตกต่างจากจินตนาการชุดแต่งงานของฉัน มากไปนะ” อารมณ์ของหล่อนไม่พอใจเป็นอย่างมาก พนักงานสาวแนะนำสินค้ายืนยิ้มปลอบโยนอยู่ข้างๆหญิง สาวที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆ “คุณผู้หญิงคะต้องขอโทษด้วยค่ะ คุณดู

แบบนี้ได้ไหมคะ แม้ว่าคุณไม่ชอบการออกแบบชุดแต่งงานของ

นักออกแบบคนนี้ เช่นนั้นคุณสามารถบอกเราได้ไหมว่าความ

ต้องการของคุณคืออะไร เราจะทำให้ดีที่สุด….”

พนักงานยังพูดไม่จบเลยก็ถูกขัดคอขึ้นมา : “คราวที่แล้ว ฉันพูดชัดเจนหมดแล้ว! พวกคุณยังจะทำให้ฉันเสียเวลาอีก?”

หลังหญิงสาวพูดเสร็จหล่อนก็ระเบิดอารมณ์พูดตรงๆออก มา : “ทำไม่ได้ไม่ต้องทำ ไม่งั้นชุดแต่งงานนี้ไม่เอาแล้ว ผิดหวัง จริงๆ”

เมื่อพนักงานได้ยินดังนั้นแน่นอนว่าพวกเธอไม่เห็นด้วยจากสถานการณ์ที่สามารถเกือบจะจัดการได้อยู่แล้ว แต่ว่าตอน นี้ทุกอย่างอยู่ในมือของเธอแต่เธอไม่สามารถที่จะจัดการกับมัน ได้

พนักงานทั้งสองพยายามที่จะรั้งสาวน้อยคนนั้นไว้แต่ทว่า อีเวยยื่นมือมาขวางพวกหล่อนไว้แทน

“คุณผู้หญิงท่านนี้ ไม่ทราบว่าคุณสามารถบอกต้องการของคุณให้ฉันฟังอย่างละเอียดได้ไหม?”

อยู่ดีๆก็มีคนโผล่ขึ้นมาอีกคน สำหรับหญิงโมโหอยู่แน่นอนว่าสีหน้าเธอบุญไม่รับแน่แล้วยิ่งเตรียมวีนด้วย แต่กลับหันมาเจอหน้าเสิ่นอีเวยแทน

แต่หล่อนกับตกใจขึ้นมา “คุณ คุณไม่ใช่นักออกแบบชุด แต่งงานที่มีชื่อเสียงคนนั้นใช่ไหม? คุณเสิ่น ใช่คุณไหมคะ?”

เสิ่นอีเวยแม้ว่าจะอายุยังเด็กแต่ก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงไม่ น้อย แต่ปกติเธอไม่ค่อยออกมายุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับกิจกรรมทาง ด้านธุรกิจการค้า เธอไม่ค่อยอยากให้ใครจดจำเธอได้แม้ว่าจะ เป็นร้านชุดแต่งงานร้านเล็กๆก็ตามที แต่ช่วงเวลานั้นหล่อน กลับพบกับความสุขเล็กๆขึ้นมา

พนักงานทั้งสองได้ยินเสียงสาวน้อยคนนั้นเลยจำเสิ่นอีเวย ได้ พวกหล่อนได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือมายังเธอ อีเวยถามกลับ : “ไม่ทราบว่าฉันสามารถขอกระดาษ กับปากกาสักด้ามไหมคะ?”

พนักงานสาวรีบหยิบสิ่งของที่เป็นต้องการ ไม่นานชุดแต่งงานที่หญิงสาววาดฝันไว้ หล่อนสามารถวาดรูปชุดแต่งงาน นั้นออกมาได้ในตอนนี้

หลังจากวาดเสร็จ ผู้หญิงคนนั้นก็เปล่งเสียงอย่างตื่นเต้น ออกมา “ใช่แล้ว ไม่ผิด สิ่งที่ฉันอยากได้คือแบบนี้!”

หญิงสาวรีบส่งตัวอย่างรูปนั้นไปให้พนักงาน: “ให้ทีมงาน ของพวกคุณทำตามรูปนี้ให้ฉันด้วย!”

พนักงานยิ่งหนักใจกว่าเดิม เพราะปกติแล้วสามารถทำ ตามที่ภายในกำหนด ยิ่งสถานการณ์ในขณะนี้ถือว่าเป็นของ บุคคลภายนอก พวกหล่อนไม่สามารถที่จะรับไว้เองได้

ดูแล้วเหมือนจะทะเลาะกันอีก เสิ่นอีเวยเตรียมหันหลังกลับ แต่กลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคย น้ำเสียงช่างกัดได้อีก “ไม่คิดว่า คุณเสิ่นจะช่วยคนให้มีความสุขได้ขนาดนี้?”

ไม่ต้องหันหลังกลับไปมองก็รู้เลยว่าคนพูดคือใคร

วันนี้หล่อนน่าจะทำงานที่บริษัทเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงโผล่มาถึงที่นี่ได้

สวี่อันฉิงทักทายเงินอีเวย : “คุณเสิ่น ช่างบังเอิญเสียจริง ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจอคุณที่นี่!”

เสิ่นอีเวยมองหล่อนอย่างนิ่งๆ : “เธอควรจะทำงานอยู่ที่ บริษัทไม่ใช่หรอ?”

ในใจสวีอันฉิงเริ่มคิดแผนการขึ้นมา สักพัก น้ำเสียงของ หล่อนเริ่มสะใจและโอ้อวดขึ้นมา : “อ๋อ ท่านประธานเชิงไม่ได้บอกคุณหรอ? คืออย่างนี้ ฉันได้ขึ้นตำแหน่งเป็นเลขาฯคนสนิท ของท่านแล้ว เพราะงั้นเลยสามารถมีสิทธิพิเศษบ้างตาม สมควร

ประโยคสุดท้ายหล่อนพูดเอื้อนเอ่ยเบาๆแต่มันช่างทำให้ สวี่อันฉิงมีเสน่ห์ไปทั้งตัว

ในใจของเสิ่นอีเวยสั่นเล็กน้อย : อะไรนะ? เลขาฯคนสนิท หรอ? มันช่างเป็นคำที่คลุมเครือเสียจริง ใจหล่อนเหมือนมี สายฟ้าฟาดลงมาแปลกๆ

ยิ่งเห็นเสิ่นอีเวยไม่ได้พูดอะไร ในใจของสวี่อันฉิงยิ่งได้ใจ เล็บมือของเธอทาเล็บเป็นสีแดงสดและนิ้วขวาก็ดีงวนผมของ ตัวเองไปมา ตัวหล่อนก็ยืนอยู่ตรงนั้นและดูเหมือนกับปีศาจ จิ้งจอกอย่างไงอย่างนั้น

“ตอนนี้ก็ขึ้นตำแหน่งมาเป็นเลขาฯคนสนิทแล้ว ไม่คนชิน เลย โดยเฉพาะท่านประธานเชิ่งหนึ่งวันยี่สิบสี่ชั่วโมงจะทำงาน อยู่ที่บริษัทมากกว่าครึ่ง ฉันจะทำงานอยู่กับท่านตลอดเวลา – อ้อ ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าท่านประธานเชิงท่ำงานยุ่งมากไปหรือเปล่า เลยลืมคุณเสิ่นไปซะสนิท?”

เสิ่นอีเวยตูสีหน้าสวี่อันฉิงที่ยโสโอ้อวด หล่อนตอบอย่าง ถากถางไปว่า : “เรื่องระหว่างสามีภรรยาของพวกเราคงไม่ต้อง รบกวนให้คุณสวี่มาวุ่นวายใจแล้วแหละ หรือว่าคุณลืมเรื่องบท เรียนคราวที่แล้วที่โรงแรมไห่เฉิงไปแล้วหรอ? ถ้าฉันจำไม่ผิดนะ ตอนนั้นเพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ไว้หน้าคุณสวี่ที่ชอบยุ่งเรื่องของชาว บ้านสักเท่าไหร่นะ?”
การหยอกล้อของเสิ่นอีเวยท่าให้สวี่อันฉิงอารมณ์ปะทุขึ้น ทำได้แค่พูดข่าวคราวที่มันแทงเข้ากระดูกด่ามากระตุ้นอารมณ์ ของเสิ่นอีเวยแทน : “ไม่ทราบว่า คุณเสิ่นเคยนวดที่ใหล่ที่เท้า ของท่านประธานเชิงบ้างไหม? ช่วงนี้ท่านประธานเซึ่งทำงาน เหนื่อยมาก ทุกครั้งตอนช่วงเวลาที่เขาพักฉันมักจะช่วย เขา…ผ่อนคลายบ้าง…”

สีหน้าของเสิ่นอีเวยยิ่งดูไม่ได้ “ผ่อนคลาย” คำพวกนี้มัน หลุดออกมาจากปากของสวี่อันฉิงมันเหมือนพูดไปทางเรื่อง อย่างว่า เสิ่นอีเวยฟังไปเหมือนจะเกิดอาการออกจะอ้วกออกมา รู้สึกว่าอากาศในร้านชุดแต่งงานถูกสวี่อันฉิงทำให้เสีย บรรยากาศไปหมดแล้ว

หล่อนไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อ ได้แต่เดินผ่านสวี่อันฉิงออกไป จากร้านชุดแต่งงาน

จากนั้นหล่อนได้เดินไปดูร้านชุดแต่งงานไปเรื่อยๆ แต่ว่า เมื่อกี้โดนสวี่อันฉิงทำให้เสียอารมณ์อารมณ์ของเสิ่นอีเวยยิ่ง เปลี่ยนไปแย่มากๆ รู้เลยว่าไม่มีใจที่อยากจะเดินต่อเลยขับรถ กลับบ้านเลย

ด้านนอกอากาศร้อนอบอ้าว เพิ่งจะเดินได้รอบเดียวเหงื่อ ออกทั้งตัว เสิ่นอีเวยเปิดตู้เย็นยกน้ำเย็นดื่มข้าไปอีกใหญ่

หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ เสิ่นอีเวยยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ ริมระเบียงด้านนอกห้องนอน จนมีเสียงดังขึ้นที่ประตูหล่อนหัน กลับไปมองจึงรู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับมาแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ