นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่54 ยังกล้าทำแบบนี้อีกมั้ย



บทที่54 ยังกล้าทำแบบนี้อีกมั้ย

แววตาของเสิ่นอีเวยยังคงยืนหยัด ไม่ยอมปล่อยมือ

เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาแบกเสิ่นอีเวยขึ้นบ่า เดินขึ้นชั้นบน เสิ่นอีเวยร้องตะโกนอย่างตกใจ “คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”

“คุณชอบหาเรื่องดีนัก คืนนี้ผมจะให้คุณหาเรื่องเต็มที่

เลย”

เสิ่นอีเวยถูกโยนแรงๆลงบนเตียงนอน แม้ว่าเตียงจะนุ่ม มาก แต่ศีรษะของหล่อนก็โดนกระแทกเสียจนเวียนหัว หล่อน หลับตาเพื่อให้ลดอาการเวียนหัวลง แต่ว่ายังไม่ทันได้ตั้งตัว เพิ่งเจ้อเฉิงก็ทิ้งร่างหนักๆลงมาหาหล่อน

สองมือของหล่อนพยายามดันร่างเขาออก แต่เขากลับไม่ ขยับเลยแม้แต่น้อย

เหมือนลมหายใจร้อนผ่าวรดอยู่บนใบหน้าหล่อน “คุณนี่ ไม่ชอบโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวใช่มั้ย เดี๋ยวก็ฉินโม่ เดี๋ยวก็เชียว หันถึง ยังไม่พอใช่มั้ย มองไม่ออกจริงๆว่าคุณเก่งขนาดนี้”

สิ่งเดียวที่หล่อนรับไม่ได้คือเวลาที่เขาโกรธ เขามักจะ พูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่น คำพูดเหล่านั้นพอเวลาผ่านไปมันก็ ถูกลืมเลือน แต่ว่าบาดแผลที่อยู่ในใจมันจะคงอยู่ตลอดไป

เสิ่นอีเวยรู้ใจตัวเองดีว่าหล่อนรักเชิ่งเจ๋อเฉิง เขาเองก็รู้ ดัง นั้นสิ่งที่หล่อนรับไม่ได้ก็คือการที่เขาระแวงสงสัยในความของหล่อน

เรื่องเชียวหันถึงนั้นไม่เท่าไหร่ หล่อนคนรู้ดีว่าคนอย่าง เชียวหันถึงไม่ได้หลอกง่ายๆ แต่ว่าฉิน

ฉิน โม่เป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยสนิทที่สุดของ หล่อน เขาเป็นสุภาพบุรุษ ซื่อสัตย์จริงใจมากคนหนึ่ง ข้อนี้ หล่อนรู้ดีกว่าใคร แต่เพิ่งเจ๋อเฉิงกลับดูถูกเหยียดหยามเขาแบบ นี้ ในใจเสิ่นอีเวยรู้สึกโกรธเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาทันที

เสิ่นอีเวยมองหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิง แววตาจริงจังหนักแน่น” คุณ อย่าพูดถึงฉินโม่แบบนั้น”

เสิ่นอีเวยออกรับแทนแบบนี้ยิ่งทำให้ยิ่งขึ้น เขาจ้องหล่อน “ฉินโม่ เรียกกันซะเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณไม่เคยเห็นคุณให้ความ สนิทสนมอบอุ่นแบบนี้บ้าง”

มือใหญ่ของเจ๋อเฉิงลูบไล้บนใบหน้าของหล่อน

“คุณพูดเพ้อเจ้ออะไร”

เสิ่นอีเวยได้ยินเขาพูดว่าหล่อนไม่เคยอ่อนโยนต่อเขามา ก่อน หล่อนจึงรีบค้าน เพราะช่วงที่พวกเขาแต่งงานกันใหม่ๆ ความรู้สึกของหล่อนที่มีต่อเซิ่งนั้นเรียกว่ายังพอมีความ หวังอยู่บ้าง ในเมื่อเขายอมแต่งงานกับหล่อนก็ย่อมแสดงว่า เขาเองก็ต้องมีความรู้สึกดีกับหล่อนอยู่บ้าง

ต่อมาหล่อนถึงรู้ว่าหล่อนคิดผิดเสียแล้ว หัวใจของเขามัน
ดังนั้นความอ่อนโยนความใส่ใจของหล่อนจึงค่อยๆถูก ความเย็นชาและการทำร้ายของเขาทำลายล้างไปจนหมดสิ้น แต่สำหรับเชิ่งเจ๋อเฉิงแล้ว เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าเขาไม่เคยคิด หรือ สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของหล่อน จึงเท่ากับว่าเขาไม่เคยได้ รับสิ่งนั้นจากเธอ

ตอนแรกหล่อนคิดที่จะอธิบายให้เขาฟัง แต่ตอนนี้คงไม่มี

ประโยชน์

ระหว่างที่หล่อนกำลังลังเลอยู่นั้นเอง เขาก็ถลกชาย กระโปรงของหล่อนขึ้น แล้วใช้มือลูบไล้บนผิวเรียบเนียนนั้น หล่อนรู้ดีว่าเขาคิดจะทำอะไร แต่หล่อนไม่ยอม

เกือบทุกครั้งที่บันดาลโทสะ หล่อนรู้สึกเหมือนว่าตนเอง เป็นที่ระบายอารมณ์ของเขา มือเท้าของหล่อนปัดป้องเขาให้ ออกไปจากร่างของหล่อน แต่ไม่เป็นผลใดๆ

ในสถานการณ์เร่งรัดแบบนี้ หล่อนเอ่ยปากถามเขา”คุณ ไม่รู้สึกผิดต่อเสิ่นหุ้ยบ้างเหรอ “หล่อนคำรามออกไปด้วยความ โกรธ ภายในห้องไม่ได้เปิดไฟจึงมองเห็นไม่ชัดนัก เครื่องปรับ อากาศก็ไม่ได้เปิด ร่างของทั้งสองคนต่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ

หล่อนได้ยินเพิ่งเจ้อเฉิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูด ว่า “คุณไม่มีคุณสิทธิ์ที่จะเอ่ยชื่อเสิ่นหุ้ย”

“แคว็ก”

กระโปรงของหล่อนถูกดึงจนขาด เผยให้เห็นผิวขาวเนียน ด้านใน เป็นเพราะชุดราตรีที่หล่อนสวมใส่เป็นชุดที่โชว์แผ่นหลังและช่วงไหล่ หล่อนจึงไม่ได้สวมเสื้อชั้นใน มีเพียงแผ่นบรา ที่ปิดหน้าอกเท่านั้น เมื่อชุดถูกกระชากออกไปแผ่นปิดหน้าอกก็ กระเด็นไปทางไหนก็ไม่รู้

แค่ชั่วพริบตา ร่างกายท่อนบนหล่อนก็เปล่าเปลือย หล่อน รีบใช้สองมือปกปิดหน้าอกตนเองเอาไว้ หล่อนใช้เท้าที่ไม่ได้ ถูกพันธนาการไว้ถีบเซิ่งเจ๋อเฉิงไปเต็มแรง “ไอ้สารเลว ออกไป เดี๋ยวนี้นะ”

เพิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะเบาๆ “นี่มันห้องของผม บ้านหลังนี้ก็ เป็นบ้านผม แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาไล่ผม”

แรงผู้หญิงไม่อาจจะสู้แรงผู้ชายได้ ยิ่งเป็นผู้ชายอย่างเชิ่ง เจ๋อเฉิงที่ออกกำลังเป็นประจำด้วยยิ่งแล้ว เขาใช้มือข้างเดียว คว้ามือสองข้างที่ปิดบังหน้าอกหล่อนนั้นยกขึ้นยึดไว้เหนือศีรษะ ของหล่อน เผยให้เห็นร่างท่อนบนอันเปลือยเปล่าต่อหน้าของ เขา

เสิ่นอีเวยรู้สึกอับอายจนใบหน้าร้อนผ่าว

มืออีกข้างของเขาเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองละเม็ดทีละเม็ด เผยให้เห็นหน้าอกกำยำ เสิ่นอีเวยเริ่มกลัวมาก ยิ่งขึ้น หัวใจก็ยิ่งเต้นเร็วมากขึ้นเช่นกัน

ในที่สุดเสื้อเชิ้ตของเขาก็ถูกถอดออกมา เผยให้เห็น ร่างกายแข็งแรงกำยำ แสงสว่างจากพระจันทร์ด้านนอก หน้าต่างสาดเข้ากระทบที่ใบหน้าหวาดกลัวของเสิ่นอีเวยพอดี เซึ่งร่างบอบบางและอ่อนแอของเสิ่นอีเวย ในวินาทีนั่นเองในใจเขารู้สึกได้ถึงความสะใจ

ท่าทางของหล่อนที่ต่อต้านเขาถูกเขาดักทางได้หมด ใน แง่ของพละกำลังแน่นอนว่าหล่อนแพ้ราบคาบ

ตอนแรกหล่อนเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ แต่อยู่ๆก็เหมือนมี แสงอะไรบางอย่างแวบผ่านดวงตาคู่นั้น เขาพลิกร่างของหล่อน แล้วแนบร่างของเขาลงมากดทับร่างหล่อนเอาไว้ ความร้อน จากหน้าอกของเขาแผ่ปกคลุมร่างของหล่อน ติ่งหูเล็กๆอันนุ่ม นิ่มถูกเขากัด หล่อนรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน มันเป็น วิธีที่เขาชอบใช้มากที่สุด หล่อนแทบจะทนส่งเสียงร้องออกมา ไม่ไหว

แต่หล่อนก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

หล่อนยังคงอดกลั้นเอาไว้

“ไม่เชื่อฟังผมใช่มั้ย” เสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงแหบพร่าเล็ก น้อยทั้งยังมีความหื่นกามอย่างชัดเจน

เสิ่นอีเวยรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่หัวไหล่ เขากัดหล่อน มือของเขาจับอยู่ที่เอวหล่อนมืออีกข้างกระชากสิ่งปกปิดร่างชิ้น สุดท้ายของหล่อนออก หล่อนรู้สึกหมดหวังแล้ว

ทันใดนั้นหล่อนรู้สึกเจ็บปวด จากการที่ร่างกายถูกซึงพรีต ไว้แบบนั้น จนต้องส่งเสียงร้องออกมา แต่เพิ่งเจ๋อก็ไม่ได้รู้สึก เวทนาหล่อนแม้แต่น้อย

ด้วยท่าทางแบบนี้หล่อนไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ นอกจากถูกกดทับอยู่อย่างนี้ ไม่มีท่าทีขัดขืนใดๆ หล่อนอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออกแล้วเสียงของซาตานก็ดังขึ้นเหนือศีรษะ ของหล่อน “มา ไหนพูดสิว่า ต่อไปจะไม่กล้าทำเรื่องแบบคืนนี้ อีก”

หล่อนคิดไม่ถึงว่า เขาจะถามคำถามแบบนี้ในตอนนี้ หล่อนยังคงอดทน เม้มปากแน่นไม่พูดอะไรออกมา

เพิ่งเจ๋อเฉิงเองหากไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เขาก็จะไม่ ยอมหยุดเช่นกัน เขาไม่พอใจในท่าทีของหล่อน จึงออกแรงกด ทับร่างหล่อนมากขึ้นอีก “พูดสิ ว่าจะกล้าทำอีกมั้ย ผมบอกให้ คุณพูด”

เสิ่นอีเวยรับแรงกดทับนี้ไม่ไหว กระดูกภายในร่างกาย เหมือนกำลังจะแตกสลาย ไม่มีหนทางใดอีกแล้ว เซิ่งเจ๋อเฉิงจึง ได้ยินคำตอบที่เขาอยากฟัง “ไม่ ไม่กล้าแล้ว”เสียงของหล่อน ฟังดูปวดร้าวและไม่มีความจริงใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ