นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 61 เสิ่นอีเวยถูกสะกดรอยตาม



บทที่ 61 เสิ่นอีเวยถูกสะกดรอยตาม

เสิ่นอีเวยตกใจเพราะหล่อนคิดว่าคนอยู่แต่ที่สูงๆเป็นถึง ประธานของบริษัทยักษ์ใหญ่แบบนี้อย่างเซิ่งเจ๋อเฉิง ในใจคง ไม่ได้สนใจเรื่องพนักงานเล็กๆแต่ที่คาดไม่ถึงคือเขาค่อนข้างมี ความรับผิดชอบ

ตัวเขาเองก็มีหลินอวีที่ทำเรื่องต่างได้อย่างครบถ้วนอยู่ แล้ว แถมระหว่างทุกหน่วยงานก็มีหัวหน้าอีก เรื่องหยุมหยิม พวกนี้ไม่ต้องมาทำให้เขาคอยกังวลอยู่

เสิ่นอีเวยเงยหน้าขึ้นพบว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังจ้องมองเธอ อย่างจริงจัง ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าควรพูดว่าอะไรได้แต่เลื่อนสายตา หนีแกล้งทำเป็นยุ่งอยู่กับเรื่องต้นฉบับที่ออกแบบที่อยู่ในมือ

“คุณพูดเรื่องพวกนี้ออกมาแล้วนะ ฉันจะได้ไม่ต้องไปคิด เรื่องพวกนี้อีก”

เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้ตามเรื่องนี้ต่อ เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก น้ำ เสียงในตอนนั้นกลับมาเป็นเคร่งขรึมเหมือนเดิม : “ฉันรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสวี่อันฉิงนั้นไม่ดีเท่าไหร่ แต่ไหน แต่ไรมาเซิ่งชื่อไม่เลี้ยงคนที่ไม่ทำงาน ฉันหวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ในวันนี้ต่อไปจะเกิดเรื่องแบบนี้น้อยลง”

ด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ดูเฉยเมย แต่สำหรับเสี่ นอีเวยเธอคุ้นเคยกับการพูดแบบนี้ของเขา แต่ในใจหล่อนกลับ มีคลื่นกำลังก่อตัวอยู่บ้าง

หล่อนไม่ได้เงยหน้ามองเขาได้แต่ตอบรับ : “อือ ฉันเข้าใจ บทที่ 61 เสิ่นอีเวยถูกสะกดรอยตาม

เสิ่นอีเวยตกใจเพราะหล่อนคิดว่าคนอยู่แต่ที่สูงๆเป็นถึง ประธานของบริษัทยักษ์ใหญ่แบบนี้อย่างเซิ่งเจ๋อเฉิง ในใจคง ไม่ได้สนใจเรื่องพนักงานเล็กๆแต่ที่คาดไม่ถึงคือเขาค่อนข้างมี ความรับผิดชอบ

ตัวเขาเองก็มีหลินอวีที่ทำเรื่องต่างได้อย่างครบถ้วนอยู่ แล้ว แถมระหว่างทุกหน่วยงานก็มีหัวหน้าอีก เรื่องหยุมหยิม พวกนี้ไม่ต้องมาทำให้เขาคอยกังวลอยู่

เสิ่นอีเวยเงยหน้าขึ้นพบว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังจ้องมองเธอ อย่างจริงจัง ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าควรพูดว่าอะไรได้แต่เลื่อนสายตา หนีแกล้งทำเป็นยุ่งอยู่กับเรื่องต้นฉบับที่ออกแบบที่อยู่ในมือ

“คุณพูดเรื่องพวกนี้ออกมาแล้วนะ ฉันจะได้ไม่ต้องไปคิด เรื่องพวกนี้อีก”

เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้ตามเรื่องนี้ต่อ เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก น้ำ เสียงในตอนนั้นกลับมาเป็นเคร่งขรึมเหมือนเดิม : “ฉันรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสวี่อันฉิงนั้นไม่ดีเท่าไหร่ แต่ไหน แต่ไรมาเซิ่งชื่อไม่เลี้ยงคนที่ไม่ทำงาน ฉันหวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ในวันนี้ต่อไปจะเกิดเรื่องแบบนี้น้อยลง”

ด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ดูเฉยเมย แต่สำหรับเสี่ นอีเวยเธอคุ้นเคยกับการพูดแบบนี้ของเขา แต่ในใจหล่อนกลับ มีคลื่นกำลังก่อตัวอยู่บ้าง

หล่อนไม่ได้เงยหน้ามองเขาได้แต่ตอบรับ : “อือ ฉันเข้าใจ ต่อไปมีเรื่องไรฉันจะพยายามหาวิธีจัดการปัญหาส่วนตัว ไม่ รบกวนเวลาการทำงานของทุกคน”

เซิ่งเจ๋อเฉิงพยักหน้าตอบแต่เสิ่นอีเวยไม่ได้มอง

“คืนนี้ฉันจะไปคุยงานกับลูกค้าแถวๆนี้นะ ฉันจะไม่กลับ

บ้านพร้อมเธอ”

มือของเสิ่นอีเวยที่กำลังหยิบสิ่งของอยู่เกิดอาการสั่นขึ้น มา หล่อนเงยหน้ามองเซิ่งเจ๋อเฉิง สีหน้าเขากลับมีหน้าที่ปกติ ธรรมดาตามสไตล์เขา

ในใจของเสิ่นอีเวยเกิดความตระหนก เพราะเมื่อก่อนเซิ่ง เจ๋อเฉิงเขาจะไม่พูดแบบนี้กับหล่อนเลย เรื่องที่ว่ากลับบ้านด้วย กันนั้นเอาเข้าจริงแล้ววินาทีนั้นมันทำให้ตัวหล่อนเกิดการประ หม่านิดๆ

เพิ่งเจ๋อเฉิงมองเสิ่นอีเวยที่ไม่ยอมพูดยอมจา เขาคิดว่า หล่อนกำลังคิดเรื่องที่พูดเมื่อกี้นี้ เขากลับไม่รอหล่อนตอบกลับ ได้แต่เดินออกไปจากห้องทำงานที่นที่

เสิ่นอีเวยมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง หล่อน ยังรู้สึกว่ายังไม่ดึกเท่าไหร่อีกอย่างกลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรให้ ทำ รอที่นี่อีกสักพักก็ง่ายดี

ตัวอย่างรูปการออกแบบชุดแต่งงานแห่งปี หล่อนเปิดดูที่ ละหน้าไปเรื่อยๆ เวลาค่อยๆผ่านไปจนถึงเวลาที่หล่อนตัดสินใจ ที่จะพักเลยพบว่ามันเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว

เป็นอีเวยเก็บของแล้วออกทางประตูใหญ่ของบริษัท ตอน ต่อไปมีเรื่องไรฉันจะพยายามหาวิธีจัดการปัญหาส่วนตัว ไม่ รบกวนเวลาการทำงานของทุกคน”

เซิ่งเจ๋อเฉิงพยักหน้าตอบแต่เสิ่นอีเวยไม่ได้มอง

“คืนนี้ฉันจะไปคุยงานกับลูกค้าแถวๆนี้นะ ฉันจะไม่กลับ

บ้านพร้อมเธอ”

มือของเสิ่นอีเวยที่กำลังหยิบสิ่งของอยู่เกิดอาการสั่นขึ้น มา หล่อนเงยหน้ามองเซิ่งเจ๋อเฉิง สีหน้าเขากลับมีหน้าที่ปกติ ธรรมดาตามสไตล์เขา

ในใจของเสิ่นอีเวยเกิดความตระหนก เพราะเมื่อก่อนเซิ่ง เจ๋อเฉิงเขาจะไม่พูดแบบนี้กับหล่อนเลย เรื่องที่ว่ากลับบ้านด้วย กันนั้นเอาเข้าจริงแล้ววินาทีนั้นมันทำให้ตัวหล่อนเกิดการประ หม่านิดๆ

เพิ่งเจ๋อเฉิงมองเสิ่นอีเวยที่ไม่ยอมพูดยอมจา เขาคิดว่า หล่อนกำลังคิดเรื่องที่พูดเมื่อกี้นี้ เขากลับไม่รอหล่อนตอบกลับ ได้แต่เดินออกไปจากห้องทำงานที่นที่

เสิ่นอีเวยมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง หล่อน ยังรู้สึกว่ายังไม่ดึกเท่าไหร่อีกอย่างกลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรให้ ทำ รอที่นี่อีกสักพักก็ง่ายดี

ตัวอย่างรูปการออกแบบชุดแต่งงานแห่งปี หล่อนเปิดดูที่ ละหน้าไปเรื่อยๆ เวลาค่อยๆผ่านไปจนถึงเวลาที่หล่อนตัดสินใจ ที่จะพักเลยพบว่ามันเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว

เป็นอีเวยเก็บของแล้วออกทางประตูใหญ่ของบริษัท ตอน ที่หล่อนขับรถจากชั้นใต้ดินเมืองทั้งเมืองแสงไฟก็สว่างไสวไป ทั่ว เสิ่นอีเวยค่อยๆขับรถตามริมถนนและหล่อนครุ่นคิดว่ากลับ ไปบ้านจะทำอะไรกินดีเพื่อทดแทนความเหนื่อยล้าเพราะในวัน นี้เป็นแรกของการทำงานแต่จิตใจของตัวเองกลับไม่ได้มีความ

สุขสักเท่าไหร่

เสิ่นอีเวยคิดไม่ถึงเลยว่าดึกขนาดนี้แล้วรถยังจะติด ไฟ

สีแดงของรถยนต์เดี๋ยวจอดเดี่ยวหยุด

ท้าย

ตอนที่ขับรถเข้าสู่ถนนหลัก หล่อนมองเวลาปาเข้าไปสี่ทุ่ม แล้ว เสิ่นอีเวยใช้เท้าเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งความเร็วขึ้น

การจราจรที่แออัดเบียดเสียด เสิ่นอีเวยไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ตัวเองกำลังถูกรถคันหลังตามอยู่เลยสักนิด

ตลอดการขับรถ ตอนแรกหล่อนไม่ได้พบว่ากำลังเกิด ปัญหาอะไร ทว่ารถสีดำคันที่อยู่ด้านหลังนั้นไม่ได้ปล่อยให้รถ หล่อนคาดสายตา ไม่ว่าหล่อนจะขับไปทางไหนก็จะขับไปทาง นั้น ไม่ว่าจะเลี้ยวไปทางไหนก็จะพบรถของอยู่สะท้อนอยู่ใน กระจกโดยตลอด

เสิ่นอีเวยเจอกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติ

หล่อนจับพวงมาลัยแน่นมือเริ่มสั่น แต่หล่อนไม่สามารถที่ จะจอดรถได้ เสิ่นอีเวนต์สูดลมหายใจเข้าตั้งสติ ไม่รู้ว่าเพราะ อะไรในเวลานี้หล่อนอยากโทรหาเซิ่งเจ๋อเฉิง

เส็นอีเวยกลับไม่รู้ตัวว่ามือของหล่อนทั้งสองข้างนั้นกำลัง ที่หล่อนขับรถจากชั้นใต้ดินเมืองทั้งเมืองแสงไฟก็สว่างไสวไป ทั่ว เสิ่นอีเวยค่อยๆขับรถตามริมถนนและหล่อนครุ่นคิดว่ากลับ ไปบ้านจะทำอะไรกินดีเพื่อทดแทนความเหนื่อยล้าเพราะในวัน นี้เป็นแรกของการทำงานแต่จิตใจของตัวเองกลับไม่ได้มีความ

สุขสักเท่าไหร่

เสิ่นอีเวยคิดไม่ถึงเลยว่าดึกขนาดนี้แล้วรถยังจะติด ไฟ

สีแดงของรถยนต์เดี๋ยวจอดเดี่ยวหยุด

ท้าย

ตอนที่ขับรถเข้าสู่ถนนหลัก หล่อนมองเวลาปาเข้าไปสี่ทุ่ม แล้ว เสิ่นอีเวยใช้เท้าเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งความเร็วขึ้น

การจราจรที่แออัดเบียดเสียด เสิ่นอีเวยไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ตัวเองกำลังถูกรถคันหลังตามอยู่เลยสักนิด

ตลอดการขับรถ ตอนแรกหล่อนไม่ได้พบว่ากำลังเกิด ปัญหาอะไร ทว่ารถสีดำคันที่อยู่ด้านหลังนั้นไม่ได้ปล่อยให้รถ หล่อนคาดสายตา ไม่ว่าหล่อนจะขับไปทางไหนก็จะขับไปทาง นั้น ไม่ว่าจะเลี้ยวไปทางไหนก็จะพบรถของอยู่สะท้อนอยู่ใน กระจกโดยตลอด

เสิ่นอีเวยเจอกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติ

หล่อนจับพวงมาลัยแน่นมือเริ่มสั่น แต่หล่อนไม่สามารถที่ จะจอดรถได้ เสิ่นอีเวนต์สูดลมหายใจเข้าตั้งสติ ไม่รู้ว่าเพราะ อะไรในเวลานี้หล่อนอยากโทรหาเซิ่งเจ๋อเฉิง

เส็นอีเวยกลับไม่รู้ตัวว่ามือของหล่อนทั้งสองข้างนั้นกำลัง สันไม่หยุด ใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ หล่อนคิดไม่ออกเลยว่าตัวเอง ไปทำผิดกับใครไว้ถึงได้ถูกสะกดรอยตาม

ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หล่อนก็โทรออกหาเชิ่งเจ๋อ

เฉิง หล่อนมองชื่อสามคำที่แสดงอยู่หน้าจอ ใจของเสิ่นอีเวยยิ่ง

เต้นหนักเข้าไปอีก เท้าก็เหยียบคันเร่ง หล่อนใช้ความเร็วเพิ่ม

ขึ้น รถคันที่อยู่ด้านหลังก็ขับเร่งตามมาอย่างเห็นได้ชัด

เหงื่อบางๆเริ่มผุดออกมาบริเวณหน้าผากของเสิ่นอีเวย

คืนนี้เพิ่งเจ๋อเฉิงเขาต้องคุยเรื่องสัญญาฉบับสำคัญ หล่อน โทรศัพท์ไปหาจะรบกวนเขาไหม? ในใจหล่อนนี้กลัวมาก แต่ว่า ใจอีกฝั่งก็รออย่าให้เซิ่งเจ๋อเฉิงรับโทรศัพท์

“ฮัลโหล”

เสียงเซิ่งเจ๋อเฉิงดังเข้าหูเสิ่นอีเวย แต่ว่าความอบอุ่นน้ำ เสียงก็คือเย็นชาปกติเหมือนเดิม

ใจของเสิ่นอีเวยเริ่มสั่นขึ้นมา หล่อนรู้ว่าตัวเองกำลัง รบกวนเขาอยู่ ใจหล่อนตัดสินใจแล้ว หล่อนบังคับให้ตัวเองยิ้ม ที่มุมฝีปาก : “ไม่มีอะไร ฉันไม่ระวังเอง ฉันโทรผิด”

น้ำเสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงเริ่มละเที่ยใจ : “เสิ่นอีเวยเธอทำ บ้าอะไรเนี่ย?”

ความสนใจทั้งหมดของเสิ่นอีเวยไปกับรถคันสีดำที่อยู่ ด้านหลังเธอเลยไม่ได้สนใจคำถามที่เชิ่งเจ๋อเฉิงถาม เชิ่งเจ๋อ เฉิงไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาของเสิ่นอีเวยเลยถามต่อ : “เธอ กลับถึงบ้านหรือยัง?” สันไม่หยุด ใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ หล่อนคิดไม่ออกเลยว่าตัวเอง ไปทำผิดกับใครไว้ถึงได้ถูกสะกดรอยตาม

ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หล่อนก็โทรออกหาเชิ่งเจ๋อ

เฉิง หล่อนมองชื่อสามคำที่แสดงอยู่หน้าจอ ใจของเสิ่นอีเวยยิ่ง

เต้นหนักเข้าไปอีก เท้าก็เหยียบคันเร่ง หล่อนใช้ความเร็วเพิ่ม

ขึ้น รถคันที่อยู่ด้านหลังก็ขับเร่งตามมาอย่างเห็นได้ชัด

เหงื่อบางๆเริ่มผุดออกมาบริเวณหน้าผากของเสิ่นอีเวย

คืนนี้เพิ่งเจ๋อเฉิงเขาต้องคุยเรื่องสัญญาฉบับสำคัญ หล่อน โทรศัพท์ไปหาจะรบกวนเขาไหม? ในใจหล่อนนี้กลัวมาก แต่ว่า ใจอีกฝั่งก็รออย่าให้เซิ่งเจ๋อเฉิงรับโทรศัพท์

“ฮัลโหล”

เสียงเซิ่งเจ๋อเฉิงดังเข้าหูเสิ่นอีเวย แต่ว่าความอบอุ่นน้ำ เสียงก็คือเย็นชาปกติเหมือนเดิม

ใจของเสิ่นอีเวยเริ่มสั่นขึ้นมา หล่อนรู้ว่าตัวเองกำลัง รบกวนเขาอยู่ ใจหล่อนตัดสินใจแล้ว หล่อนบังคับให้ตัวเองยิ้ม ที่มุมฝีปาก : “ไม่มีอะไร ฉันไม่ระวังเอง ฉันโทรผิด”

น้ำเสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงเริ่มละเที่ยใจ : “เสิ่นอีเวยเธอทำ บ้าอะไรเนี่ย?”

ความสนใจทั้งหมดของเสิ่นอีเวยไปกับรถคันสีดำที่อยู่ ด้านหลังเธอเลยไม่ได้สนใจคำถามที่เชิ่งเจ๋อเฉิงถาม เชิ่งเจ๋อ เฉิงไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาของเสิ่นอีเวยเลยถามต่อ : “เธอ กลับถึงบ้านหรือยัง?” เสินอีเวยไข้สติที่มีอยู่มองด้านหน้าพยายามอย่างยิ่งที่ไม่ ใช้สายตาของตัวเองคนที่อยู่ในรถที่อยู่ด้านหลังรู้ตัวขึ้นมา หล่อนพยายามบังคับน้ำเสียงของตัวเองที่จะทำให้ไม่สั้นและ หลอกเขาพร้อมตอบกลับไป : “ใกล้แล้ว ฉันใกล้กลับถึงบ้าน แล้ว”

เซิ้งเจ๋อเฉิงไม่ได้พูดอะไรต่อ สักพักเขาก็วางสาย ใจของเส่

นอีเวยกลับวูบลงเล็กน้อย

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาหล่อนไม่กล้าที่จะเสี่ยง

สำหรับหล่อนแล้วหมู่นี้เซิ่งเจ๋อเฉิงอารมณ์เปลี่ยนไปบ้าง มี แค่ตัวเสิ่นอีเวยเท่านั้นที่รู้ หล่อนไม่กล้าที่จะบอกว่าในใจของ เขามีหล่อนอยู่ในนั้น หล่อนไม่แน่ใจว่าเมื่อบอกเรื่องที่ตัวเอง กำลังโดนคนสะกดรอยตามนั้นต่อไปจะถูกเขาหัวเราะเยาะหรือ เปล่า ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องที่เขาจะปล่อยสัญญาที่สำคัญฉบับนั้น ไปได้เพื่อตัวหล่อน

ในใจเสิ่นอีเวยได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น อาศัยตัวเองก็แล้วกัน

ขอแค่ขับรถเร็วที่พอจะสามารถสะบัดรถคันหลังให้หลุดไป ใต้ เพราะตอนนี้ฉันก็ไม่มีทางอื่นแล้วเหมือนกัน

ตอนที่เหยียบคันเร่งลง ร่างกายทุกส่วนของเสิ่นอีเวยเกร็ง

ขึ้น

รถคันที่อยู่ด้านหลังเริ่มเบื่อที่จะต้องตาม พวกเขาอยากที่ จะขับแซง เป็นอีเวย อย่า อย่าให้พวกเขาขวางหน้าได้ ในใจ ของสิ้นอีเวนต์คิดแบบนั้น เสินอีเวยไข้สติที่มีอยู่มองด้านหน้าพยายามอย่างยิ่งที่ไม่ ใช้สายตาของตัวเองคนที่อยู่ในรถที่อยู่ด้านหลังรู้ตัวขึ้นมา หล่อนพยายามบังคับน้ำเสียงของตัวเองที่จะทำให้ไม่สั้นและ หลอกเขาพร้อมตอบกลับไป : “ใกล้แล้ว ฉันใกล้กลับถึงบ้าน แล้ว”

เซิ้งเจ๋อเฉิงไม่ได้พูดอะไรต่อ สักพักเขาก็วางสาย ใจของเส่

นอีเวยกลับวูบลงเล็กน้อย

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาหล่อนไม่กล้าที่จะเสี่ยง

สำหรับหล่อนแล้วหมู่นี้เซิ่งเจ๋อเฉิงอารมณ์เปลี่ยนไปบ้าง มี แค่ตัวเสิ่นอีเวยเท่านั้นที่รู้ หล่อนไม่กล้าที่จะบอกว่าในใจของ เขามีหล่อนอยู่ในนั้น หล่อนไม่แน่ใจว่าเมื่อบอกเรื่องที่ตัวเอง กำลังโดนคนสะกดรอยตามนั้นต่อไปจะถูกเขาหัวเราะเยาะหรือ เปล่า ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องที่เขาจะปล่อยสัญญาที่สำคัญฉบับนั้น ไปได้เพื่อตัวหล่อน

ในใจเสิ่นอีเวยได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น อาศัยตัวเองก็แล้วกัน

ขอแค่ขับรถเร็วที่พอจะสามารถสะบัดรถคันหลังให้หลุดไป ใต้ เพราะตอนนี้ฉันก็ไม่มีทางอื่นแล้วเหมือนกัน

ตอนที่เหยียบคันเร่งลง ร่างกายทุกส่วนของเสิ่นอีเวยเกร็ง

ขึ้น

รถคันที่อยู่ด้านหลังเริ่มเบื่อที่จะต้องตาม พวกเขาอยากที่ จะขับแซง เป็นอีเวย อย่า อย่าให้พวกเขาขวางหน้าได้ ในใจ ของสิ้นอีเวนต์คิดแบบนั้น แต่ว่ารถที่อยู่ด้านหลังคนขับเป็นผู้ชาย ไม่นานก็ขับเลยรถ เสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยคิดอยู่สักพักอยากที่จะกลับรถ แต่สิ่งที่ หล่อนเห็นกับตาคือด้านหน้ารถคันสีดำคันนั้นจอดกั้นขวางหน้า รถ เส้นทางถูกปิดกั้น

เสิ่นอีเวยล็อกประตูรถอย่างเอาเป็นเอาตาย ในมือซ้ายก็ กำโทรศัพท์ไว้แน่น มือขวาก็ควานหาขวดสเปรย์ป้องกันตัว ทั้งๆที่หล่อนก็รู้ว่าของสิ่งนี้ในยามคับขันก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ หล่อนตัวคนเดียวก็แค่อาศัยอันนี้แหละเป็นกำลังใจให้ตัวเอง

เสิ่นอีเวยมองรถที่อยู่ด้านหน้าประตูรถเปิดออก มีคน จำนวนสี่คนรูปร่างกำยำล่ำสันทั้งหมด คนที่เป็นหัวหน้าในมือ เหมือนจะถือแท่งอยู่แท่งหนึ่งเหมือนไม้กระบองแบบนั้น

ผู้ชายหลายคนนั้นเดินตรงมาทางเสิ่นอีเวย ระยะห่างยิ่ง

ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ว่ารถที่อยู่ด้านหลังคนขับเป็นผู้ชาย ไม่นานก็ขับเลยรถ เสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยคิดอยู่สักพักอยากที่จะกลับรถ แต่สิ่งที่ หล่อนเห็นกับตาคือด้านหน้ารถคันสีดำคันนั้นจอดกั้นขวางหน้า รถ เส้นทางถูกปิดกั้น

เสิ่นอีเวยล็อกประตูรถอย่างเอาเป็นเอาตาย ในมือซ้ายก็ กำโทรศัพท์ไว้แน่น มือขวาก็ควานหาขวดสเปรย์ป้องกันตัว ทั้งๆที่หล่อนก็รู้ว่าของสิ่งนี้ในยามคับขันก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ หล่อนตัวคนเดียวก็แค่อาศัยอันนี้แหละเป็นกำลังใจให้ตัวเอง

เสิ่นอีเวยมองรถที่อยู่ด้านหน้าประตูรถเปิดออก มีคน จำนวนสี่คนรูปร่างกำยำล่ำสันทั้งหมด คนที่เป็นหัวหน้าในมือ เหมือนจะถือแท่งอยู่แท่งหนึ่งเหมือนไม้กระบองแบบนั้น

ผู้ชายหลายคนนั้นเดินตรงมาทางเสิ่นอีเวย ระยะห่างยิ่ง

ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ