นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่232คุณไม่เชื่อใจใช่ไหมล่ะ



บทที่232คุณไม่เชื่อใจใช่ไหมล่

บทที่ 232 คุณไม่เชื่อใจใช่ไหมล่ะ

“เป็นสอันฉิงใช่มั้ย?”

เงินอีเวยกุมมือเงินหุ้ยเบาๆ แล้วถาม หัวใจอึดอัดราวกับถูกไฟเผา

แต่เมื่อคุณแยกแยะข้อเท็จจริงทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะนึกไม่ถึงอีกครั้งก็ตาม นั่นก็คือความจริง

มันคงเหลืออยู่อย่างหนึ่ง

เรื่องนี้เป็นประโยคที่พบบ่อยมาก แต่ตอนนี้เพิ่งจะยืนยันเรื่องที่เสิ่นหุ้ยที่ถู กทําร้ายในร้านบาร์เมื่อไม่กี่ปีก่อนได้

ตอนแรกเริ่มนั้น แม้แต่เล่นหุยเองก็อาจจะไม่สามารถระ บุชื่อคนร้ายได้ด้วยตนเอง หรือซัดทอดไปยังตัวสวี่อันฉิงได้ เพราะนั่นคือเพื่อนรักที่สนิทที่สุด

แต่ว่าเวลาผ่านไปนานวันเข้า

สวี่อันฉิงก็ทำได้ตรงเป้าหมายแล้ว ใบหน้าที่แท้จริงก็จะถูกเปิดเผยออกมาเ องอย่างธรรมชาติ

อีกทั้งเสิ่นหุ้ยก็นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ดังนั้นจึงมองไม่เห็นแน่อยู่แล้ว แต่ว่าทั้งหมดนี้กลับดีที่ปล่อยให้เสิ่นอีเ วยไปตั้งรับแทน

สวี่อันฉิงจงใจมาทำงานที่บริษัทเซิ่งซื่อ เพราะต้องการหักหน้าหล่อนอยู่เรื่อย แต่แท้จริงแล้วต้องการที่จะสู้กับหล่อน

ยิ่งนึกถึงผู้หญิงคนนั้น

เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าหล่อนเหมือนกับตัวเอง เชชวตองดวงดาวที่โดดเดี่ยว

ทำยังไงก็ผ่านไปไม่ได้สักที ก่อนหน้านี้เพิ่งเจ๋อเฉิงเพียงเพื่อจะให้ห ล่อนตกลงว่าจะมีลูกให้เขา ดังนั้นทั้งสองจึงทำตามข้อตกลงที่ได้พู ดกันไว้

ให้สวี่อันฉิงไปจากบริษัทเซิ่งชื่อโดยเร็ วที่สุด

เวลาผ่านมาก็นานขนาดนี้แล้ว

ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เคยโผล่มาให้เห็นใน

ชีวิตของหล่อนอีกเลย

อีกทั้งบวกกับเวลานี้ร่างกายของตนเอง เกิดเรื่องขึ้นมากมาย หล่อนเองก็ไม่มีเวลาไปคิดถึงผู้หญิงค นนั้นอีก

แต่ว่าคืนนี้

หล่อนกลับมาปรากฏตัวในช่วงเวลาที่พิ เกษมากๆแบบนี้

หล่อนเคยมาที่ห้องผู้ป่วยของเสิ่นหุ้ย

ตอนนี้เสิ่นอีเวยนึกถึงสาเหตุที่สวี่อันฉิง จะมาที่นี่ไม่ออกจริงๆ ไม่ใช่ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเคยพูดไปแล้วเหรอ

ว่า

บนโลกใบนี้ใครก็ตามที่ทำร้ายเสิ่นหุ้ยแ

ม้เพียงนิดเดียว

เขาก็จะให้คนๆนั้นตายอย่างไม่มีที่ฝังศ

พไม่ใช่หรือ?

ถ้างั้นตอนนี้ล่ะ?

สวี่อันฉิงมาที่ห้องผู้ป่วยของเสิ่นหุ้ยอีก ครั้ง ผู้ชายคนนั้นรู้หรือเปล่า?

พอคิดถึงตรงนี้ได้เสิ่นอีเวยก็ไม่ลังเลอี หยิบโทรศัพท์ออกมาและกดโทรออก

กต่อไป หาเซ่งเจอเฉิงทันที

ไม่ผิดแน่ล่ะ

แม้เสิ่นอีเวยจะยอมรับว่าตนเองชอบเซิ่ งเจ๋อเฉิง ยังไงก็ปล่อยเขาไปไม่ได้ แต่ในเวลาเดียวกัน ในใจหล่อนก็รู้ว่า จริงๆแล้วอันฉิงเป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยม คนหนึ่ง

ดังนั้นหล่อนจะไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นได้มีโ อกาสมาทำร้ายผู้คนรอบตัวหล่อนอีก

เพียงแต่ตอนกดหมายเลขออกไป

ในใจเสิ่นอีเวยกลับมีประกายของความ

โดดเดี่ยววาบผ่าน

ทำไมคนที่ช่วยผู้คนรอบตัวหล่อนถึงไม่ ใช่หล่อนเอง? แต่เป็นเซิ่งเจ๋อเฉิง?

คำถามนี้

เสิ่นอีเวยยังไม่ได้คิดที่จะหาคำตอบ เสียงที่ค้นเคยก็ดังออกมาจากอีกฝั่งขอ งเทรศัพท

“ฮัลโหล”

เสียงเซิ่งเจ๋อเฉิงเรียบเฉย

ฟังไม่ออกถึงอารมณ์ไหนกัน

พอจะสัมผัสถึงท่าทีเย็นชาและห่างเหิน ของเซิ่งเจ๋อเฉิง ตอนแรกเสิ่นอีเวยคิดว่าควรวางสายไปเ ลยจะดีไหม

และทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น หล่อนรู้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของตนเ องแล้วจะกลายมาเป็นการสร้างปัญหา ขึ้นมาอีก

เสิ่นอีเวยไม่พูดอะไร

ฝั่งเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกม

เวลาผ่านไปบางครั้งก็เหมือนได้ยินเสีย งกระแสไฟฟ้าอ่อนๆที่กำลังวิ่งไหลไปม

ากระทบเข้าโสตประสาท คนทั้งสองเงียบกันไปนาน แต่เสิ่นอีเวยกำลังวางแผนสิ่งที่หล่อนค วรจะพูดออกมา

ไม่ว่าจะยังไง ตอนนี้ตนเองก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว สมควรจะรักษาภาพภจน์หน่อย ไม่ใช่เหรอ?

“คุณไม่ได้มาที่ห้องผู้ป่วยของเสิ่นหุ้ยน านเท่าไหร่แล้ว?”

เสิ่นอีเวยถามคำถามที่ตนเองอยากรู้คำ ตอบมากที่สุดออกไปโดยตรงๆ

คนปลายสายไม่คาดคิดว่าเสิ่นอีเวยจะถ ามคำถามนี้กับตนเองอย่างตรงไปตรงม า ผ่านไปครู่หนึ่งจึงตอบกลับมา: “เธอถามคำถามนี้ทำไม?” เสนอเวยเลือกที่จะเมินสิ่งที่เพิ่งเจ๋อเฉิง

พูด กล่าวต่อว่า:

“คุณไม่จําเป็นต้องสนใจ

บอกคำตอบที่ฉันอยากรู้ออกมาตรงๆก็

ได้แล้ว”

อีกฝั่งของโทรศัพท์เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ยินร อบข้างเสิ่นอีเวยเงียบกริบ ไม่รู้ว่าทำไม ในใจของเขายิ่งนานยิ่งรู้สึกแปลก

จึงได้ถามกลับทันที:

“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ”

เสิ่นอีเวยไม่ได้อยากที่จะสนใจเขาอะไร แต่พอได้ฟังน้ำเสียงเซิ่งเจ๋อเฉิงที่สูงกว่ ความคิดชั่วร้ายในใจก็พรั่งพรูขึ้นมาทัน

มากนัก

าเมื่อครู่เล็กน้อย

ที

หล่อนตอบกลับ ตอนนฉันก็อยู่ทห้องผู้ป่วยของเงินหุ้ น่ะสิ ทำไม คุณกำลังกังวลอีกล่ะสิ ว่าฉันจะไปทำร้ายอะไรหล่อน?”

หางเสียงเสิ่นอีเวยค่อยๆสูงขึ้น ฟังไปแล้วเหมือนกับซุกซน แต่ก็ช่างยั่วยุซึ่งเจ๋อเฉิง

อีกฝ่ายได้ยินน้ำเสียงในคำพูดของหล่อ นอย่างชัดเจน เขาเปิดปากอีกครั้ง เสียงต่ำลงเยอะ :

“ไม่ใช่ว่าเธอเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพ ยาบาลอยู่เหรอ?

ใครอนุญาตให้เธอเดินออกจากห้องผู้ป่

วยคนเดียว?”

เสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงกดต่ำลง เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับได้ยินเ รื่องตลกที่ยิ่งใหญ่มากเรื่องหนึ่ง สายตาของหล่อนมองตรงไปข้างหน้า ยมอย่างเยือกเย็น: “เซ็งเจ๋อเฉิง

คนที่จะต้องจัดการให้ชัดเจนก็คือคุณ เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บนโลกใบนี้ จะไม่มีคนมาขอร้องให้ฉันทำเรื่องต่างๆ

และจะไม่มีใครไม่ยอมในเรื่องที่ฉันจะ

ไม่ว่าคุณจะมีความสัมพันธ์กับฉันยังไง

ก็เป็นแบบนี้ตลอด

ไม่มีเรื่องหรือประเด็นต้องมาพูดคุยกัน

อีก”

“เสิ่นอีเวย

ผมจะขอพูดเป็นรอบสุดท้ายนะ” น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงแข็งขึ้นมามาก

กว่าเดิม:

“ทางที่ดีที่สุดเธอควรจะเชื่อฟังฉันนะ เวลาจะทำเรื่องอะไรก็อย่าคิดว่ามันง่าย ๆแบบทคดนะ

อันที่จริงแล้วคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงแอ บแฝงนัยความหมายลึกซึ้งเอาไว้ ไม่ใช่ว่าเสิ่นอีเวยฟังไม่เข้าใจ แต่หล่อนทำเป็นหูทวนลมไม่ต้องการที่ จะยอมรับมัน

ไม่ใช่ว่ามีเสิ่นเหยียนชิ่งอีกคน ที่ต้องการให้เซิ่งเจ๋อเฉิงไปช่วยหล่อนเ ปิดโปงหรอกหรือ? ไม่ใช่ว่าก็แค่ถูกจับได้ว่าเป็นมะเร็งตับ จึงจำเป็นต้องให้ผู้ชายที่มีเงินคนนั้นคอ ยหาอวัยวะตับที่เหมาะสมสำหรับการป ลูกถ่ายสำหรับตัวเองหรอกหรอ?

แต่ว่าจริงๆแล้วสิ่งเหล่านี้ เสิ่นอีเวยไม่ต้องสนใจอีกต่อไปแล้ว พวกมันไม่สามารถมาแทนสิ่งเซิ่งเจ๋อเฉิ งคอยจะคุกคามทำให้หล่อนเป็นเบี้ยต่อ รองของตัวเองหรือก

ยิ่งได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของเพิ่งเจ๋อเฉิง เสิ่นอีเวยสูดหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง

วินาทีต่อมา

หล่อนก็พูดกรอกใส่โทรศัพท์อย่างช้าๆ สวี่อันฉิงเคยมาที่ห้องผู้ป่วยของเสิ่นหุ้ย

“เซิ่งเจ๋อเฉิง

เมื่อพูดออกจากปากไปแล้ว

โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะเงียบมากขึ้นกว่ าเดิม เพราะไม่มีใครพูดอะไรต่อ ดังนั้นเสียงอ่อนๆของกระแสไฟจึงกลับ มาดังขึ้นอีกครั้ง

สักพัก ในที่สุดเพิ่งเจ๋อเฉิงก็พูดว่า “แล้วยังไงล่ะ?

เธอต้องการจะสื่ออะไรกันแน่? ไม่รู้ว่าทําไม

ยิ่งได้ฟังเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดแบบนี้แล้ว เสิ่นอีเวยก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรงขึ้นมา ราวกับว่าพลังงานตลอดทั่วทั้งร่างถูกสู บออกไปจนแห้งเหือด

หล่อนฟังออก

เซิ่งเจ๋อเฉิงนึกว่าหล่อนกำลังล้อเล่น

“ฉันพูดความจริงนะ”

“เธอกับหล่อนเจอหน้ากันแล้วเหรอ?” เซิ่งเจ๋อเฉิงถาม

“ไม่เคย” เสิ่นอีเวยตอบตามความจริง

คนที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์เงียบไปครู่ หนึ่ง: “เธอไม่ได้เจอหน้าหล่อน ถ้าอย่างนั้นเธอรู้ได้ไงว่าหล่อนเคยไปที่ ห้องผู้ป่วยของเสิ่นหุ้ย?”

เสิ่นอีเวยไม่ได้พูดจาในทันที หล่อนค่อยๆมองใบหน้าขาวซีดบนเตียง ผู้ป่วยของเสิ่นหุ้ย

เรียบเรียงถ้อยคำในใจอย่างระมัดระวัง

ในที่สุดก็กล่าวว่า:

“ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร

ไม่ว่าคุณจะรู้สึกว่าฉันอุกอาจมากแค่ไห น ขอให้คุณรู้ไว้ว่า ที่ฉันพูดคือความจริงทั้งหมด

เมื่อกี้ฉันเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล อยากมาที่นี่เพื่อเยี่ยมเงินย พอฉันเข้ามาถึงห้องผู้ป่วยก็ได้กลิ่นน้ำ หอมกลิ่นหนึ่ง ฉันรู้ว่าน้ำหอมกลิ่นนี้ มันเป็นกลิ่นน้ำหอมอยู่บนตัวของสวี่อัน ฉิง ฉันมั่นใจมาก

นี่คือเหตุผลที่ฉันรู้สึกว่าหล่อนมาที่นี่ คุณคงคิดว่ามันไร้สาระมากใช่ไหมล่ะ?” เสิ่นอีเวยพูดถึงตรงนี้ก็หยุดไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ให้โอกาสเซิ่งเจ๋อเฉิงในการ โต้ตอบกลับ หล่อนพูดต่อไปว่า:

“สิ่งที่ฉันต้องการจะบอกคือ…ใช่หล่ะ ฉันขออธิบายก่อนว่าเรื่องนี้ไม่ได้สร้าง ขึ้นมา มันเป็นหลักฐานที่ฉันทำ หลายปีก่อนฉันกับเสิ่นหุ้ยเกิดเรื่องที่ร้า นบาร์ด้วยกัน อันนี้คุณก็รู้อยู่แล้ว เสิ่นหุ้ยได้รับบาดเจ็บจนกลายเป็นมนุษ ย์ผัก ทุกคนจึงเบนหัวแล้วพุ่งมาที่ฉัน รวมถึงคุณด้วย แต่ฉันเปล่าทำจริงๆ ตอนที่เกิดเรื่อง ตอนที่ฉันถูกคนลักพาตัวไป เพราะถูกผ้าสีดำปิดตาเอาไว้ ฉันจึงมองไม่เห็นอะไรเลย แต่ว่าในเวลานั้นฉันได้กลิ่นน้ำหอมของ

สวี่อันฉิงอย่างชัดเจน!

ฉันจึงรู้สึกว่าเรื่องนั้นต้องเกี่ยวข้องกับห ลอนอย่างแน่นอน!

สิ่งที่เสิ่นอีเวยไม่ได้รับรู้เลยว่าอารมณ์ข องตนเองยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น เป็นสาเหตุให้เสียงพูดยิ่งพูดก็ยิ่งดัง นั่นเป็นเพราะสิ่งต่างๆในใจของหล่อนที่ กระตือรือร้นอยากจะอธิบายมีมากเกินไ

ป แต่น่ากลัวว่าทุกคนคงไม่มีใครเชื่อ

รอจนตอนที่หล่อนรู้ตัวว่าตัวเองแสดงอ าการตื่นเต้นเกินตัวไปแล้ว ดูเหมือนว่าคนในสายจะเงียบไปอยู่นาน สมองของเสิ่นอีเวยจึงสงบลงครู่หนึ่ง สักพัก

หล่อนจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ: “ฉันรู้ว่าคุณไม่เชื่อหรอก ใช่ไหมล่ะ?”

ฟังความเงียบจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ ในใจเสิ่นอีเวยก็เย็นเยียบ ขณะทหลอนกำลังคิดว่าควรวางสายโท

รศัพท์ดีมั้ย

ทว่าเสียงเงียบของเซ่งเจ๋อเฉิงก็ดังขึ้น

มา

“ฉันเชื่อ”
199729205_168156108615042_1527632954074830462_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ