นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่356การแสดงละครของสองแม่ลูก



บทที่356การแสดงละครของสองแม่ลูก

บทที่ 356 การแสดงละครของสองแม่ลูก

คนตัวเล็กพูดสิ่งที่ตนเองคิดออกมา เสิ่นอีเวยได้ฟังก็ ตกใจ แต่เธอรู้สึกว่าลูกสาวของตนเองพูดถูก!

“ได้ มามีสัญญากับหนูว่าจะไม่สนใจคนไม่ดีอีกต่อไป ไหมคะ? –

เหมียนเหมียนน้อยยื่นมือออกไปกอดเส้นอีเวย

ส่วนเพิ่งเจ๋อเฉิงที่ยืนดูการแสดงอยู่ด้านข้าง กลับหัวเราะ ขึ้นมาอย่างเย็นชา เขาพูดว่า “เสิ่นอีเวย คิดไม่ถึงจริงๆ เด็ก อายุสี่ขวบสามารถมองคนออก คุณเป็นผู้ใหญ่อายุยี่สิบกว่าปีก ลับมองไม่ออก

แน่นอนเสิ่นอีเวยรู้ว่าประโยคที่เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดหมายความ ว่าตนเองมองคนแย่ๆอย่างสวีเส้าเหิงไม่ออก แต่เธอก็ไม่คิดจะ โต้แย้งเขา เพราะอีกฝ่ายพูดถูก สำหรับเรื่องของสวีเส้าเริง เสี นอีเวยก็ยอมรับว่าตนเองมองคนไม่เก่งเอง

ดังนั้นเธอจึงพูดมากไม่ได้

ในเวลาต่อมา เธอจึงคิดหาวิธีการหนีออกไปจากใน คฤหาสน์นี้
ถึงแม้เมื่อสักครู่ตนเองจะพ่ายแพ้ให้กับความอ่อนแอ แถม ยังโดนเอาเปรียบ แต่ในครั้งนี้ เมื่อเธอรู้สึกถึงความอ่อนแอ จึงอาศัยจังหวะที่เพิ่งเจ๋อเฉิงหันไปคุยกับหลินอวี้ เป็นอีเวยรีบ เข้าไปกระซิบข้างหูเหมียนเหมียนน้อยทันที

“เหมียนเหมียนน้อย ลูกอย่างกลับบ้านกับแม่ไหมคะ? เสี่นอีเวยลดเสียงถามเบาๆ

ในบรรดาเด็กที่อายุเท่ากับเหมียนเหมือนน้อย นับว่าเธอ คือเด็กที่ฉลาดและว่องไวมาก ดังนั้นมองเห็นท่าทางของเ นอีเวย เธอจึงพูดเสียงเบา: “อยากกลับค่ะ

เงินอีเวยอาศัยจังหวะที่เพิ่งเจ๋อเฉิงยังไม่หันกลับมา รีบพูด ว่า : “ งั้นลูกตั้งใจฟังว่าแม่พูดอะไร หลังจากนั้นลูกก็ทำตามโอ เคไหมคะ? –

ความจําของเหมียนเหมียนน้อยก็ดีมาก เพียงได้ยินว่า

สามารถกลับบ้านได้ ใบหน้าเล็กๆก็เต็มไปด้วยความสุข และ ยิ่งได้ฟังว่าแม่มีแผนการ ก็ยิ่งเพิ่มความดีใจอย่างมาก เธอจึง รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

เงินอีเวยขยับปากเข้าใกล้ข้างหูเหมียนเหมียนน้อย พูด เบาๆว่า “อีกสักพักลูกเข้าไปกอดต้นขาของคนที่ใส่สูท จาก นั้นเรียกเขาว่าพ่อ และพูดว่าวันนี้หนูอยากกลับบ้าน

เหมียนเหมียนน้อยได้ฟังจึงทำตาม เธอพุ่งไปด้านหน้า และตรงเข้าไปกอดต้นขาของเพิ่งเจ๋อเฉิง จากนั้นเด็กน้อยจึงส่ง เสียงร้องออกมา “คุณพ่อ
นอกจากเล่นอีเลย ผู้ชายอีกสองคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตก ตะลึงอย่างควบคุมไม่ได้

ต้นขาข้างขวาของเข่งเจ๋อเฉิงถูกข้อมือนุ่มๆ สองข้างกอด เอาไว้ เหมียนเหมียนน้อยเหมือนกับใกล้จะห้อยอยู่บนตัวเขา อย่างแทบไม่น่าเชื่อ เพิ่งเจ๋อเฉิงเหลือบมองเหมียนเหมียนน้อย จากนั้นสีหน้าที่มีความประหลาดใจ เนื่องจากอยู่ดีๆเขาก็รู้สึก

สีหน้าของเขาตอนมองเป็นอีเวย เหมือนกำลังพูดว่า คิด ไม่ถึงใช่ไหม เหมียนเหมียนน้อยเรียกเขาว่าพ่อออกมาเอง

แต่ว่า ท้ายที่สุดเขาก็เป็นคนที่ไม่เคยอยู่กับเด็กมาก่อน ดังนั้นท่าทางที่เพิ่งเจ๋อเฉิงอุ้มเหมียนเหมียนน้อยขึ้นมาจึงไม่เป็น ธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัดเจน ทั้งสองคนสบตากัน นี่คือลูกสาว ของตนเอง คือลูกของเพิ่งเจ๋อเฉิง

แต่ไม่รู้ว่าทำไม อยู่ดีๆเพิ่งเจ๋อเฉิงก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา ในใจ สุดท้ายในครั้งนี้เขาไม่คุ้นเคยกับการปฏิสัมพันธ์กับเด็ก

“เธอคิดจะทำอะไร? “เพิ่งเจ๋อเฉิงอึดอัดอยู่นาน และถาม ประโยคที่อๆแบบนี้ออกมา

หลินอมองดูอยู่ข้างๆ ใบหน้าแสดงออกถึงความเหนื่อย ใจ เจ้านายนะ เจ้านาย! นี่ลูกสาวของท่านแท้ๆ! แถมยังน่า รักขนาดนี้ ท่านพูดกับคนอื่นด้วยน้ำเสียงที่ดีกว่านี้ไม่ได้
เงินเลยมองดูอยู่ข้างๆ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ หลากหลาย ผู้ชายคนนี้….แต่ไหนแต่ไรเขาไม่รู้ว่าจะเข้าหาเด็ก อย่างไร ในเมื่อเป็นแบบนี้ เป็นอีเวยจึงยิ่งมั่นใจในความคิดที่ ตนเองและเหมียนเหมียนน้อยไม่ควรเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ตระ กูลเซิ่ง

“หนูอยากกลับบ้าน…กลับบ้านของหนู….

อย่างไรเสียเหมียนเหมียนน้อยคือดาราเด็ก ตอนนี้ทักษะ การแสดงของเธอสามารถใช้ประโยชน์ได้ เป็นอย่างที่คิด คน ตัวเล็กกลายเป็นเด็กขี้แง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำตา

เชิงเจ๋อเฉิง:

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อลูกสาวของตนเองร้องไห้คร่ำครวญ ออก เขารู้สึกว่าหัวใจแทบหลอมละลายทันที

ในวินาทีต่อมา เขาหันไปมองเสิ่นอีเวยอย่างไม่รู้ตัว และ ปฏิกิริยาของเขา เธอรู้ได้ทันทีว่า เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่รู้ว่าจะจัดการ กับเหมียนเหมียนน้อยอย่างไร จึงขอความช่วยเหลือจากเธอ

เงิน เวยเดินไปข้างหน้า นำเหมียนเหมียนน้อยออกมา จากมือของเพิ่งเจ๋อเฉิง เธอพูดกับเพิ่งเจ๋อเฉิงอย่างจริงจังว่า เด็กพูดอะไรคุณต้องฟัง ถ้าเธออยากกลับบ้าน ก็ไม่ควรบังคับ เธออยู่ที่นี่

เพิ่งเจ๋อเฉิงสีหน้าเคร่งขรึม เขาเตรียมตัวจะพูด กลับโดน เสิ่นอีเวยแบ่งพูดขึ้นมาก่อน
“ฉันรู้ว่าคุณไม่เห็นด้วย ดังนั้นฉันจึงต้องการปรึกษาคุณ เกี่ยวกับสถานการณ์นี้ ฉันรู้ว่าคุณมีอิทธิพลมาก ถ้าอยากทำ อะไรหรือตามหาใครสักคนก็ไม่ใช่จะทําไม่ได้ ฉันหวังว่าอย่าง น้อยวันนี้คุณจะสามารถปล่อยฉันกับเหมือนเหมียนน้อยกลับ บ้านของพวกเรา

เสิ่นอีเวยตัดสินพูดด้วยเหตุผล มากกว่าใช้อารมณ์ เพราะ ในความเป็นจริงเธอรู้ดีว่า เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ใช่คนที่ไม่ฟังเหตุผล ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างสำคัญแบบนี้ เขาต้องฟังความคิด เห็นของคนอื่นมากกว่าเดิม

“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ฉันก็มองเห็นว่า เหมียนเหมือนน้อย ถึงแม้จะเป็นเพียงเด็กขวบ ก็นับว่าเธอฉลาดมาก แต่จิตใจก็ บอบบางมากเช่นกัน ดังนั้น ฉันไม่ต้องการบีบบังคับเธออย่าง โหดร้าย และไม่อยากให้เธอใช้ชีวิตในที่ที่ไม่คุ้นเคย โดยไม่มี การเตรียมตัวเตรียมใจ

เติมเงินอีเวยวางแผนใช้คำพูดเหล่านี้โน้มน้าวเพิ่งเจอ เฉิง แต่พูดไปพูดมา คาดไม่ถึงว่าตัวเธอเองกลับรู้สึกโศกเศร้า ขึ้นมาในใจ

เพราะตอนอยู่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ เสิ่นอีเวย เคยพาเหมียนเหมียนน้อยไปทำการทดสอบ ผลปรากฏว่า สติ ปัญญาของเหมียนเหมียนน้อยสูงกว่าเด็กอายุเท่ากันจริงๆ

ดังนั้นเมื่อเธอบังเอิญพบเจออันตรายจึงสามารถอาศัย ความสามารถของตนเองหนีรอดจากเงื้อมมือของคนร้ายได้เด็กคนนี้ เธอรู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะใช้วิธีแบบไหนแก้ไขปัญหา

เรื่องนี้ สําหรับเด็กอายุสี่ขวบส่วนใหญ่ เหมือนจะไม่ สามารถทําได้

แต่ในเวลาเดียวกัน อารมณ์ของเหมียนเหมียนน้อย สามารถเกิดปัญหาได้ง่ายมาก เพราะมันช่างบอบบาง เสี นอีเวยเลี้ยงดูลูกสาวตัวคนเดียวมากับมือจนถึงวันนี้ เธอสังเกต ลูกสาวของตนเองอย่างละเอียดมาตลอด

ดังนั้นค่ที่เพิ่งจะพูดออกไป เมื่อพูดจบ เสิ่นอีเวยสามารถ รู้สึกได้ว่าเสียงของตนเองสั่นเบาๆอย่างเห็นได้ชัดเจน

เธอไม่รู้ว่าครั้งนี้เพิ่งเจ๋อเฉิงจะฟังเธอหรือไม่ แต่ความหวัง ก็เป็นจริง

เพิ่งเจ๋อเฉิงจ้องมองเสื่นอีเวยดวงตาไม่กระพริบ เหมือน กลัวว่าเธอจะวิ่งหนีไป เขาหรี่ตาลง ทำท่าเหมือนกำลังคิดและ พิจารณาอะไรสักอย่าง

หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดเพิ่งเจ๋อเฉิงเงยหน้าขึ้นมาพูด ว่า : ” ได้ ผมจะให้เวลาคุณ จัดการกับสภาพจิตใจของตนเอง และลูก เมื่อถึงเวลา ผมจะไม่ฟังข้ออ้างของคุณอีก คุณและเหมื ยนเหมียนน้อย ต้องย้ายมาอยู่คฤหาสน์ตระกูลเซิ่ง”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ