นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 83 เป็นตัวแทนเข้าร่วมเจรจาธุรกิจแทนฉัน



บทที่83เป็นตัวแทนเข้าร่วมเจรจาธุรกิจ

แทนฉัน

บทที่ 83 เป็นตัวแทนเข้าร่วมเจรจาธุรกิจแทนฉัน

ตอนที่เสิ่นอีเวยได้ยินก็ฟังออกว่าเสียงที่ถูกบันทึกนั้นเป็น เสียงของเธอ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปในทันที มันเป็นคืนที่เซิ่ง เจ๋อเฉิงพาเธอและเซียวหันถึงไปเจรจาเรื่องธุรกิจด้วยกัน หลัง จากที่เซียวหันถึงพาเธอไปที่โรงแรมนั่นและนั่นคือบทสนทนา ระหว่างคนทั้งสองในห้อง

เพิ่งเจ๋อเฉิง กดหยุด

เสิ่นอี้เวยมองดูเขาอย่างไม่น่าเชื่อ:

หล่ะ?”

ทำไมคุณถึงมีอันนี้

สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงแทรกด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะที่เหมือน กำไพ่ตายไว้ในมือ ดูเหมือนว่าเขารู้เรื่องราวทั้งหมดไว้ก่อน แล้ว: “ตอนนี้เพิ่งเริ่มกลัวขึ้นมาแล้วหรือยังไง? ความหยิ่ง ทระนงตัวเมื่อกี้หายไปไหนแล้วล่ะ? ”

* ไม่นะ ฉันไม่ได้กลัวอะไร ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงมี สิ่งนี้ไว้? ”

รอยยิ้มที่มุมปากของเพิ่งเจ๋อเฉิงปรากฏขึ้น รอยยิ้มนั้นแฝง ไปด้วยความเยาะเย้ย: “เมียฉันและคนที่ฉันร่วมทำธุรกิจด้วยอยู่ด้วยกันตามลำพังสองต่อสอง ฉันจะประมาทได้ยังไง? ”

ตอนนี้เองเสิ่นอีเวยรู้สึกได้ถึงความหยิ่งทะเยอทะยานของ เพิ่งเจ๋อเฉิง ในฐานะนักธุรกิจใหญ่ผู้ทรงอำนาจที่แท้มีเพียงแต่ ผลประโยชน์เท่านั้นที่เขาเห็นค่าและอยากปกป้องมันไว้

เมียฉันกับคนที่ฉันร่วมทำธุรกิจด้วย ที่แท้คืนนั้นสิ่งที่เชิ่ง เจ๋อเฉิงสนใจไม่ใช่เรื่องที่ตนเองและเซียวหันถึงอยู่ด้วยกันตาม ลำพังสองต่อสองทั้งคืน แต่ที่เขาสนใจคือกลัวว่าเซียวหันถึงจะ ล้วงความลับทางธุรกิจของเขาเท่านั้น

ทว่าในตอนนั้นเธอเองก็ยังไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัท เซึ่งชื่อแล้ว เพิ่งเจ้อเฉิงจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร? เสิ่นอีเวยคิดยัง ไงก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

อาจเป็นไปได้ว่าความเจ้ากี้เจ้าการคนอื่นของเซิ่งเจ๋อเฉิง นั้นมันแทรกซึมอยู่ในกระแสเลือดของเขาจนทำให้เขาทำแบบ นี้ก็เป็นได้

ถึงแม้ในใจเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยความเย็นชาก็ตามที : “เพราะงั้นคืนนั้นคุณก็เลยสะกดรอยตามพวกเราเหรอ? ”

เซึ่งเจ๋อเฉิงยิ้มเยาะ: “เรื่องแบบนี้ต้องให้ฉันลงมือเองเห รอ? จะให้ฉันต้องคอยตามภรรยาของฉันและชายคนอื่นพากัน เข้าไปในโรงแรมทำอะไรกันบางอย่างนั้นเหรอ? แค่ฉันซื้อ พนักงานที่ทำงานอยู่ที่นั่นสักคน ให้เขาเอาเครื่องบันทึกเสียง เข้าไปซ่อนในห้องที่พวกเธอจองไว้ ถึงส่งคนของฉันไปจัดการ เองพวกเขาก็ทำได้ดีไม่มีที่ติอยู่แล้ว”
เส้นอเวยพูดอย่างเหนีบแนม: ” ฉันไม่เคยคิดเลยว่า คนที่

ทำตัวเหนือคนอื่นอย่างเซิ่งเจ๋อเฉินจะใช้วิธีต่ำๆแบบนี้ก็ได้ด้วย

ในใจเส็นอีเวยรู้อย่างชัดเจนว่าคำพูดนี้หลุดออกจากปาก เธอประโยคนี้ ความสัมพันธ์ของเธอกับเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ดีขึ้นก่อน หน้าคงจะต้องกลับสู่สภาวะที่เลวร้ายเหมือนก่อนหน้านี้แต่เธอก็ ไม่สนใจอีกแล้ว

วันดีคืนดีผู้ชายคนนี้ก็เกิดสงสัยในตัวเธอ เกิดเรื่องอะไรก็ ไม่ค่นึกถึงเธอสักนิดแถมยังพร้อมจะเอาน้ำคร่าสาดใส่เธอได้ ทุกเมื่อแล้วมีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องคุยดีๆกับเขาด้วย?

และแน่นอนว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงถูกยั่วโมโหจนโกรธจัด เขาก้าว ไปจ้องหน้าเธออย่างจะกินเลือดกินเนื้อ : ” ถ้าเธอแน่จริงก็พูด ประโยคเมื่อกี้อีกรอบสิ”

เสิ่นอีเวยถูกบังคับให้เงยหน้าจ้องหน้าเขาปรากฏรอยยิ้ม ที่มุมปากของเธอ: ” ทำไมล่ะ ฉันพูดแทงใจดำคุณหรือไง? ”

ตอนเผชิญหน้ากับการยั่วยุของเสิ่นอีเวย ความโกรธของ เซิ้งเจ๋อเฉิงก็ยิ่งโหมแรงขึ้น: ” บอกไว้ก่อนว่าอย่าล้ำเส้นตายที่ ฉันซีดไว้”

เสิ่นอีเวยนึกถึงเสียงที่เขาบันทึกไว้แล้วพูดว่า “วันนั้นเมื่อ คุณบันทึกเนื้อหาการสนทนาทั้งหมดของฉันกับเขาไว้ คุณก็ควร รู้ว่าฉันไม่ได้ตอบตกลงข้อเสนอของเซียวหันถึงในเมื่อเป็นแบบ นี้แล้วคุณจะสงสัยว่า ฉันทำความลับของบริษัทรั่วไหลได้อย่างไร? ”

“ตอนนั้นเธอยังไม่ได้เข้ามาทำงานที่บริษัทเซ็งชื่อในมือ ของเธอยังไม่มีข้อมูลอะไรเลย ดังนั้นเธอถึงไม่สามารถตอบ ตกลงอะไรกับเขาได้เพราะยังไงเธอก็ไม่มีสิ่งที่จะไปต่อรองกับ เขาอยู่ดี แต่ตอนนี้แตกต่างจากคราวที่แล้ว เธอเป็นผู้บริหาร ฝ่ายออกแบบชุดแต่งงานของบริษัทเซิ่งชื่อ ในมือของเธอกำ ความลับของบริษัทมากน้อยขนาดไหนเธอรู้ดีอยู่แก่ใจ”

เสิ่นอีเวย จ้องมองเขา แต่ไม่พูดอะไร

เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดต่อ: ” เซียวหันถึง เขาพูดเองกับปากว่าเขา จะร่วมมือกับเธอเพื่อจัดการฉัน มีคนในบริษัทมารายงานว่าเธอ อยู่ในห้องทำงานของฉันนานมากไม่ออกมาสักที และในช่วง เวลานี้เองที่ความลับทางการค้าของบริษัทเซิ่งซื่อรั่วไหลออกไป เสิ่นอีเวยเธอจะไม่ให้ฉันสงสัยเธอได้ยังไง?”

ถึงเธอจะไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดแต่ตอนนี้หลักฐาน ทั้งหมดดูเหมือนจะชี้ไปที่ตัวเธอ เสิ่นอีเวยตกอยู่ในสภาพน้ำ ท่วมปากกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เชิงเจ๋อเฉิง การที่ฉันเข้ามาทำงานในบริษัทเซิ่งชื่อจะ เป็นการโดนบังคับมา แต่หลังจากฉันเข้ารับตำแหน่งผู้บริหาร ฝ่ายออกแบบ ฉันก็นับตัวเองเข้าไปเป็นสมาชิกของบริษัทเซิ่ง ชื่อ ฉันกล้าที่จะสาบานด้วยความสัตย์จริง ฉันไม่เคยทำอะไรที่ ผิดต่อคุณเลยสักครั้งหนึ่งแต่ตอนนี้คุณกลับมาโทษว่าฉันเป็น คนทำความลับของบริษัทรั่วไหลอย่างนั้นเหรอ? ”
น้ำเสียงของเส้นอีเวยสั้นเทา เพิ่งเจ้อเฉิงก็ฟังออก แต่เขา ไม่ได้คิดจะใจอ่อนกับเธอเลยสักนิด ค่าพูดของเซึ่งเจ๋อเฉิงนั้น เป็นเสมือนหนามแหลม ทุกค่าผ่านเข้ากระทบหูเสิ่นอีเวยอย่าง ชัดเจน ในใจของเธอเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนโดนหนามที่มแทง ปานนั้น

” ผู้หญิงอย่างเธอ แม้แต่พี่สาวแท้ๆของตัวเองยังไม่ปรานี จะยังมีอะไรที่เธอทำไม่ได้อีก? ”

เสิ่นอีเวยจ้องมองไปที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพยายามที่จะซ่อน อารมณ์ความรู้สึกของตนเองที่ใกล้จะระเบิดออกมา ในที่สุด เธอก็เผยรอยยิ้มอย่างไม่แยแส : ” ใช่ เรื่องเลวร้ายทั้งหมดฉัน ทำเอง แต่ครั้งนี้คุณจะจัดการกับฉันยังไง? คุณจะขับไล่ฉันออก จากบริษัทเพิ่งชื่อ ทำให้ฉันหางานทำใหม่ไม่ได้อีกต่อไปหรือยัง ไง? ถ้าอย่างนั้นก็โปรดสั่งการเร็วๆ เถอะ”

ในขณะนี้จิตใจของเสิ่นอีเวยเกิดความกล้าอย่างบ้าบิน พร้อมจะแตกหักไต้ทุกเมื่อเพราะเธอคิดว่าถึงแม้เธอตกอยู่ใน สภาพย่ำแย่แค่ไหนก็คงไม่มากกว่าสภาพในตอนนี้แล้วแหละ

เดิมที่คิดว่า เซิ่งเจ๋อเฉิงจะขับไล่เธอออกไปจากบริษัทเซิ่ง ชื่อ แต่ปฏิกิริยาของเขาทำให้เสิ่นอีเวย รู้สึกงวยงง

“ถ้าฉันไล่เธอออก ฉันยังต้องเสียเงินจำนวนมากมากเพื่อ ส่งเธอขึ้นศาลเข้าคุก เธออยู่ที่นี่ฉันยังสามารถควบคุมบ้างเรื่อง ของเธอได้อยู่ อีกอย่างเรื่องเสื่อมเสียในครอบครัวจะ แพร่งพรายออกไปให้คนนอกรู้ไม่ได้ว่าคนที่ทำความลับของบริษัทเซิ่งซื่อรั่วไหลออกไปเป็นภรรยาของเข่งเจ๊อเฉิง

ตอนที่เขาพูดถึงประโยคสุดท้ายเส็นอีเวยฟังออกว่าเซิ่ง เจ้อเพิ่งรู้สึกเกลียดเธอเข้ากระดูกตำราวกับอยากจะแหวกอก ควักหัวใจเธอออกมากิน

เซึ่งเจ๋อเฉิงหยิบเครื่องบันทึกเสียงโบกไปมาหน้าต่อหน้า เสิ่นอีเวย: ” นี่เป็นหลักฐานของเธอที่ฉันมีอยู่ในมือ ฉันเตือน เธอไว้ก่อนอย่ามายั่วโมโหฉันอีก”

เสิ่นอีเวยมองเขาด้วยสายอย่างเย็นชาดลอดเวลา ผู้ชาย คนนี้ความอ่อนโยนก่อนหน้าที่มีให้กับเธอเลื่อนหายไปเป็น ปลิดทิ้ง ตอนนี้สิ่งที่เธอเห็นในแววตาของเขาที่มองเธอมีแต่ ความเกลียดชังและดูถูกเหยียดหยามเท่านั้น

เซึ่งเจ๋อเฉิงเก็บเครื่องบันทึกเสียงไว้อย่างเดิมและเหลือบ ตามองเสิ่นอีเวยครู่หนึ่งแล้วพูดลอยๆว่า : ” พรุ่งนี้ตอนสองทุ่ม ที่โรงแรมเซิ่งชื่อ ฉันมีธุรกิจที่ฉันต้องไปเจรจาแต่บังเอิญว่าฉัน ไม่ว่าง เธอไปแทนฉันแล้วกัน”

ฟังจบสีหน้าของเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และถามออกมาว่า “ทำไม?”

เธอเป็นพนักงานอยู่ใต้อำนาจของเขาก็จริงอยู่ เงินเดือนก็ เอามาจากเขาก็ถูก แต่ตัวเธอเป็นผู้บริหารฝ่ายการออกแบบ ไม่ ได้เป็นเลขาส่วนตัวของเขาสักหน่อย ทำไมต้องให้เธอไปคุย ธุรกิจแทนเขาด้วย?เขาควรจะให้ หลินอวี้ไปแทนไม่ดีกว่าหรือ?

ดูเหมือนว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะคาดไว้ไม่มีผิด ปฏิกิริยาของเสี่นีเวีย สีหน้าที่เป็นชาของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด เขาหยิบ เอกสารจากแฟ้มบนโต๊ะแล้วโยนให้เป็นเวย : ” จำไว้ว่าเธอ ไม่มีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับฉัน”

หลังจากพูดจบประโยคเขาก็เดินออกไปจากห้องทำงาน เสิ่นอีเวยนึกถึงเรื่องที่เธอถูกป้ายสีว่าเป็นคนทำความลับของ บริษัทรั่วไหลก็ไม่อยากอยู่ในห้องทำงานของเขานานไป มากกว่านี้ ดังนั้นเธอก็เดินออกไปจากห้องทำงานของเขาตาม มาอย่างติดๆ

เมื่อเดินมาถึงประตูหน้าห้องทำงานของเธอ เสิ่นอีเวย เผชิญหน้ากับสวี่อันฉิงอย่างจัง พวกเธอจ้องตากับพักหนึ่ง เสี่ นอเวยมองเห็นความสะใจในแววตาของสวีอันฉิง

เสิ่นอีเวยเพียงใช้หางตามองหล่อนอย่างเย็นชาอยู่พัก หนึ่งแล้วก็เบนสายตาไปทางอื่น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ