นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 136 เงินเหยียนซึ่งมาหาถึงที่



บทที่136เสิ่นเหยียนซึ่งมาหาถึงที่

บทที่ 136 เงินเหยียนซึ่งมาหาถึงที่

เงินอีเวยยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ในหัวเธอมันเคว้งคว้างว่าง เปล่า เธอรีบเก็บของเพื่อไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินอย่างไม่ต้อง สงสัย เธอต้องไปที่หวายหลไปเยี่ยมคุณ

นอกจากเพิ่งเจ๋อเฉิงแล้ว เอาเข้าจริงเสิ่นอีเวยไม่ได้ติดต่อ กับคนในครอบครัวคนในตระกูลเซิ่งของเพิ่งเจ๋อเฉิงมากนัก ก่อนวันแต่งงาน เธอคิดมาโดยตลอดว่าตระกูลเชิงเป็นตระกูลที่ ใหญ่โต ความสัมพันธ์ระหว่างกันคงจะค่อนข้างวุ่นวายเอาการ อยู่

เพราะงั้นเธอเลยเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมกับทำใจ ยอมรับที่จะเข้าสู่ครอบครัววุ่นวายแบบนี้ให้ได้

ทว่าหลังจากแต่งงานกับเพิ่งเจ๋อเฉิงถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้ว ความสัมพันธ์ของครอบครัวนี้ช่างธรรมดามากเสียจริง นอกจากเทศกาลตรุษจีนเท่านั้นที่ไม่ว่าจะผู้ใหญ่ เด็ก ผู้ชายหรือ หญิงก็ตามทุกคนต้องพร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยปกติที่จะเจอ กันน้อยครั้งมาก เสิ่นอีเวยชื่นชอบกับความสัมพันธ์ระหว่างหมู่ ญาติแบบนี้จริงๆเลย มีการรักษาระยะห่างและยังคงกลมกลืน ในเวลาเดียวกันได้ดีทีเดียว เหมือนครอบครัวของเธอแต่ก่อน

เลย
หลังจากที่เธอแต่งงานกับเพิ่งเจ๋อเฉิง เป็นเวยก็ไม่เคยเจอ เรื่องแย่งชิงทรัพย์สมบัติเหมือนหมาแบบนั้นเลยแบบนี้ก็ดีจะได้ ไม่ต้องเสียเวลาไปเยอะ แต่ว่า… ในสมองเธอกลับแบบความ คิดขึ้นมาได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวช่างธรรมดาไป หรือว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงเอาแค่ชื่อภรรยา ในนามหรือการปกป้องเธอ ได้ มากหรอ?

ตอนที่ความคิดมันคิดตลบกลับมาได้ เสิ่นอีเวยก็ขับรถขึ้น มาที่ชั้นหนึ่งของตึกแล้ว เธอกำลังที่จะขับเข้าทางหลัก อยู่ดีๆ หางตาก็เห็นรถสีเทาคันหนึ่งพุ่งพรวดออกมาขวางไว้ เสิ่นอีเวย ตกใจจนหน้าถอดสี รีบเหยียบเบรกทันที!

จากการที่หยุดรถด้วยแรงมหาศาลทำให้ร่างกายของเสี นอีเวยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สั่นคลอนไปด้วย สมองงุนงงอยู่พักหนึ่ง เธอรอจนตั้งสติได้จึงได้หันศีรษะออกไปดูด้านนอกรถ รถสีเทา คันนั้นเลยรถเธอไปและจอดรถขวางหน้ารถเธอเอาไว้

เงินอีเวยมองผ่านกระจกรถก็เห็นคนขับรถที่นั่งอยู่บนรถ คันนั้น ที่แท้คือ….เส้นเหยียนซึ่ง

เธอตกใจไปสักพักยังไม่ทันตั้งตัวได้ เงินเหยียนซึ่งก็ลง จากรถแล้ว เขาหัวเราะร่าเดินตรงมาทางเสื่นอีเวย เส้นเหยียน ซึ่งเขาเคาะกระจกรถ เดิมที่เสิ่นอีเวยอยากจะขับรถออกเลย แต่ รถของเสิ่นเหยียนซึ่งมันจอดขวางหน้ารถเธออยู่ รถที่อยู่ด้าน หลังก็ค่อยทยอยขึ้นมา พวกเขาทั้งคู่ทำให้รถติด รถที่อยู่ด้าน หลังได้แต่บีบแตรไล่ตลอด
ใจเสิ่นอีเวยร้อนรน ไม่มีทางอื่นแล้วได้แต่ลดกระจกรถลง

ในใจเธอโมโหขึ้นมาเลยถามไป: “คุณอยากจะทำอะไร

กันแน่?

เงินเหยียนซึ่งหัวเราะร่ายิ้มแย้มแจ่มใสแล้วพูดออกมา

“อีเวย อามีเรื่องอยากจะคุยด้วยสักเรื่อง ดูแล้วว่าตอนนี้สภาพ คงไม่เอื้ออำนวยนัก เอางี้เธอลงจากรถแล้วเราไปคุยกันในร้าน กาแฟฝั่งนั้นดีกว่าไหม?”

เงินอีเวยเริ่มหมดความอดทนเอามาก ไม่คาดคิดเลยว่า คนอย่างเสิ่นเหยียนซึ่งจะเหมือนกับขนมงาตัดที่จะเกาะเธอติด หนีบได้ขนาดนี้ เธอคิดว่าจะรีบไปหาคุณปูที่หวายหลี่อีก เสี นอีเลยไม่อยากจะต่อความกับเขามากเกินไป น้ำเสียงเธอแข็ง ขึ้น : “มีเรื่องอะไรกันแน่ก็รีบพูดออกมาให้ไว้ ฉันยุ่งมาก ไม่ อยากมาเสียเวลาที่นี่!

สถานที่ตั้งของบริษัทเซิ่งชื่อทั้งหมดนั้นเป็นศูนย์กลางเขต เศรษฐกิจของทั้งเมืองนี้เลยก็ว่าได้ เพราะงั้นรถที่มาจากด้าน หลังจึงติดเป็นแถวยาวเป็นหางว่าว เสียงแตรรถยนต์ดังขึ้น ระงม เสิ่นเหยียนซึ่งยิ้มแล้วหันไปมองทางรถที่อยู่ด้านหลัง แล้ว หันกลับมาหาเธออย่างไม่รีบไม่ร้อนอะไรพลางเอ่ยขึ้น : “หลาน สาวที่แสนจะเชื่อฟังของฉัน ฉันขอแนะนำให้เธอรีบจอดรถที่อื่น เถอะอย่ามาจอดรถ ให้มันติดอยู่ที่นี่เลย อีกสักพักตำรวจจราจร มาตรวจสอบเข้าละก็คนที่นั่งอยู่ในรถนั่นเป็นเธอไม่ใช่ฉัน

เสิ่นเหยียนซึ่งพูดไปหัวเราะไปแต่คำพูดพวกนั้นมันเหน็บแนมด้วยการข่มขู่อยู่เนืองๆ เสิ่นอีเวยตกใจไม่เคยคิดเลย ว่าบนโลกใบนี้จะมีคนไร้ยางอายได้ขนาดนี้เลย จะพูดให้มัน แปลกไปกว่านี้ก็คือคนๆนี้เขาเป็นอาแท้ๆของเธอเอง

เสิ่นอีเวยชั่งใจอยู่สักพักมันไม่มีทางเลือกอื่นให้เลือกอยู่ แล้ว เธอขับรถเลี้ยวไปทางทางแยกนั่น เส้นเหยียนซึ่งก็ขึ้นรถ ขับรถตามรถของเสิ่นอีเวยไป

การจราจรที่ติดขัดสักพักก็คล่องตัวขึ้น การจราจรของ เมืองนี้ก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติตามกฎดังเดิม

เงินอีเวยจอดรถไว้ข้างทางแล้วรีบลงรถเดินวิ่งไปหาและ ถามเงินเหยียนซึ่งตรงๆเลย: “มีเรื่องอะไรกันแน่?

รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นหยียนซึ่งทำให้เส้นอีเวยรู้สึกสะ อืดผะอม: “ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหนักหนาสาหัสอะไร นัก ก็เรื่องนั้นที่คราวที่แล้วที่ฉันพูดกับเธอในโทรศัพท์…….

เงินเหยียนซึ่งจะพูดไม่ทันจบ เสิ่นอีเวยก็ใช้สายตาเฉียบ แหลมมองเขาอย่างวิเคราะห์แล้วเอ่ยตอบอย่างเยือกเย็นว่า : “หากจะมาขอยืมเงินละก็ งั้นไม่ต้องพูดต่อแล้วแหละ ฉันไม่มี เงินให้อายืม”

แม้ว่าน้ำเสียงของเสิ่นอีเวยจะสงบนิ่งก็ตามแต่ว่าน้ำเสียง นั่นแสดงออกอย่างชัดเจนถึงการตัดสินใจและการอดทนที่ยิ่ง ใหญ่พอควร ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีเงินแต่เธอไม่ยินยอมที่จะให้เงิน แก่เส้นเหยียนซึ่ง ถึงแม้เขาจะเป็นอาแท้ๆของตัวเองก็ตาม เรื่อง ศพพ่อของเธอที่ยังไม่ทันแห้งเมื่อปีที่แล้วนั่นที่เขาทำพฤติกรรมแย่งชิงทรัพย์สมบัติเรื่องนั้นเรื่องมันยังคุกรุ่นซ่อนไว้ ไม่มีดเลย!

คนประเภทนี้ ผู้ชายควรจะต้องเป็นฝ่ายที่หาเงินด้วยตัว เอง จนถึงวันนี้ เสิ่นอีเวยแทบไม่อยากสานสัมพันธ์ใดๆ กับเขา เลย

เงินเหยียนซึ่งพูดไปหัวเราะร่าไป : “อย่างเธอจะไม่มีเงิน ได้ไงกัน? เธอเข้าร่วมงานการแข่งขันการออกแบบชุดแต่งงาน เธอมามากมายทั้งงานเล็กงานใหญ่ ส่วนรางวัลที่ได้มานั่นจะมี จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวใช่ไหม? อีกอย่างทรัพย์สมบัติที่พ่อ แม่เธอทิ้งไว้ให้ตอนตายนั่นไม่ได้ทิ้งอะไรไว้เธอเลยหรือไง เธอ พูดมาแนวนี้ฉันไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่”

หากเงินเหยียนซึ่งไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็คงดี แต่นี่เขาอยู่ดีๆ ก็พูดมันขึ้นมา ในใจเสิ่นอีเวยยิ่งแย่ลงไปอีก น้ำเสียงเธอกร้าว หนักกว่าเดิม : “อายังกล้าที่จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกหรอ? ปีนั้นถ้า ไม่ใช่อาที่อยู่ดีๆก็จะแย่งปล้นทรัพย์สมบัติของพ่อไป แถมยังมา ทะเลาะกับฉันยกใหญ่ การทำพิธีเผาศพพ่อกับแม่คงไม่ต้องเสีย เวลานานขนาดนั้นหรอกมั้ง? อารบกวนพ่อกับแม่มานานมาก แล้วตัวเองยังไม่รู้ตัวว่าทำผิดอีกหรอ? ตอนนี้ยังกล้ามาพูดเรื่อง นี้ต่อหน้าฉันได้อีกนะ!”

อารมณ์ที่โมโหอย่างดุเดือดเลือดผ่านจัดมาเต็มที่ เดิมที คิดว่าเงินเหยียนซึ่งถูกตราหน้าว่าเอาซะขนาดนี้แล้วคงถอย กลับไปแล้ว แต่ที่ไหนได้เงินเหยียนซึ่งกลับพูดตอบกลับจาก เรื่องรุนแรงกลายเป็นเรื่องขี้ปะติ้วไปนั้น เรื่องที่ไม่เคยเอ่ยถึงเมื่อปีที่แล้วนั่นเขาทำพฤติกรรมที่พูดไปตามนั้น

“อีเวย อายอมรับนะว่าอาเนี่ยทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมเอาไว้ จริงๆ แต่เธอดูตอนนี้ฉันไม่มีทางอื่นให้เลือกอีกแล้วใช่ไหม? เธอรู้ไหมว่าลูกชายลูกสาวอานั่นไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ไม่เหมือน เธอที่ฉลาดรู้เรื่องตั้งแต่ยังเด็ก แถมเป็นหลานสาวแท้ๆที่แสนดี อีก อาคงไม่สามารถที่จะผ่านเธอไปหาคนอื่นให้เขาช่วยก่อนได้ หรอกใช่ไหม? หากเรื่องนี้แพร่งพรายจนคนอื่นรู้เข้า ชื่อเสียง ของเธอก็จะเสียหายทันที ไหนเธอบอกว่านี่มันเป็นเหตุผล แบบนี้ใช่ไหม?”

เส้นเหยียนซึ่งพูดอย่างมีหลักการมีเหตุมีผล แต่เป็นเวย ฟังแล้วยิ่งโมโหสุดๆขึ้นไปอีก สายตาของเธอมีแต่ความโกรธ แพร่กระจายไปทั่ว น้ำเสียงก็ยังเหน็บไปด้วยความต้องการ ต่อว่าเขา : “อา ฉันระลึกอยู่เสมอว่าอาเป็นน้องชายของพ่อ ฉัน เลยยังคงเคารพเรียกคุณว่าอา แต่ฉันขอพูดประโยคหนึ่งที่ไม่ กลัวว่าอาจจะโกรธหรือเปล่าเรื่องก่อนที่พ่อแม่ของฉันจะเสีย ชีวิต อาก่อเรื่องที่หยาบช้าไว้กับพวกเขานับครั้งไม่ถ้วน คิดว่า อาคงนึกขึ้นมาได้ใช่ไหม? พูดจริงๆนะ ฉันหวังเหลือเกินว่าให้ อามองฉันเป็นคนนอกจะได้ไม่ต้องมาขอร้องอ้อนวอนให้ฉัน ช่วยเหลือทุกเรื่อง! ฉันมีธุระที่ต้องไปจัดการ ขอตัวก่อน!

เสิ่นอีเวยที่เพิ่งก้าวเท้าออกได้สองก้าวกลับหยุดแล้วหันมา หาเงินเหยียนซึ่งแล้วพูดกับเขา “ยังมีอีก ดูเหมือนเรื่องที่เกิด ขึ้นในวันนี้ อาเตรียมตัวบุกเข้าไปในบริษัทเพิ่งซื้อเพื่อไปหาฉัน ใช่ไหม? ฉันจะบอกให้นะ ทุกการเดิมพันที่จะเข้าไปทางบริษัทที่เข้มงวดอย่างเพิ่งซื้อนั่นไม่ใช่สถานที่ที่อาจจะไปก่อเรื่องได้ตาม ที่อาสะดวก ฉันแนะนำว่าอาควรจะคิดให้ถี่ถ้วนก่อน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ