นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่234เรากลับบ้านกันเถอะ



บทที่234เรากลับบ้านกันเถอะ

บทที่ 234 เรากลับบ้านกันเถอะ

ริมฝีปากเซิ่งเจ๋อเฉิงขยับ

สายตาเขามองผ่านคนที่กําลังนอนอยู่บ นเตียง

ท้ายสุดก็หยุดอยู่ที่หน้าเธออย่างรวดเร็

ในที่สุด

เขาก็อยากที่จะถามคำถามที่มันยังอยู่ใ

นใจเขาเอง:

“ทําไมถึงอยากมาที่นี่ได้ล่ะ?”

ในใจของเสิ่นอีเวยเองก็สงบนิ่งแล้วตอ บคําถามเขาไป : “ฉันเองก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าคิดถึงหล่อนเลยมาดูหล่อนสักห น่อย” เสนอเวยรู้ว่าการตอบแบบ ได้ตอบอะไรมาก

นี้ก็เหมือนไม่

แต่มันก็เป็นความจริงที่มาจากก้นบึ้งขอ งหัวใจหล่อน หล่อนไม่ได้โกหกจริง

ดูอารมณ์ของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่แสดงออกม าแล้วก็คงไม่ได้อะไรมากมายกับวิธีการ พูดของหล่อน

เสิ่นอีเวยรู้ดีว่าหากเป็นเมื่อก่อนในสถา นการณ์แบบเดียวกัน เซิ่งเจ๋อเฉิงต้องคิดว่าหล่อนตั้งใจที่จะห ลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามเขา แต่คราวนี้เขากลับไม่คิดแบบนั้นอีก

“กลับเถอะ ขึ้นรถแล้วค่อยพูดต่อ” เซิ่งเจ๋อเฉิงเอ่ยอย่างราบเรียบ

สภาพอากาศหนาวเย็นในยามค่ำคืน ขนาดเขาแค่ถอดเสื้อโค้ทออกยังรู้สึกถึ งความหนาว

ทว่าผู้หญิงที่ตรงหน้ากลับใส่เสื้อผ้าบา งๆ..ก่อนหน้านี้หล่อนนั่งอยู่ที่นี่ได้ตั้งนา นสองนานได้ยังไงกันนะ?

เสิ่นอีเวยอึ้งอยู่เป็นนาน

หล่อนไม่เข้าใจความหมายของเซิ่งเจ๋อ

เฉิงที่พูดออกมา

จึงได้เงยศีรษะขึ้นมาด้วยสายตาที่มาพ ร้อมกับความสงสัยอย่างชัดเจน :

“ขึ้นรถ? ไปไหน…

“กลับบ้าน”

เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดโพล่งออกมา

เสิ่นอีเวยกำลังตั้งท่าจะพูดว่าตอนนี้ตัวเ องยังไม่อยากกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยก็โดนเซิ่งเจ๋อเฉิงพูด แทรกขึ้นก่อน “เรากลับบ้านกัน

คำพูดสั้นเพียงไม่กี่คำแต่มันกลับทำให้ ในใจของเสิ่นอีเวยมีมวนความรู้สึกประ หลาดเกิดขึ้นมาเป็นระลอกๆ หล่อนปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คำพูดที่เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดคำว่า “เรา” สั้นๆ มันตราตรึงอยู่ในหัวใจของเธอ

นี่มันเหมือนเป็นครั้งแรกที่เพิ่งเจ๋อเฉิงเรี ยกคำว่า “เรา” สำหรับเราสองคน หากความรู้สึกของเสิ่นอีเวยไม่มีอะไรที่

ผิดพลาดไป

ความรู้สึกเหมือนเป็นคนใกล้ตัว

หล่อนรู้สึกดีใจอยู่ในใจ

ในที่สุด

หล่อนไม่อยากต่อกรกับคนคิดที่คิดเยอ ะบ้าบอคอแตกที่อยู่ในหัวสมองของหล่

อนอีก หล่อนจึงค่อยยนขนแล้วเดินออกจากหั องพักผู้ป่วยพร้อมกับเซิ่งเจ๋อเฉิง

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าตัวเองมองอะไรผิดไป หรือเปล่า ตอนที่เพิ่งเจ๋อเฉิงหันตัวกลับออกมานั้น

สายตาของเขากลับไม่ได้ทอดมองตัวเ สิ่นหุ้ยเลยสักนิด

ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองมองพลาดไปแต่ หลังจากนั้นหล่อนก็มั่นใจในตัวเองว่าไ

ม่ได้ดูผิดไปจริง

เพราะสายตาของหล่อนตั้งแต่แรกเริ่มจ นถึงตอนนี้ยังคงจ้องมองอยู่ที่เพิ่งเจ๋อเ

ฉิง

เพราะฉะนั้นการกระทำต่างๆของเขา ไม่ว่าจะเป็นสายตาก็ตาม หล่อนกรบ ทั้งหมดทุกอย่าง

เขาไม่ได้มองเสิ่นหุ้ยเลย

การแสดงออกแม้กระทั่งสายตาเองก็ไ ม่เหมือนแบบแต่ก่อนหน้านี้ ขนาดหล่อนเดินตามหลังเขาอย่างเงียบ ๆ เขากลับไม่รับรู้ความรู้สึกนี้ด้วยซ้ำ

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าหล่อนแบบ

นี้

ในใจหล่อนไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบเจ อกับภาพแบบนี้ ตอนนั้นหล่อนรู้สึกว่าหากเกิดเหตุการ ณ์ขึ้นมาแบบนี้จริงๆสักวัน คงจะดีใจอยู่ในใจเป็นแน่

แต่ในตอนนี้

หล่อนเกิดความสับสนขึ้นมา เห็นความคิดไร้ซึ่งความรู้สึกของเซิ่งเจ๋

อเฉิง หล่อนไดแต่ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรขึ้นมา

คนที่ทำอะไรคิดแล้วคิดอีกอย่างหล่อน ตั้งแต่ตอนที่เข้าที่นี่ หล่อนกลับพบว่า บอดี้การ์ดที่มีหน้าที่คอยเฝ้าที่นี่ทุกวันก ลับไม่มีแล้ว ไม่มีเลยสักคน

หากไม่ใช่คำสั่งของเซิ่งเจ๋อเฉิงโดยตร

คนพวกนั้นไม่กล้าที่ละทิ้งหน้าที่ของตัว เองออกไปดื้อๆ

เสิ่นอีเวยเดินตามหลังเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วปิ ดประตูห้องพักผู้ป่วยเบาๆ ก่อนที่หล่อนจะปิดประตูสนิท หล่อนมองเสิ่นหุ้ยที่นอนหลับไหลอยู่บ นเตียงที่ไม่ได้รับรู้เรื่องราวอะไรที่เกิดขึ้ นเลยสักนิด

หล่อนถอนหายใจลึกๆแล้วหันตัวกลับพ ลางเดนตามหลังเซ็งเจ๋อเฉิง

จังหวะการก้าวเท้าของคนที่เดินอยู่ข้าง หน้าก็ไม่ได้เดินเร็วอะไรมากนัก แต่เสิ่นอีเวยเองเป็นคนตั้งใจที่จะเว้นระ ยะห่างจากเซิ่งเจ๋อเฉิง หล่อนจ้องมองด้านหลังของผู้ชายที่อยู่

ด้านหน้า

เสื้อโค้ทตัวใหญ่ของเขากลับพาดอยู่บ นตัวของเธอเอง

เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าความคิดของตัวเองมัน ล่องลอยไปมาเหมือนกับเสื้อสีดำที่อยู่ ด้านหลังของคนที่อยู่ด้านหน้าที่มันปลิว

ไสวไปมา เซิ่งเจ๋อเฉิง……

ตกลงว่าคุณเป็นคนยังไงกันแน่นะ?

ฉันเพิ่งจะรู้ว่า

ฉันเหมือนจะทายใจคุณไม่ถูกจริงๆ

“เธอกำลังคิดอะไรอย่ เดนใหม่นเร็วๆหน่อย เสียงเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่ด้านหน้าดังขึ้นมา เสิ่นอีเวยมัวแต่คิดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยพ อรู้ตัวจึงได้หยุดเท้าเดินก็พบว่าระยะห่า งของตัวเองจากเขามันใกล้กันมาก ไม่รู้เลยจริงๆว่าหล่อนคิดเรื่อยเปื่อยนา นขนาดไหนกัน

หล่อนพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเ องให้เร็วที่สุดแล้วตอบกลับอย่างราบเรี ยบ : “ไม่มีอะไร ไปเถอะ”

คราวนี้หล่อนเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็ว

ขน

รถยนต์ของเซิ่งเจ๋อเฉิงจอดอยู่บริเวณน ใต้ดินของโรงพยาบาล ตอนนี้ก็เวลาล่วงเลยมาดึกดื่นแล้ว ลานจอดรถที่กว้างใหญ่กลับมีเฉพาะพว กเขาเท่านั้น

มันดูเงียบเชียบพิกลอยู่รอบด้าน

ทั้งสองเข้านั่งในรถ

ประตูรถก็ปิดลงเหมือนเป็นการตัดขาดเ สียงที่เงียบสนิทจากด้านนอก บริเวณด้านในรถกับด้านนอกของรถเห มือนเป็นคนละโลก

เสิ่นอีเวยนั่งอยู่ข้างๆตำแหน่งคนขับรถ ในใจหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก สาเหตุเป็นเพราะว่าบรรยากาศมันช่างเ งียบเกินไป

เงียบจนขนาดที่ว่าหล่อนสามารถได้ยิน เสียงเลือดที่พลุ่งพล่านอยู่ในหัวสมองไ ด้เลย

บรรยากาศแบบนี้มันช่างทำให้คนรู้สึกว่ าไม่ปลอดภัยโดยง่าย เซงเจอเฉงเป็นคนขับรถเข้าสู่ท้องถนน

ถึงแม้ว่าจะดึกดื่นขนาดนี้เข้าไปแล้วแต่

การจราจรบนถนนก็ยังคลาคล่ำไปด้วยร ถยนต์จำนวนมาก ท้องฟ้าก็เหมือนจะมีฝนพรำ เซิ่นอีเวยมองเห็นละอองฝนที่ที่ตกลงม ากระทบกับกระจกกันลมทีละหยดจนก ระจายเต็มพื้นที่

เวลาในตอนนี้ก็เหมือนว่าค่อยๆคลายคว ามกังวลออกมาจากใจ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา

ทั้งคู่กลับไม่ได้พูดอะไร

เสิ่นอีเวยหันออกไปมองวิวที่อยู่ด้านนอ กกระจกด้านข้างของตัวเองที่ผ่านไปมา อย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา

ตอนที่เธอรู้ตัวขึ้นมาว่าเขากำลังเปิดแอ หล่อนคิดว่ามันไม่ได้หนาวเหมือนเมื่อค รู่เลยดึงเสื้อโค้ทที่คลุมตัวหล่อนเมื่อครู ลงมาคลุมบริเวณหัวเข่าของตัวเองอย่า งเบามือ

เซิ่งเจ๋อเฉิงมองการกระทำของเสิ่นอีเว บริเวณด้านหน้าคือไฟจราจรที่รถติดยา วเป็นหางว่าวตั้งแต่แรกแล้ว

ย:

เสิ่นอีเวยได้ยินเสียงแตรรถที่ดังมาจาก

ด้านนอกรถเป็นระลอก

แม้กระทั่งเสียงเพลงที่ดังออกมาจากห้ างสรรพสินค้าในยามค่ำคืนที่เงียบสนิท สักพัก

เสียงเบาๆเหล่านี้ก็ถูกเสียงเซิ่งเจ๋อเฉิง

พูดกลบสนิท ตอนนยังรู้สึกว่าไม่ค่อยสบายเนื้อสบา ยตัวตรงไหนไหม?”

เสิ่นอีเวยรับรู้ความหมายได้แต่สะบัดศีร ษะไปมาตอบกลับเขา :

“ไม่มีแล้วแหละ?”

“เธอออกจากโรงพยาบาลเอง

ไม่ได้บอกหมอ

ขนาดฉันเธอยังไม่ยอมบอก”

เสิ่นอีเวยตกใจอยู่พักหนึ่งที่ต้องเผชิญ หน้ากับคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบขอ งเขา ไม่รู้ว่าจะตอบเขายังไงดี

บรรยากาศในรถที่เงียบอยู่แล้วกลับเงีย บหนักกว่าเดิมขึ้นอีก มือทั้งสองข้างของเซิ่งเจ๋อเฉิงจับบริเว ณพวงมาลัยรถยนต์

ส่วนสายตามองไปยังด้านหน้า ช่วงนเซงเจอเฉงยังรู้สึกแปลกใจอยู่บ้า งว่าผู้หญิงอย่างเสิ่นอีเวยเนี่ย เมื่อก่อนเวลาอยู่กับเขาทำไมพูดมากจัง

แต่ตอนนี้ที่เจอหน้ากับเขากับไม่ปริปาก พูดอะไรกับเขาเลยสักนิดกันนะ? เอาเข้าจริงความหมายง่ายๆก็บอกอยู่ไ

ม่ใช่ว่าไม่รู้คำตอบซะที่ไหนหล่ะ ก็แค่เขาไม่อยากไปตามหาคำตอบเท่า นั้น

ตั้งแต่แต่งงานกับเสิ่นอีเวยมาเกือบสาม

ปี

เพิ่งเจ๋อเฉิงรู้ว่าตัวเองใช้อารมณ์กับหล่ อนตั้งมากมาย แต่เขาก็ไม่คิดว่า “ติดค้าง” อะไรอยู่ไว้ตลอด

ทว่าช่วงระยะเวลานี้

เขารู้สึกว่าระหว่างเขากับหล่อนมันมีบา งอย่างทกาลังเปลี่ยนไป

ช่วงนี้ เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตอนที่เผชิญหน้ากับหล่อน ในใจของตัวเองอยู่ดีๆก็ผุดความคิดขึ้น

มาว่า

“ตัวเองกำลังติดค้างหล่อนอยู่หรือเปล่า

หล่อนรักเขามาโดยตลอด

เขาเพิ่งจะรับรู้

ผู้หญิงอย่างสวี่อันฉิงนั่นก็ไม่ใช่ผู้หญิง ธรรมดา เขาก็เพิ่งจะรู้

ทั้งสองเรื่องกว่าเขาจะรับรู้ได้ เขาก็เตรียมใจไว้อยู่แล้ว

แต่ความหลังระหว่างเสิ่นหุ้ยนั้นในใจมั นเริ่มเลือนรางลงไปเรื่อยๆ เรื่องนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงยังไม่รู้ตัว 199198606_486092196003386_8169956697761717929_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ