นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่42 การโต้เถียงในที่ทำงาน



บทที่42 การโต้เถียงในที่ทำงาน

เสิ่นอีเวยถามออกมาจากใจจริงๆ หลินอี้เองก็ตอบ อย่างจริงใจเช่นกัน ลิฟต์กำลังเลื่อนขึ้นไปบนชั้น 24

“ไม่ว่าจะช่วยงานท่านประธานที่ในบริษัทหรือจะรับส่งคุณ ก็ตาม ล้วนเป็นหน้าที่ของผมครับ”

เสิ่นอีเวยไม่ได้แสดงท่าทีอะไรนอกจากพยักหน้า

น้ำเสียงเรียบเฉยของเขาดังขึ้นข้างๆหูอีกครั้ง” เอ่อ คุณเสี่ นวันนี้ท่านประธานดูจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เดี๋ยวอีกสักครู่พอ คุณได้พบกับท่านอาจจะต้องระวังหลีกเลี่ยงที่จะปะทะคารม ตรงๆเพราะดูแล้ว ค่อนข้างจะหนักหนาเอาเรื่องอยู่นะครับ”

เสิ่นอีเวยรู้จักหลินอวี้ดีว่าเขาไม่เคยมีนิสัยพูดจาเลอะเทอะ เชื่อถือไม่ได้ หากเขาพูดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงอารมณ์ไม่ดีนั่นก็ หมายความว่าไม่ดีจริงๆ แต่เธอก็ไม่สนใจในค่าเตือนของหลิน อีแต่อย่างใด เพราะคนที่มีอารมณ์แปรปรวนอย่างเซิ่งเจ๋อ เฉิง เมื่อก่อนที่เธอจะได้เจอเขานั้น เธอคิดมาสารพัดหาวิธีที่จะ รับมือกับเขา หลังจากได้พบเขาก็ไม่มีวิธีไหนได้ผลเลย

หลินอี้ผลักประตูห้องทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิงเข้ามาพร้อม

กับผายมือแล้วพูดว่า “เชิญครับคุณเสิ่น”

เสิ่นอีเวยกล่าวขอบคุณเขาเบาๆแล้วเดินตรงเข้าไป หลิน อวี้ไม่ได้ตามเข้าไปด้วย

สภาพภายในห้องเหมือนกับครั้งที่แล้วที่เธอมามาก เซิ่ง เจ้อเฉิงถอดเสื้อคลุมสูทวางไว้ เสื้อเชิ้ตตัวในเป็นสีดำ ร่างสูงยาวยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่างที่ส่องลอดมาจากหน้าต่าง

ครั้งนี้อีเวยทำตัวเสมือนเป็นแขกประจำที่นี่ สึกประหม่าหวาดหวั่นเหมือนคนครั้งก่อน

ไม่รู้

เธอทำตัวตามสบายนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ ก่อนจะถาม เขาว่า” พูดมา คุณมีธุระอะไรกับฉัน”

เจ๋อเฉิงหันหน้ามา มองสำรวจเสิ่นอีเวยตั้งแต่หัวจรด เท้า สายตาโกรธดุดันกว่าครั้งไหนๆ

“เมื่อกี้ทำไมคุณไม่รับโทรศัพท์ผม”

ใจของเสิ่นอีเวยอึ้งไปสักพัก นี่ที่เขาลงทุนใช้

ดักเธอบนถนนและพาเธอมาที่นี่เหมือนมีเรื่องอะไรใหญ่โต ต้องการจะถามว่าทำไม่รับโทรศัพท์แค่นี้เหรอ

ใบหน้าของเธอแสดงความสงสัยพร้อมกับกลั้นหัวเราะไม่ อยู่ “ท่านประธานเซิ่ง ถ้าคุณจะถามแค่เรื่องง่ายๆแบบนี้ ทำไมไม่รอให้เรากลับถึงบ้านก่อนแล้วคุณค่อยมาถามฉันก็ได้ เวลาของคุณคือเวลาของคุณแล้วเวลาของฉันล่ะ”

เขามองดูหญิงสาวตรงนี้ที่นับวันยิ่งแสดงออกถึงท่าที แข็งกร้าวต่อเขา เขาขยับเข้ามาใกล้เธอ สองมือจับที่โซฟา ด้านหลังที่เสิ่นอีเวยนั่งอยู่ ภายในใจเสิ่นอีเวยเริ่มหวาดหวั่น อยู่ๆเธอก็เริ่มกลัวขึ้นมา

ใบหน้าของพวกเขาสองคนอยู่ใกล้กันมาก จ้องเขม็งที่ใบหน้าเรียวเล็กของเธอ “ตอนนี้คุณนับ วันก็ยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆนะ ใครใช้ให้คุณกล้าสายผม”

ดวงตาของ
ลมหายใจร้อนผ่าวกระทบลงบนใบหน้าของเสิ่นอีเวย เธอหันศีรษะหนีเล็กน้อย ช่วงที่เซิ่งเจ๋อเฉิงโทรมาหาเธอนั้น เธอกำลังพูดคุยดื่มชาอยู่กับฉินโม่ ครั้งแรกที่เขาโทรมาเธอไม่ ได้รับสาย หลังจากนั้นเขาก็โทรมาอีกหลายสาย เธอจึงตัด สายเขาทิ้ง

“ฉันกำลังยุ่งๆอยู่ เลยไม่มีเวลารับสายคุณ” เสิ่นอีเวย

ตอบเสียงแข็ง

เพิ่งเจ๋อเฉิงมองปราดมาที่เธอนัยตาเป็นประกาย “ถ้างั้น คุณบอกมาสิว่ามีธุระสำคัญอะไรถึงขนาดต้องตัดสายผม”

เสิ่นอีเวยไม่อยากจะทะเลาะกับเขา แต่เวลานี้เมื่อได้เห็น ท่าที่เย่อหยิ่งของเขาทำให้เธอรู้สึกอยากจะท้าทายเขา

เธอสบตาเซิ่งเจ๋อเฉิง แล้วตอบอย่างจริงจังว่า “ฉัน

กำลังคุยธุระบางอย่างกับฉินโม่ คุณก็โทรมารบกวนพวกเรา ฉันก็เลยกดตัดสายทิ้ง ทำไม มีปัญหาอะไรมั้ย”

“คุณพูดว่า เมื่อกี้คุณอยู่กับฉิน โม่เหรอ” เสียงของเขา

เย็นชา

เธอเริ่มได้กลิ่นลมหายใจที่อันตราย แต่เธอก็ไม่คิดที่จะ

ถอย “ใช่ คุณได้ยินไม่ผิด พวกเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัย เรียน ครั้งก่อนเขาก็ช่วยฉันจากเงื้อมือไอ้โรคจิตอย่างถานจง หมิงมาอีก เราก็เลยมีเรื่องพูดคุยกันอีกเยอะเลย ปกติไม่มีธุระ รอ”

อะไรเราก็นัดกันมาพูดคุยเล่นกันอยู่บ้าง คุณมีปัญหาอะไรเห
“ผมเป็นสามีของคุณ ภรรยานัดผู้ชายอีกคนมาพูดคุยห ยอกล้อสนิทสนม แล้วตัดสายผมทิ้ง คุณคิดว่าผมไม่ควรจะ โกรธเหรอ”

สำหรับเสิ่นอีเวยคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นช่างน่าหัวเราะ นัก “ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูดหมายความว่ายังไง ถ้าฉันไม่ไป ตอบแทนคนที่มีบุญคุณช่วยชีวิตฉัน แล้วจะให้มาประจบประ แจงเอาอกเอาใจคุณทุกวันหรือไง ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามคุณ หน่อย ตอนที่ฉันโดนสวีอันถึงกับถานจงหมิงทำร้าย ตอนที่ฉัน ต้องการความช่วยเหลือ คุณที่เป็นสามีของฉันทำอะไรอยู่ ที่ไหน ไม่ใช่ว่าคุณเก่งไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่มาช่วยฉันล่ะ”

เสิ่นอีเวยพูดเร็วรัวจนเชิ่งเจ๋อเฉิงไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่ เขาก็ยังตั้งสติได้ทัน ไม่ว่าผู้หญิงตรงหน้าจะอธิบายอย่างไรก็ ไม่อาจปกปิดความจริงที่เธอไปหาผู้ชายอีกคนไม่ได้

เพิ่งเจ๋อเฉิงตะคอกด้วยความโกรธ “คุณเป็นภรรยาของ ผม คำว่าสงบเสงี่ยมเจียมตัวรู้จักมั้ย สำหรับคุณแล้วแรก ดึงดูดของผู้ชายอื่นนี้มันมากมายซะเหลือเกินใช่มั้ย”

เสิ่นอีเวยก็เริ่มโมโหแล้วเช่นกัน “ที่คุณอยากจะทำอะไร

เมื่อไหร่ก็ทำ แล้วทำไมฉันจะทำบ้างไม่ได้ ทุกคนมีอิสระ คุณมี สิทธิ์อะไรมาบังคับควมคุมฉัน”

เพิ่งเจ๋อเฉิงกำลังจะพูด ก็มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก

ดังขึ้นพอดี จึงปล่อยมือทั้งสองที่ควบคุมเสิ่นอีเวยออก ยึดล่า ตัวขึ้นตรงจัดระเบียบเสื้อสูทและผมเผ้าให้เรียบร้อย กลับไป เป็นคนเดิมก่อนที่เขาโมโหโทโสแบบนี้
อีเวยมองเขาอย่างเหยียดๆ

ดูถูกเกลียดชัง

“เข้ามา”

อีเวยคิดไม่ถึงว่าคนที่เคาะประตูเข้ามาคือ อันถึง เมื่อผู้หญิงคนนี้สวมชุดพนักงาน ในมือหอบเอกสารเข้ามา ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาทั้งสอง อีเวยแทบจะหยุดหายใจ เข้า

ที่แท้เมื่อวานที่เจ๋อเฉิงพูดเป็นความจริง สวี่ มาทำงานที่บริษัทแล้ว

ตอนที่สวีอันถึงเห็นเวยนั้น ใบหน้าฉายแววตกใจ ขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอก็ตกใจไม่นาน สวีอันความผิดปกติระหว่างเจ๋อเฉิงและถามออกมา ท่านประธานวนพวกคุณรึเปล่า”

อันถึงถามด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน รู้สึกคลื่นไส้ขยะแขยง มองผู้หญิงตรงการศึกษา แทบจะเป็นคนละคนกับอันถึงจัดการส่งเธอไปขึ้นเตียงกับผู้ชายอื่น

เพิ่งมองไปที่”ไม่ คุณมีธุระอะไรเสียงเขาความห่างเหิน

สวีอันถึงอยู่ก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ เธอเดินไปที่

ด้านหน้าของแล้วยื่นเอกสารในมือส่งให้เขา

“เพราะเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน จึงยังไม่คุ้นเคย

ในใจเต็มไปด้วยความงานที่ทำอยู่เท่าไหร่ นี้คือรายละเอียดแผนงานที่ท่านประธานขอ ในที่ประชุมครั้งก่อน ไม่รู้ว่าใช้ได้มั้ยดิฉันเลยอยากจะเอามา

ให้ท่านลองอ่านดูคร่าวๆก่อนค่ะ”

เธอพูดอย่างนอบน้อมมีมารยาท พูดจบเธอก็แอบยิ้มหัน

ไปมองเสิ่นอีเวย

เพิ่งเจ๋อเฉิงกวาดสายตามองปราดเดียวรู้สึกตกใจเล็ก น้อย “อันนี้คือแผนงานที่คุณใช้เวลาสองวันทำขึ้นมาเหรอ” ก็ เพราะฉันยังไม่เชี่ยวชาญพอ จึงใช้เวลาทั้งหมดพยายามหา รวบรวมข้อมูลต่างๆ ด้วยเวลาที่จำกัดดังนั้นอาจจะยังมีข้อ บกพร่องอยู่ ท่านประธานลองอ่านดูแล้วรู้สึกว่าต้องแก้ไขอะไร ตรงไหนบอกดิฉันได้เลยนะคะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ