นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่190ไข้ขึ้นจนเป็นโรคปอดอักเสบ แล้วทำไมถึงเพิ่งมาส่งเอาตอนนี้



บทที่190ไข้ขึ้นจนเป็นโรคปอดอักเสบ แล้วทำไมถึงเพิ่งมาส่งเอาตอนนี้

บทที่ 190 ไข้ขึ้นจนเป็นโรคปอดอักเสบแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาส่ง เอาตอนนี้

เงินอีเวย หูตาไวรู้ว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงท่าทางของเขากำลังจะต่อ ต้านสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ ดังนั้นเธอไม่รอช้ารีบเอายาที่ทำไว้ใน มือยัดใส่ปากของเขาทันที

ยัดยาใส่ปากเสร็จ ยังไม่ทันได้ดื่มน้ำตาม ยาเม็ดละลาย ทําให้ในปากของเจ๋อเฉิงเต็มไปด้วยรสขม แต่เขาก็กลืนไม่ เข้าคายไม่ออกได้แต่ขมวดจ้องมองมาที่เสิ่นอีเวย

เงินอีเวยถือแก้วน้ำในมือซ้าย มองดูท่าทางของเพิ่งเจอ เพิ่งรู้สึกหน้าตาของเขา

เป็นไงล่ะ ปกติชอบแกล้งฉันดีนัก! สมควรแล้วถึงเวลาที่ ฉันจะเอาคืนบ้าง! เสิ่นได้แต่สะใจ

รอจนเธอพอใจ เสิ่นอีเวยถึงส่งแก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว ให้กับเจ๋อเฉิง ไม่รู้ว่าเพราะได้สติแล้วหรือเพราะความขม ของยาในปาก เพิ่งเจ๋อเฉิงรีบหยิบแก้วน้ำกระดกน้ำจนหมดแก้ว อย่างรวดเร็ว

หลังจากดื่มน้ำหมด เขาก็ยัดแก้วน้ำใส่มือของ เงินอีเวยทำท่าจะล้มตัวลงนอนต่อ เงินอีเลยหันไปวางแก้วน้ำแบบเดียว มองไปเห็นท่าทางของเขากำลังจะล้มตัวลง เธอก็รีบยื่นมือไป ดึงแขนของเขาไว้ไม่ให้นอนต่อ

“ห้ามนอนต่อได้ยินไหม! ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ไปโรงพยาบาลกับ

ฉัน!”

เสียงของเงินอีเวยไม่เบา ทำให้ในคืนที่เงียบสงัดดังสนั่น เพราะเสียงของเธอ สภาพของเซิ่งเจ๋อเฉิง ในตอนนี้ เธอรู้สึก เหมือนกำลังสั่งสอนลูกชายที่ไม่สบายแล้วยังดื้อไม่ยอมไปหา หมอ

เสิ่นอีเวยออกแรงทั้งหมดดึงเพิ่งเจ๋อเฉิงฉุดกระชากลากถู ลงเตียงนอน ท่าทางของเขา ในตอนนี้เหมือนกำลังถูกบังคับให้ ลุกขึ้น แต่ตัวเซไปด้านหลังกึ่งเงยถึงนั่งหน้าหงายอยู่อย่างนั้น

ปากของเพิ่งเจ๋อเฉิงก็บ่นพรึมพำ ตอนแรกเสิ่นอีเวยฟังไม่รู้ เรื่องว่าเขากำลังบ่นอะไร ฟังอยู่เป็นนานถึงจับใจความได้ว่า เขาพูดว่า “ฉันไม่ไปโรงพยาบาล

เสิ่นอีเวย โมโห “เรื่องนี้ฉันจะตามใจคุณไม่ได้นะ! ไม่ว่า ตามปกติคุณจะเย่อหยิ่งจองหองยังไง แต่ฉันบอกคุณไว้ก่อน ตอนนี้คุณต้องฟังฉัน!”

ฉวยโอกาสที่เพิ่งเจ๋อเฉิงกำลังไข้ขึ้นไม่ค่อยได้สติ เพิ่ นอเวยคิดว่ายังไงตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่ ก็เลย ลากลากไถซิ่งเจ๋อเฉิงไปปากก็บ่นว่าอย่างไม่เกรงกลัว “เห็น ปกติก็ดูท่าทางเป็นผู้ใหญ่ดี ทำไมพอไม่สบายแล้วปัญญาอ่อนแบบนี้ล่ะ บ่นพึมพำอะไรไม่รู้อย่างกับเด็ก หรือว่าท่าทางเก่ง กล้าสามารถ ทำให้คนอื่นกลัวเกรงคุณแสร้งทำขึ้นมาหรือยัง ไง? หึๆ คุณมันก็แค่เสือกระดาษที่ไม่ทนแดด ไม่ทนฝนแค่นั้น เอง ”

เงินอีเวยส่วนสูง 168 cm. เธอไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะมี แรงแบก เพิ่งเจ๋อเฉิง ที่สูง 185 cm. น้ำหนัก 75 กก. ได้ หรือว่า พอคนไม่สบายขึ้นมา แล้วน้ำหนักตัวจะเบาลง

เธอหยิบกระเป๋าพลางค่อยๆประคองเพิ่งเจ๋อเฉิงแล้วเดิน ลงบันไดอย่างระมัดระวัง ในตอนนี้เป็นอีเวย รู้สึกดีใจที่เพิ่งเจอ เฉิงยังพอที่จะเดินเองได้อยู่เพียงแต่เธอยังต้องประคองเขาอยู่ เท่านั้น

ก่อนหน้านี้บ้านของเธอเพิ่งจะเปลี่ยนชุดคนรับใช้ใหม่ พวกเขาทํางานตอนกลางวันและกลับไปตอนกลางคืน ดังนั้น ใน ตอนกลางคืนดึกดื่นแบบนี้ เสิ่นอีเวยพาเพิ่งเจ๋อเฉิงไปโรง พยาบาลจึงไม่มีใครที่จะพอช่วยเธอได้เลย

หล่อนประคองเพิ่งเจ๋อเฉิงมานั่งในรถ เสิ่นอีเวยถึงรู้สึกว่า ตัวเองออกแรงจนเหงื่อท่วม นี่เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแท้ๆ แต่ฉันรู้สึกร้อนได้มากขนาดนี้

เสิ่นอีเวณนั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ กำลังจะเปิดแอร์เพื่อ ให้ร่างกายเย็นลงสักหน่อย แต่เมื่อเธอนึกถึงคนป่วยที่นอนอยู่ ที่เบาะหลังมือที่กำลังจะไปเปิดแอร์ก็ถอนกลับมา

เสิ่นอีเวยนั่งในรถระงับสติอารมณ์อยู่พักหนึ่ง คิดไปคิดมาก็กลัวว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะหนาว ดังนั้นเธอจึงเปิดลิ้นชักตรงหน้าที่ นั่งเบาะข้างคนขับ เอาหมวกไหมพรมออกมา เอนตัวไปด้าน เบาะหลัง สวมหมวกใบนั้นให้เพิ่งเจ๋อเฉิง

ใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นทุนเดิมของเขา พอสวมหมวก สีชมพูให้เขาเสร็จมองไปมองมา เสิ่นอีเวย เกือบจะหัวเราะออก มาเพราะความตลก ความคิดทะเล้นก็เริ่มเกิดขึ้น เธอควัก โทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วถ่ายรูป เพิ่งเจ๋อเฉิงไว้รูปหนึ่ง

เสียงกดชัตเตอร์ก็ไม่เบา แต่ไม่ได้มีผลอะไรต่อชายที่ใช้ ขึ้นนอนสลบอยู่ที่เบาะหลัง

ถ่ายรูปเสร็จเธอก็เก็บโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี เสิ่นอีเวย สตาร์ทรถขับไปที่โรงพยาบาลทันที

เงินอีเวยไม่คิดว่ากลางคืนดึกดื่นขนาดนี้ยังมีรถจำนวน มากวิ่งอยู่บนถนน แถมยังรถติดอยู่พักหนึ่ง เธอเพิ่งนึกออกว่า วันนี้เป็นวันที่ 9 เดือน 9 ของปฏิทินจันทรคติ เทศกาลองหยาง มองดูรถที่มากมายมหาศาลบนท้องถนน ในใจก็เกิดความ เศร้าขึ้นมาอย่างฉับพลัน

ผู้คนมากมายที่ยังคงอยู่บนถนนตอนดึกแบบนี้ คงจะกลับ ไปเยี่ยมญาติพี่น้องที่บ้านล่ะมั้ง

แล้วญาติพี่น้องของฉันล่ะ? พ่อกับแม่ก็จากไปอย่างไม่มี วันกลับมาแล้ว ส่วนพี่สาวคนเดียว เงินหุ้ยก็ยังนอนไม่ได้สติ อยู่ที่โรงพยาบาล แล้วเธอควรจะไปเยี่ยมญาติของเธอที่ไหน?

พันใด นสายตาของ เงินเลยมองผ่านกระจกมองหลังไปที่ใบหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงที่สวมหมวกสีชมพูของเธอ เขานอนไม่ ได้สติอยู่ที่เบาะด้านหลังใบหน้าของชายหนุ่มดูตลกที่เธอไม่ เคยเห็นเพิ่งเจ๋อเฉิงในสภาพแบบนี้มาก่อน

ดวงตาของเขาปิดสนิท เขาทําหน้าตาเหมือนกำลังอึดอัด มาก ในขณะที่รอสัญญาณไฟจราจร เสิ่นอีเวย จ้องมองไปที่ หน้าซีดเซียวของเพิ่งเจ๋อเฉิง ในใจก็รู้สึกเศร้าอยู่ลึกๆ

แล้วคุณล่ะ? เพิ่งเจ๋อเฉิง คุณนับฉันเป็นญาติของคุณหรือ เปล่า? เงินอีเวย คิดทบทวนคำถามนี้ในใจ แต่กลับไม่มีคำ ตอบที่ชัดเจนให้ตัวเอง มันช่างน่าตลกสิ้นดี สามีที่แต่งงานกัน มาสองปี จนป่านนี้ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่าเขานับเป็นญาติ ของเธอหรือเปล่า?

ตอนนี้ หัวใจของเงินอีเวยหนาวเหน็บเหมือนกับอากาศ ข้างนอกหน้าต่างรถ

ไฟแดงที่ยาวนานสิ้นสุดลง เสิ่นอีเวยเริ่มขับรถไปข้างหน้า ต่อเมื่อความเร็วรถเริ่มเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ในหัวก็ผุดคำถามหนึ่งขึ้น มา ทำไมเธอถึงต้องเข้าไปก้าวก่ายกับเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วย ทำไมต้องส่งเพิ่งเจ๋อเฉิงไปโรงพยาบาลล่ะ?

ผู้ชายคนนี้ปฏิบัติตัวต่อเธอไม่ดีเลยสักนิดเดียว แถมยังรอ เติมตอนเธอทำอะไรพลาดอีก ตอนนี้เขาใช้ขึ้น แล้วทำไมถึง ต้องใจดีเป็นห่วงเป็นใยเขาแบบนี้ เสิ่นอีเวยแบะปาก

แม้ว่าความคิดแบบนี้วนไปวนมาในหัว แต่ความเร็วใน การขับรถของเงินอีเวยก็ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ สิบนาทีต่อมารถหยุดนิ่งที่ประตูโรงพยาบาล

เงินอีเวยจอดรถเสร็จยกมือขึ้นจะดูนาฬิกาข้อมือเพิ่งรู้ว่า ออกมาจากบ้านแบบรีบๆ ลืมใส่นาฬิกาข้อมือมาด้วย เธอเลย หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เวลาตี 4.25 แล้ว

เวลานี้ควรจะเป็นช่วงเวลาที่ต้องได้รับการพักผ่อนมาก ที่สุดในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าไม่ใช่เพราะต้องมาส่งผู้ชายบ้า คนนี้มาโรงพยาบาล เธอคงจะยังหลับฝันหวานอยู่บนเตียง! เสี นอีเวยค่าเพิ่งเจ๋อเฉิง ในใจพักหนึ่ง แล้วลงจากรถ

ผู้ชายคนนี้หนักจริง ๆ!

เสิ่นอีเวยพาดแขนซ้ายของเพิ่งเจ๋อเฉิงไว้บนไหล่ มือขวา ประคองหลังเขาขึ้นมา เดินประคองชายหนุ่มอย่างทุลักทุเล เข้าไปในโรงพยาบาลทีละก้าวๆ ในที่สุดก็ส่งเขามาถึงหน้า หมอ เงิน เวยยังถูกหมอด่าอีก

หลังจากที่หมอตรวจอาการของเพิ่งเจ๋อเฉิงเสร็จเรียบร้อย ก็หันหลังมาตำหนิ เสิ่นอีเวย “สามีของคุณไข้ขึ้นจนปอด อักเสบแล้วรู้มั้งหรือเปล่า? เพราะว่าไข้ขึ้นเป็นเวลานานไม่ส่ง คนป่วยมาที่โรงพยาบาลให้ทันเวลา ดูสิคุณเป็นภรรยาของเขา แท้ๆ ดูแลกันยังไง? สามีตัวร้อนไข่ขึ้นขนาดนี้ยังไม่ส่งมาโรง พยาบาล เป็นภรรยาที่ใช้ได้จริง ๆ! ”

หมอคนนี้ขึ้นเพน่าจะเป็นคนปักกิ่ง สำเนียงปักกิ่งชัดเจน คล่องแคล่ว เล่นอีเวยฟังรู้เรื่องที่หมอพูด

นนึกว่าเธอจะลากเพิ่งเจ๋อเฉิงมาที่โรงพยาบาลได้ก็เปลืองแรงมหาศาลแล้ว ร่างกายหมดแรง สติโรยรา ทั้งร่าง อิดโรยอย่างมาก แม้ว่าแสงไฟในห้องตรวจจะสว่างจ้าแยงตา ขนาดไหน แต่เวลานี้ เสิ่นอีเวย ตาแทบลืมไม่ขึ้นเพราะเธอ เหนื่อยจนแทบหมดแรงนั่นเอง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ