นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่452 ในห้องมีศพอยู่สองศพ



บทที่452 ในห้องมีศพอยู่สองศพ

บทที่ 452 ในห้องมีศพอยู่สองศพ

สีหน้าหูจื่อถึงกับตกตะลึงแถมเหล่มองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับยิ้มให้กัน : “โหย ไม่คิดเลยว่าเป็นดอกกุหลาบที่ยังมี หนามแหลมคมอยู่ด้วย ฉันชอบ…เดี๋ยวพวกเราจะจัดการตัด หนามเอง!”

ทางเดินด้านนอกเงียบสนิท หลังจากหานนี้เพิ่งออกจาก ห้องนี้ไปแล้ว สามวันที่ผ่านมานี้เขาหายเงียบไปเลย แถมไม่ได้ บอกอะไรไว้เลยสักอย่าง อีกอย่างเขาไม่ได้บอกอีกว่าตัวเองไป ไหนจะกลับหรือไม่กลับมา

ในเวลานั้นเอง เสิ่นอีเวยกำลังเผชิญหน้ากับผู้ชายสองคน ที่ยืนอยู่หน้าตัวเอง มันมีความรู้สึกว่าเหมือนบนโลกใบนี้ช่าง เงียบเหงา มีแค่พวกเขาสามคนอยู่ อยู่ดีๆอารมณ์ก็ระเบิดขึ้น มา หล่อนหยิบที่เขี่ยบุหรี่ที่แตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆนั่นขึ้นมา หนึ่งอัน สายตาหล่อนมีความอดทนอดกลั้นอยู่อย่างเต็มที่ : “ฉันขอเตือนพวกแก อย่าเข้ามา ฉันสามารถจัดการกับพวกแก สองคนได้”

เสิ่นอีเวยรีบพูดโกหกเพื่อทำให้ตัวเองดูกล้าหาญ ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด แค่หวังว่าจะทำให้ผู้ชายสอง คนนั้นตกใจจนยกเลิกกับความคิดนี้ไปได้
น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยดูจริงจังมาก ส่วนหูจอนั้นไม่เชื่อเลย กับลักษณะท่าทางที่หล่อนแสดงออกมา : “อ้อ? เก๋งขนาดนั้น เชียว? งั้นเธอก็แสดงให้ฉันเห็นหน่อยสิ

เมื่อเขาพูดจบก็ยิ้มแล้วกระโจนเข้าหาเงินอีเวยทันที ส่วน เสิ่นอีเวยก็ใช้เศษแก้วที่อยู่ในมือโยนออกไปจนมันบาดเข้า บริเวณใบหน้าของหูจื่อจนเป็นรอยแผล ในเวลานั้นก็เริ่มมี เลือดสดๆไหลซึมออกมาทีละนิดๆ

ส่วนผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหูจื่อนั้น เขาเห็นหงื่อได้รับบาด เจ็บ เขารีบก้าวมายังด้านหน้าเพื่อถามอาการ : “พี่ ไม่เป็นไร ใช่ไหม?”

หูจื่อเช็ดเลือดสดๆที่ไหลอยู่บริเวณใบหน้าออก พลางจ้อง มองเสิ่นอีเวยด้วยความเกลียดชังพร้อมทั้งพูดไปด้วย : “อีนังผู้ หญิงตัวดี จึงกล้าทำได้! อาปืน จัดการสิ

ผู้ชายทั้งสองต่างก็โมโหเหมือนกัน พวกเขากระโจน เข้าหาหล่อนทั้งคู่ สองต่อหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเสิ่นอีเวยเสีย เปรียบอยู่แล้ว แถมเศษแก้วที่อยู่ในมือก่อนหน้านี้ หล่อนก็เข ยงมันออกไปแล้ว หล่อนถูกหูจื่อกระโจนเข้าใส่ จนบริเวณหลัง ของหล่อนสัมผัสลงบนเตียง เสิ่นอีเวยหวาดกลัวจนถึงขนาด หมดความหวังอีกแล้ว

สิ่งของในห้องที่สามารถทำให้เกิดเสียงกระทบกันได้ก็ถูก เสิ่นอีเวยขว้างให้แตกไปแล้ว แถมทางเดินด้านนอกก็ เงียบเชียบ ไม่มีใครสักคนเดินผ่านมาเลย
หูจื่อกดทับบริเวณแขนเสิ่นอีเวยเอาไว้ เขาใช้มือข้างหนึ่ง ตบหน้าเสิ่นอีเวย รูปร่างของหูจื่อนั้นผอมแห้งแรงน้อย แต่การ ตบหน้าหล่อนเมื่อครูทำเหมือนว่าเขาใช้พละกำลังทั้งหมดไป แล้ว

“เจี๊ยะ เสียงดังชัดเจน เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าสมองตัวเองมึนๆ ไปหมด หูเหมือนขาดการได้ยินทุกสิ่งทุกอย่าง สมองส่วนกลาง เหมือนมันหยุดทำงานขาวโพลนไปทั่วสมอง

“อีนังนี่ จึงกล้าใช้เศษแก้วมาขีดหน้าก! มึงคอยดูว่ากูจะ จัดการยังไงกับมึง!” เขาพูดจบก็ยื่นมือไปทางคอเสื้อของเ นอีเวย เสิ่นอีเลยพยายามสะบัดมือข้างหนึ่งให้หลุดออกมา จน หนึ่งข้างมันหลุดออกมาได้ จากนั้นหล่อนก็ใช้เล็บจิกบริเวณข้อ มือของหูจื่ออย่างแรงจนเลือดไหลซิบๆ หูจื่อที่ตั้งใจคิดตั้งแต่ แรกว่าจะฉีกเสื้อผ้าเงินอีเวยให้ขาดแต่ก็ทำไม่ได้สักที

“อาปืน จึงมาช่วยตรึงไว้ให้กหน่อย!” หูจื่อเริ่มออก คำสั่ง หัวใจเสิ่นอีเวยเริ่มแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ

ในเวลานั้นเอง หูจื่อเริ่มเอนตัวลงด้านข้าง ริมฝีปาก สกปรกโสโครกของมันประกบลำคอของเสิ่นอีเวยทันที ทั้งเม้ม ดูดทั้งพูดคำพูดโสโครกนั้นออกมาไม่หยุด: “กูบอกมึงแล้วว่า ให้เชื่อฟังกันหน่อย กูจะค่อยๆทำจะได้ไม่เจ็บตัวมาก!

ทว่าเสิ่นอีเวยพยายามต่อสู้ไม่หยุด จนสุดท้ายแล้วอ เริ่มทนไม่ไหว เขาบีบคอหล่อนไว้แน่น : “อีนี่ ถึงอย่าขยับ

ในเวลานั้นเอง เสิ่นอีเวยรู้สึกเหมือนจะหมดลมหายใจ ลมหายใจในปอดค่อยๆหมดไปเรื่อยจนหล่อนรู้สึกจะไม่ไหวแล้ว…

ความนึกคิดที่อยู่ในระบบประสาทสมองค่อยๆน้อยลงไป เรื่อยๆ จนเสิ่นอีเวยคิดว่าสู้ไม่ไหวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มัน สับสนงุนงงไปหมด หล่อนรู้สึกว่าบริเวณต้นแขนของตัวเองมี ความรู้สึกเย็นๆวาบๆขึ้นมา เสื้อผ้าของหล่อนถูกฉีกจนขาดไป แล้ว

ในเวลานั้นเอง ดวงตาสดใสที่น้ำตานอยู่นั้นกลับมีน้ำตา ไหลรินลงมา

เขาบีบคอไว้แน่นจนน้ำเสียงเสิ่นอีเวยแตกพร่า: “หาน ฉีเฟิง ไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่

หูจื่อและคนชื่ออาปืนได้ยินที่หล่อนพูดแต่ทั้งคู่กลับไม่ได้ ใส่ใจ ในเวลานั้น พวกเขาทั้งสองก็เหมือนสัตว์ป่าหิวกระหาย ทว่าสิ่งที่พวกมันไม่รู้เลยว่า ด้านนอกนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งกำลัง เดินมุ่งหน้ามาทางห้องนี้

ในความนึกคิดทุกข์ทรมานเส้นสุดท้ายก่อนความรู้สึก ทั้งหมดจะหายไปนั้น ลำคอเสิ่นอีเวยออกเสียงติดๆขัดๆออก มา: “เพิ่งเจ๋อเฉิง…คุณอยู่ที่ไหน…

จิตใต้สำนึกของผู้ชายสองคนนั้นคิดว่าหล่อนกำลังร้อง เรียกหาหานนี้เพิ่งอยู่ เลยหัวเราะอยู่ในลำคอพลางเอ่ยขึ้นมา : “อีนังนี่มันประสาทแดกไปแล้ว เรียกชื่อผู้ชายตัวเองยังเรียกผิด ฮ่าๆๆ…”
ความรู้สึกตัวครั้งสุดท้ายของเงินอีเวยหมดลง ในยามที่ ดวงตากําลังปิดลงนั้น หล่อนได้ยินเสียงคนกำลังถีบประตูอยู่

วินาทีนั้น ประสาทหูของเธอก็มีเสียงร้องโอดโอยของ ผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา เสียงนั่นหล่อนแยกออกว่าเป็นเสียงหู จือ เงินอีเวยพยายามลืมตาแต่ทำได้แค่แวบเดียว ในนาทีนั้น หล่อนเห็นด้านข้างเตียงมีเงาดำๆยืนอยู่ มันเป็นเงาของเซ่งเจ๋อ เฉิงที่สวมใส่ชุดสูทสีดำอยู่

“เพิ่งเจ๋อเฉิง ช่วยฉันด้วย

หลังจากพูดประโยคนั้นเสร็จ เสิ่นอีเวยก็หมดสติทันที

รอเวลาจนกว่าเธอจะฟื้นกลับมานั้นเวลาก็ดึกดื่นค่อนคืน ไปแล้ว ในห้องก็ไม่มีนาฬิกาแขวนไว้สักเรือนด้วยซ้ำ โทรศัพท์ ก็ถูกเก็บเรียบ นาฬิกาข้อมือก็ถูกหูจื่อเหยียบแตกไปแล้ว เสี นอีเวยไม่รู้เวลาด้วยซ้ำ ในใจเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ทันที

หล่อนมีอาการปวดบริเวณศีรษะความรู้สึกหน่วงๆมาเป็น ระยะ เหมือนกะโหลกร้าว เวลาหายใจเข้าออกก็เจ็บปวดเหลือ เกิน เงินอีเวยขมวดคิ้วไว้แน่น หล่อนพยายามบังคับให้ตัวเอง ลุกขึ้นมาจากเตียง การลุกขึ้นมันทำให้ใจสั่นไม่หยุด

สาเหตุน่าจะมาจากมีคนสองคนกำลังนอนอยู่ที่พื้นห้อง ไม่ใช่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง แท้จริงแล้วมันคือศพสองศพ

เสิ่นอีเวยพยายามบังคับตัวเองไม่ให้ตกใจจนกรีดร้องเสียงดัง หล่อนหันศีรษะกลับไปก็พบว่าหานนี้เพิ่งกำลังนั่งดื่ม น้ำบนเก้าอี้บริเวณมุมห้อง

“หานฉีเฟิง….” เสิ่นอีเลยพยายามบังคับเสียงที่พยายาม พูดเอาไว้ เสียงแหบพร่าจนตัวเธอยังตกใจเสียงตัวเอง

หานนี้เพิ่งได้ยินเสียงหล่อนแล้ว ถึงกลับต้องวางแก้วน้ำ ในมือลงบนโต๊ะชงชา พลางเงยหน้าขึ้น นัยย์ตาคู่นั้นมันแอบ ซ่อนความรู้สึกที่ไม่สามารถดูออกได้เลย: คุณตื่นแล้วหรอ?”

เสิ่นอีเวยไม่มีแรงตอบเขา ทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับ

แทน

เงินอีเวยเบนสายตาไปที่ศพสองที่พื้น มองท่าทางเขาที่ไม่ ทุกข์ไม่ร้อนเลยสักนิด ช่างเหมาะเจาะที่หานฉีเฟิงก็เงยหน้าขึ้น พลางจ้องมองการแสดงออกอย่างเย็นชาบนใบหน้าของเสี นอีเวย ในเวลานั้นเช่นกัน

“มีคนตายอยู่ตรงหน้าคุณทั้งสองคน นี่คุณไม่หวาดกลัว บ้างเลยหรอ?”

เสิ่นอีเวยได้แต่ยิ้มแห้ง ในสมองของเธอปรากฏภาพเรื่อง

ราวเมื่อหลายชั่วโมงก่อนนี้ที่ผู้ชายสองคนนั้นทำอะไรกับเธอ น้ำเสียงที่เธอพูดออกมาไร้ซึ่งอารมณ์อบอุ่น : “ฉันต้องกลัว อะไรล่ะ? หากตอนนั้นฉันมีมีดอยู่ในมือ ฉันก็ต้องฆ่าพวกมัน อยู่ดี”

หานฉีเฟิงจ้องมองเสิ่นอีเวยที่ตอนนี้เธอไม่ยอมเอ่ยอะไรขึ้นมา บางทีสาเหตุอาจมาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำให้ สติหลุดลอย อีกทั้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่ผู้ชายสองคน นั้นก่อเรื่องขึ้นเมื่อหลายชั่วโมงที่ผ่าน สติสัมปชัญญะของเธอดู แย่มาก สภาพผมยุ่งเหยิงบริเวณหน้าผากของเธอมันทำให้เธอ ดูอ่อนแอมาก ทว่ามันกลับให้ความรู้สึกช่างงดงามเสียจริง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ