นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่275ห้องคนไข้ของเงินหุ้ยเปลี่ยนไป



บทที่275ห้องคนไข้ของเงินหุ้ยเปลี่ยนไป

บทที่ 275 ห้องคนไข้ของเงินหุ้ยเปลี่ยนไป

เสิ่นอีเวยรู้ดีว่าคุณหมอเป็นคนฉลาด ดังนั้นเขาต้อง สามารถเข้าใจความหมายในคำพูดของเธอ เมื่อครู่ที่เขาทำท่า จะพูดต่อแต่ก็ไม่พูดอีก แสดงว่าเขาน่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอก ใคร

ตามที่คาดไว้ คุณหมอเงียบอยู่นาน ก็ปริปากพูดออกมา ประโยคหนึ่ง: “ถ้าคุณตัดสินใจอย่างนั้น ก็ขอให้คุณเดินทาง อย่างราบรื่น หายไวๆ ผมมีเพื่อนที่ทำงานด้านการแพทย์ เหมือนกันที่อังกฤษ หากคุณต้องการให้ผมช่วยเรื่องอะไรก็ บอกได้ ส่วนเรื่องที่คุณขอ ผมก็ทำให้ได้ วางใจเถอะครับ

เงินอีเวย รู้สึกวางใจขึ้นเยอะ

“คุณหมอ ขอบคุณมากคะ” เสิ่นอีเวยพูดขอบคุณอย่าง

จริงใจ

เมื่อออกจากโรงพยาบาล เสิ่นอีเวยมองดูเวลา เป็นเวลา เที่ยงตรงพอดี

นิ้วขาวเรียวยาวแตะเบาๆบนหน้าจอมือถือ

หมายเลขหนึ่ง

โทรออกไปที่
เงิน เวยเป็นคนที่ค่อนข้างระวังตัวคนหนึ่ง ดังนั้นเธอจึง ไม่ได้บันทึกชื่อของนักสืบเอกชนที่เธอจ้างอยู่ในโทรศัพท์ แต่ ใช้จ่หมายเลขแทน

ทุกครั้งที่มีการติดต่อกับพวกเขา เธอจึงต้องกดเบอร์ใหม่

ทุกครั้ง

ทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง

ฝั่งตรงข้ามรับสาย: “สวัสดีค่ะ” เสียงของเสิ่นอีเวยราบ

“ช่วยฉันจองเที่ยวบินไปอังกฤษในวันพุธหน้า

อีกฝ่ายจดกำหนดการที่เธอแจ้งเรียบร้อย เสิ่นอีเวยก็กด

วางสาย

เวลาที่จะไปอังกฤษเข้าใกล้ขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่ใจของเสี นอีเวยกลับสงบมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ความคิดความวิตก กังวลก็ผ่อนคลายลงมาก

แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงคือ ในตอนนี้คนที่เธอเป็นห่วงมาก

ที่สุด คือพี่สาวที่นอนติดเตียงของเธอเงินย

วินาทีนั้น เสิ่นอีเวยรู้สึกตลกตัวเอง ตอนแรกเธอคิดว่า หากจัดการเรื่องที่อยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้ว เธอจะสามารถไปจากที่ นี้ได้อย่างสบายใจไร้กังวล แต่เธอไม่คิดว่าจนถึงวินาทีนี้ คนที่ เธอยังคงเป็นห่วงอยู่ดีก็คือ เงินย

เงินอีเวยยิ้มกับตัวเองอย่างขมขื่น ส่วนเท้าก็ยังเหยียบคันเร่ง มุ่งหน้าไปโรงพยาบาลที่เป็นปุ๋ยพักรักษาตัวอยู่

โถงทางเดินที่คุ้นเคย กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อคละคลุ้ง เป็นอีเวย หยุดฝีเท้าอยู่ตรงหน้าประตูห้องที่คุ้นเคย เธอรวบรวมความ

กล้าเคาะประตู ทันใดนั้นก็มีเงาดำปรากฏขึ้น เป็นเวยหันหน้าไปมอง ที่แท้ก็เป็นบอร์ดี้การ์ดสวมชุดสูทสีดำนั่นเอง

เงินอีเวยรู้จักคนๆนี้ดี ตอนที่เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งตับ เธอมาเยี่ยมเงินหุ้ยที่นี่ และถูกเขากันไว้ จากนั้นเขา ก็โทรหาเพิ่งเจ๋อเฉิง และด้วยเหตุนี้เองทำให้เธอกับเพิ่งเจ๋อเฉิง ทะเลาะกันอย่างรุนแรง

ตามท้องเรื่อง เธอควรจะเกลียดคนๆนี้ด้วยซ้ำ

แต่พอดีว่าเงินอีเวยไม่ใช่คนที่ใจแคบ มีแค้นต้องชำระ เพราะเธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าบอร์ดี้การ์ดที่เพิ่งเจ๋อเฉิงส่งมาให้ ปกป้องดูแลเงินหุ้ย พวกเขาก็แค่ลูกจ้างทำมาหากินไปวันๆ แม้ว่าเมื่อครั้งที่แล้วจะถูกพวกเขากักตัวไว้ นั่นก็เป็นเพราะพวก เขาได้รับคำสั่งจากเพิ่งเจ๋อเฉิง เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ก็ต้อง ทําตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย ไม่เช่นนั้นก็คงต้องตกงาน

เพียงแต่เสิ่นอีเวยรู้สึกแปลกใจ ที่ครั้งนี้บอร์ดี้การ์ดชุด คนนี้ไม่ได้กักตัวเธอเหมือนก่อนหน้านี้

เสิ่นอีเวยอดไม่ได้ที่จะคิดสงสัย จึงถามไปว่า “ทำไมคุณ ไม่กักตัวฉันเหมือนเมื่อคราวที่แล้ว?”
ท่าทีของบอดี้การ์ดคนเดิมไม่แข็งกร้าวเหมือนเมื่อครั้ง

ก่อน เขาก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว และโค้งตัวนับเงินอีเวย

“สวัสดีครับคุณนายเชิง ท่านประธานเซ็งกำชับผมมาว่าตั้งแต่นี้

ต่อไปคุณนายจะมาเยี่ยมคุณเงินหุ้ยเมื่อไรก็ย่อมได้ จะไม่มีการ

กีดกันได ๆ ทั้งสิ้น เมื่อคราวที่แล้วผมผิดเอง คุณนายเชิง

โปรดอภัยให้ผมด้วย”

เงินอีเวยยืนตัวแข็งทื่อ

เธอพอจะเดาออกว่าทำไมบอร์ดี้การ์ดคนนี้ถึงไม่กักตัวเธอ เหมือนเมื่อคราวก่อน แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจคือ คำสรรพนาม เรียกแทนตัวเธอที่บอร์ดี้การ์ดคนนี้ใช้

เสิ่นอีเวยรู้สึกเป็นงงกับคำเรียกเธอที่เขาใช้ เธอจึงถาม ใหม่อีกครั้งว่า เมื่อคุณเรียกฉันว่าอะไรนะ? คุณนายเชิง?”

ท่าทางของบอร์ดี้การ์ดราบเรียบ ตอบกลับว่า “ใช่ครับ เป็นคำสั่งของท่านประธานเชิง ต่อไปให้เปลี่ยนคำเรียกชื่อของ คุณ ห้ามเรียกคุณว่า คุณเงินอีก

เงินอีเวยหัวเราะอย่างเย้ยหยัน แต่ในใจกลับรู้สึกขมขื่น อย่างที่สุด

เสิ่นอีเวยหัวเราะเยาะโดยไม่มีการปิดบังใด ๆ ทั้งสิ้น แสดง ให้บอดี้การ์ดเห็นอย่างชัดเจน มีความสงสัยปรากฏอยู่ บนใบหน้าของเขา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

เสี่นอีเลยเดินเข้าไปในห้องคนไข้ ในใจก็ยังนึกถึงเรื่องที่บอร์ดี้การ์ดเรียกเธอว่า คุณนายเชิง

ในที่สุดเพิ่งเจ๋อเฉิงก็ยอมรับว่าเธอเป็นภรรยาของเขาแล้ว อย่างนั้นหรือ? ผู้ชายคนนั้น ในที่สุดเขาก็อนุญาตให้คนรอบตัว ของเขาเรียกเธอว่า “คุณนายเชิง?”

แต่ทำไม? ทำไมต้องเป็นในเวลานี้ เป็นเวลาที่เธอตัดสิน ใจจะไปจากที่นี่? เป็นเวลาที่เธอตัดสินใจสละคนที่เธอรักมา ตลอตนานหลายปี

เงินอีเวยยอมรับว่า เมื่อครู่ที่เธอได้ยินคำว่า “คุณนาย เชิง ทำให้ความคิดของเธอสับสนไปหมด

จริง ๆ แล้วเธอรู้สึกโชคดีเคล้ากับความกลัว เธอรู้สึกโชค ที่จองตั๋วเครื่องบินไปอังกฤษในวันพุธหน้านี้ เพียงแค่เธอผ่าน พ้นเวลาสามวันนี้ไปได้ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง

แต่เธอก็กลัว เพราะ เธอสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึง ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซ่งเจ๋อเฉิง เธอกลัวว่าเธอจะทำใจจากไป ไม่ไหว ทนและความสุขที่มีในช่วงเวลานี้ไม่ได้ และในที่สุดก็ ตัดสินใจไม่จากไปจากที่นี่

โชคดีที่ความคิดแบบนี้ผุดออกมาเพียงเล็กน้อย เสิ่นอีเวย สาบานในใจว่าเธอจะต้อง จะต้องไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น อย่างแน่นอน

ภายในห้องสิ่งของทุกอย่างยังคงจัดวางอยู่เหมือนเดิม แต่สิ่งที่เสิ่นอีเลยรู้สึกว่าผิดปกติไปก็คือ เธอได้กลิ่นดอกไม้ที่ลอยอยู่ในอากาศภายในห้อง

ทันใดนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นดอกไม้สีขาวๆ มองไปมอง มาที่โต๊ะตรงกำแพงนั้น เทียบกับเมื่อครั้งก่อนมีช่อดอกไม้เพิ่ม มาช่อหนึ่ง

ดอกลิลลี่

เงินอีเวยเดินเข้าไปใกล้อย่างช้า ๆ สังเกตว่าดอกไม้น่า จะวางไว้ที่นี่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะสีของดอกไม้ยังสด อยู่ บวกกับยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ที่กลีบดอก

ผ้าม่าน ผ้าปูโต๊ะ ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ทำให้เปลี่ยน บรรยากาศดูสบายตาขึ้นเยอะ เสิ่นอีเวยใจสงบลงไม่น้อย

ใบหน้าของเงินหุ้ยที่นอนอยู่บนเตียงนั้น สงบเสงี่ยม

เหมือนกับทุกครั้งที่เธอเห็น เหมือนกับเจ้าหญิง

นิทรา

เสิ่นอีเวยสังเกตเห็นว่าข้างเตียงมีเก้าอี้วางอยู่ตัวหนึ่ง แสดงว่ามีคนเข้ามานั่งอยู่ตรงนั้นมาก่อน

และแน่นอน ไม่จำเป็นต้องเดาคงเป็นเชิงเจ๋อเฉิงอย่างไม่

ต้องสงสัย

เสิ่นอีเวยดูสิ่งที่เปลี่ยนไปในห้องนี้ นึกถึงตอนที่เธอพูดกับ เพิ่งเจ๋อเฉิงเมื่อครั้งที่แล้ว ว่าทำไมไม่มีคนไปคุ้มครองความ ปลอดภัยของเงินหุ้ย ตอนนั้นเธอรู้สึกโมโหอย่างมาก
แต่ตอนนี้ที่เพิ่งเจ๋อเฉิงส่งคนมาดูแลเส้นชัย เธอก็พูดไม่ถูก

ว่าจะดีใจหรือเสียใจ

อาจเป็นเพราะ เพิ่งเจ๋อเฉิงให้คนอื่นเปลี่ยนสรรพนามเรียก เธอเสียใหม่ หรือเป็นเพราะในใจของเขาคนนั้น ยังเหลือที่ว่าง ให้กับเงินหุ้ยกันแน่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ