นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 138 เขาแผลให้เธอ



บทที่138เขาทำแผลให้เธอ

บทที่ 138 เขาแผลให้เธอ

เสิ่นอีเวยไม่ได้พูดอะไรได้แต่เดินเข้าไปหาช้าๆ ใต้ตาของ เพิ่งเจ๋อเฉิงมีรอยคล้ำบางๆอยู่ใต้ตาได้ทันทีเลยว่าเขาไม่ได้ นอนหลับสนิทมาหลายวันแล้ว

เขายังคงใส่สูทสีดำทั้งตัวแล้วนั่งพิงโซฟา เสิ่นอีเวยไม่ได้

เรียกให้เขาตื่น

แต่แปบเดียวแบบนั้น เห็นเปลือก

เงินอีเวยในตอนนั้นอย่าง ชัดเจนว่าเต็มไปการมองอย่างเป็น ศัตรู จนเขามองเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าตัวเองคือหล่อน สิ่งที่อยู่ ในดวงตาเขาทั้งสองอย่างนั้นค่อยๆมลายหายไป

เสิ่นอีเวย ใจเริ่มสั่นหรือผู้ชายคนนี้เป็นแบบนี้กันนะ? ขนาด ในความฝันยังระแวดระวังคนที่นอนข้างตัวเองได้เยอะขนาดนี้ อีก ขนาดสัญชาตญาณช่างเคร่งครัดตามไปด้วย

ตอนที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เพิ่งเจ๋อเฉิงก็เริ่มเปิดปาก

พูดขึ้นมา แต่ร่างกายยังคงไม่ได้ลุกออกจากโซฟา

เธอมาได้ยังไง?” น้ำเสียงของเขาช่างดูอ่อนล้า
เงินอีเวยตอบคำถามเขา : “หลังจากที่ฉันฟังคุณพูดว่าคุณ อาการไม่ค่อยสู้ดีนัก ฉันเลยอยากจะมา ดูท่านหน่อย

เพิ่งเจ๋อเฉิงฟังสิ่งที่หล่อนพูดได้แต่มองหล่อนอย่างไร อารมณ์

เขายืนขึ้นเพื่อที่จะไปในน้ำใส่แก้วดื่ม ตอนที่เขาเดินผ่าน เธอ เธอเพิ่งจะเห็นนอกจากรอยคล้ำใต้ตาแล้วขนาดหนวดเครา ยังโผล่มาอีก ดูท่าแล้วคงโกนไม่ทัน ทั้งใบหน้าแสดงออกถึง ความรู้สึกที่เหนื่อยล้าและผิวหนังที่หยาบกร้าน

ในความทรงจำของเสิ่นอีเวยไม่มีครั้งใดเลยที่เขาจะ มอมแมมได้ขนาดนี้ เมื่อก่อนไม่ว่าจะเวลาใดก็ตาม เขาจะต้อง จัดการตัวเองให้สะอาดหัวจรดเท้า ตั้งแต่เวลาไหนกันนะที่อัด อันได้ขนาดนี้กัน?

เงินเลยมองเขาที่เดินผ่านไปแล้วเตรียมหลีกทางไปด้าน ข้างเพื่อเอาที่นั่งของตัวเองให้เขา ทว่ากลับได้ยินเสียงเย็นชา ของเขาดังใกล้โสตประสาทหูขึ้นมา : “หน้าเธอไปโดนอะไร มา?”

เงินอีเวยอึ้งไปสักพัก เมื่อจับความได้เลยเอามือขึ้นมาลูบ

หน้าตัวเอง : “หน้าฉันหรอ?”

เธอลูบหน้าแล้วถึงได้รู้ว่าใกล้ๆบริเวณโหนกแก้มของเธอ มันปวดหนึบๆ ในกระเป๋ามีกระจกใบเล็กอยู่ เธอเลยหยิบขึ้นมา ส่องหน้าถึงได้รู้ว่าบริเวณโหนกแก้มมีรอยแผลอยู่ประมาณสอง เซนติเมตรได้ ดูแล้วแผลน่าจะไม่ลึก เลือดด้านบนก็แข็งตัวแล้ว
เสิ่นอีเวยถึงกับตกใจถึงคิดได้ว่าเมื่อครู่ลื่นล้มที่บริเวณ บันไดหินอ่อนเลยเกิดรอยแผลขึ้นมา ตอนนั้นเธอรีบร้อนมาก เลยไม่ทันสนใจเท่านั้นเอง

การถูกเพิ่งเจ๋อเฉิงถาม แน่นอนเลยว่าเธอไม่สามารถตอบ ได้ว่าเป็นเหยียนซึ่งมาหาเรื่องเธอ เธอได้แต่ขายผ้าเอาหน้ารอด ตีเนียนโกหกไปก่อน : “อ๋อ.. เมื่อเดินมาไม่ระวังเลยลื่นล้ม

เพิ่งเจ๋อเฉิงฉงนคิ้วขึ้น เขาใช้มือขวามือเดียวจับคางเสี่ นอีเวยไว้เพื่อดึงเธอให้เข้ามาใกล้ๆหน่อย จะได้ดูรอยแผลนั่น ได้ถนัดแล้วหัวเราะอย่างไร้อารมณ์ : “งั้นฉันอยากรู้เหลือเกินว่า เธอหน้าคะนำไปอีท่าไหนกันนะถึงได้ล้มได้ที่ตำแหน่งนี้ได้เนี่ย

เสิ่นอีเวย ใจเต้นคิดว่าคนอย่างเพิ่งเจ๋อเฉิงคงไม่ถาม คำถามที่มันเป็นปัญหาหยุมหยิมแบบนี้เอาไว้ในใจ แต่คาดไม่ ถึงเลยว่าเขายังจะชักใช้ต่อ เธอเลยแค่อยากจะตอบให้จบๆไป แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูด เพิ่งเจ๋อเฉิงก็เอ่ยปากพูดก่อนแล้ว

“ฉันขอเตือนนะ อย่าโกหก ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้น?

น้ำเสียงเซิ่งเจ๋อเฉิงดูเคร่งขรึมขึ้น ในสถานการณ์แบบนี้ เขาค่อนข้างถามอย่างเอาเป็นเอาตายเลยแหละ

เสิ่นอีเวยทำเบะปาก ความคิดเล็กคิดน้อยของเธอถูกเขาดู ออกจนได้ เธออดไม่ได้ที่จะรำพึงรำพันอยู่ในใจ

ไม่มีทางอื่นแล้ว เธอควรบอกเรื่องทุกอย่างให้หมดจดที่

เล่นเหยียนซึ่งมาหาเธอ
หลังจากเพิ่งเจ๋อเฉิงฟังจบ เขานิ่งไปสักพักนานจนดื่มน้ำไป อีกหนึ่งแล้วค่อยพูดออกมาน้ำเสียงนั่นมันช่างแอบเยอะเย้ยเธอ นิดๆ : “ตระกูลเงินบ้านเธอคนแปลกๆเยอะจริงๆ

เงินอีเวยอึ้งไปสักพัก ในใจได้แต่คิดแล้วคิดอีก คนแปลกๆ เยอะจริงๆเลยหรอ? หรือว่าสิ่งที่เขากำลังพูดอยู่รวมถึงตัวเธอ ด้วยหรอ?

เงินเลยไม่อยากคิดกับคำถามนี้แล้วก่อเรื่องวุ่นวายมาก ขึ้น คิดในสิ่งที่ตัวเองอยากจะมาทำในวันนี้ที่จะมาเยี่ยมคุณ เลยถามเขาว่า “อาการของคุณปู่ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้เงยหน้าขึ้นพูดแบบปกติธรรมดา : “คิดว่า เธอน่าจะไปดูอาการเขามาแล้ว อาการตอนนี้แย่มาก การป่วย ครั้งนี้มันกลับมาแย่กว่าเดิมอีก ผลข้างเคียงอาการดื้อยานั้น ค่อนข้างอ่อนแรงกว่าครั้งก่อนเอามากอยู่ หมอบอกว่า มีเวลา อยู่แค่อีกสามเดือน

ดั่งฟ้าฟาดระดับสูงที่สุดเข้ากลางกบาล เสิ่นอีเวยได้แต่ เหลือกตาโตแล้วถามเขา : “ทำไมถึงได้… ตอนที่ฉันคุย โทรศัพท์กับคุณอยู่ทำไมคุณไม่บอกฉันล่ะ?”

เพิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะอย่างเย็นชา : “เธอก็แทบไม่ได้ดูสภาพ ตัวเองเลย ที่ตอนนี้ใบหน้าเธอเองก็ขาวซีดอยู่ หากฉันบอก ความจริงกับเธอในโทรศัพท์ ถ้าเธอรับไม่ไม่ไหวแล้วเก็บ อารมณ์มันไม่อยู่ แล้วก่อเรื่องขึ้นมาจะทำยังไงกัน? ถึงตอนนั้น จะโทษกันอีกบอกว่าให้ฉันมารับผิดชอบเธออีกหรอ?”
ใจเสิ่นอีเวยเริ่มสั่นแล้วเอ่ยตอบกลับ : “แต่ว่าตอนนี้คุณ บอกฉันแล้ว…

เพิ่งเจ๋อเฉิงใช้สายตามองเธอและน้ำเสียงที่เอ่ยอย่างอด ทนนิดๆ “ฉันไม่มีเวลามาคุยปัญหาไร้สาระพวกนี้กับเธอ หรอก”

พูดจบเขาก็เดินไปทางประตู เพิ่งจะเดินได้ไม่กี่ก้าวเอง เสี่ นอเวยก็เห็นเขาหยุดลงและเพิ่งเจ๋อเฉิงก็หยิบกล่องยาจากไม้ เนื้อแข็งอย่างดีออกมา เขาหยิบของหลายอย่างออกมาจากใน นั้น

เขาหันตัวกลับมาทางเสิ่นอีเวยแล้วโยนทุกอย่างมา หล่อน ตั้งตัวไม่ทันได้แต่รีบรับทุกอย่างไว้ในมือ

เมื่อก้มลงมามองก็พบว่ามันคือน้ำเกลือล้างแผลหนึ่งขวด และยาเบตาคืนหนึ่งขวดแถมมีไม้พันสำลีหนึ่งกล่อง

น้ำเสียงของชายหนุ่มไม่มีอากัปกิริยาอารมณ์ใดๆออก มา : “จัดการเช็ดแผลตัวเอง ฉันดูแล้วไม่สบายตา

พูดจบเขาก็เอาแต่มองเสิ่นอีเวย เหมือนว่าจะพูดต่ออีกแต่ ก็ไม่ได้อ้าปากพูดแถมเดินตรงดิ่งออกไปจากห้องแทน

เสิ่นอีเวยรู้สึกเสียความรู้สึก เดิมที่คิดไว้คือเพิ่งเจ๋อเฉิงที่ เอายาทําความสะอาดแผลมาให้ก็นึกว่าเขาห่วงรอยแผลเธอ ที่แท้ก็แค่เขาทนดูใบหน้าไม่สบายตาของหล่อนไม่ได้

เสื่นอีเวณนั่งอยู่บนโซฟา พยายามใช้ยาเบตาดีนเช็ดแผลค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่ว่ามันก็ไม่ได้สะดวกเท่าที่ควร ช่วงที่ กำลังหาวิธีอยู่นั้นไม้พันสำลีที่อยู่ในมืออยู่ดีๆก็ถูกดึงออกไป หล่อนตกใจเลยเงยศีรษะขึ้นมามอง คนที่อยู่ข้างหน้าคือเพิ่งเจอ เจ๋ง

เสื่นอีเวยอ้าปากค้าง

เพิ่งเจ๋อเฉิงขึ้นเสียงแบบไม่ใส่ใจ : “เธอนี่โง่ได้ขนาดนี้เลย หรอ? ขนาดเช็ดแผลเองยังทำไม่เป็นอีกหรอ?” เสิ่นอีเวยสะอึกไปสักแต่ไม่ได้ตอบเขากลับได้แต่มองคนที่

ยืนอยู่ข้างหน้า

เพิ่งเจ๋อเฉิงนั่งลงบนโซฟาข้างๆ เสิ่นอีเวย เขาใช้ไม้พันสําลี ที่อยู่ในมือเช็ดรอยแผลที่อยู่บริเวณโหนกแก้ม เธอจ้องมอง ใบหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงที่เข้ามาใกล้ แล้วใจเธอเริ่มหยุดเต้นไป ในตอนนั้น

สายตาของเพิ่งเจ๋อเฉิงที่มองรอยบาดแผลนั่นเธอไม่รู้ว่า มันคืออารมณ์ไหน แต่สิ่งที่เสิ่นอีเวยมองเห็นในนั้นมันคือ… ความมุ่งมั่น

ทั้งคู่ก็ยังคงรักษาสถานการณ์นี้อยู่โดยไม่มีการ ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด เพิ่งเจ๋อเฉิงใช้มือซ้ายจับคางเสิ่นอีเวย เบาๆเพื่อให้เธอขยับตาม ส่วนมือขวาที่กำลังทำแผลนั้นช่าง อ่อนโยนและเบามือมาก ด้านนอกหน้าต่างมีลมพัดแรงมาเป็น ระลอก ผ้าม่านสีขาวที่แขวนไว้ที่หน้าต่างโบกสะบัดพลัดปลิว ไสวไปตามสายลม ความอ่อนไหวในหัวใจของเงินอีเวยเหมือนถูกสะกิดเข้าเสียแล้ว

ในเวลานั้น เธอคิดว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงอาจจะรักเธอแล้วก็ได้ ถัดมาไม่นานความเจ็บปวดก็ปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์

เพิ่งเจ๋อเฉิงเห็นเงินอีเวยจ้องมองเขาอย่างโง่ๆ เขาตั้งใจ ทายาให้แรงกว่าเดิมจนเสิ่นอีเวยร้องเสียงหลง เพิ่งเจ๋อเฉิงมอง หล่อนน้ำเสียงปนขำขันเธอ : “ทำไม เธอรู้จักความเจ็บแล้ว

หรอ?”

เงินเลยมองเขาอย่างเงียบๆ

“เสิ่นเหยียนซึ่งเขาไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้เธอก็ยังลำบาก เอาการอยู่หน่ะ? ถึงขนาดมาขอยืมเงินได้

เงินอีเวยอึ้งไปสักพัก ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีเพิ่งเจ๋อเฉิงถึงได้ ถามเรื่องนี้ขึ้นมาได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ