นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 121 เคยเสียใจหรือไม่



บทที่121เคยเสียใจหรือไม่

บทที่ 121 เคยเสียใจหรือไม่

หลังจากที่เพิ่งเจ๋อเฉิงขึ้นบนตึกไป บรรยากาศในห้อง อาหารก็เริ่มมีความอึดอัดมากขึ้น

คุณท่านเซิ่งได้มองสภาพพื้นหลังที่กำลังหายไปในมุมของ บันได จึงได้ถอนหายใจไปยกใหญ่ เมื่อเวลาได้มองไปยังเสี่ นอีเวยสีหน้าก็เริ่มที่จะผ่อนคลายลง เขาเลยหันตัวมาพูดกับหัว

หรงว่า “เธอน่าจะเหนื่อยแล้ว พักอยู่ที่นี่ก่อนสักครู่เถอะ ฉันจะ

อยากให้เสิ่นอีเวยออกไปเดินเล่นกับฉันหน่อย”

หัวหรงก็ได้ยิ้มและพยักหัว ในจังหวะนั้นช่างเป็นกริยา ท่าทางที่อ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งนัก

เมื่อเสิ่นอีเวยจู่ๆ ก็ได้ยินตัวเองถูกเรียกชื่อ เลยนิ่งไปสักครู่ หนึ่ง และสายตามองคุณท่านด้วยความสงสัย

มือขวาคุณท่านเซิ่งได้จับมือไม้เท้าแล้วลุกขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นถามเสิ่นอีเวยว่า “จะไปเดินในสวนดอกไม้กับปู่หรือ

ไม่ ?”

ใบหน้าของคนแก่ที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ซึ่งผ่านมรสุม ชีวิตมานานหลายสิบปี ใบหน้าของคุณท่านเซิ่งที่ค่อยๆ มีรอย ยิ้มออกมาราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง ใจในของเสิ่นอีเวยเริ่มคิด ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไมคุณปู่ถึงอยู่ดีดีก็เชิญเธอ แต่ว่าเวลา บทที่121เคยเสียใจหรือไม่

บทที่ 121 เคยเสียใจหรือไม่

หลังจากที่เพิ่งเจ๋อเฉิงขึ้นบนตึกไป บรรยากาศในห้อง อาหารก็เริ่มมีความอึดอัดมากขึ้น

คุณท่านเซิ่งได้มองสภาพพื้นหลังที่กำลังหายไปในมุมของ บันได จึงได้ถอนหายใจไปยกใหญ่ เมื่อเวลาได้มองไปยังเสี่ นอีเวยสีหน้าก็เริ่มที่จะผ่อนคลายลง เขาเลยหันตัวมาพูดกับหัว

หรงว่า “เธอน่าจะเหนื่อยแล้ว พักอยู่ที่นี่ก่อนสักครู่เถอะ ฉันจะ

อยากให้เสิ่นอีเวยออกไปเดินเล่นกับฉันหน่อย”

หัวหรงก็ได้ยิ้มและพยักหัว ในจังหวะนั้นช่างเป็นกริยา ท่าทางที่อ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งนัก

เมื่อเสิ่นอีเวยจู่ๆ ก็ได้ยินตัวเองถูกเรียกชื่อ เลยนิ่งไปสักครู่ หนึ่ง และสายตามองคุณท่านด้วยความสงสัย

มือขวาคุณท่านเซิ่งได้จับมือไม้เท้าแล้วลุกขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นถามเสิ่นอีเวยว่า “จะไปเดินในสวนดอกไม้กับปู่หรือ

ไม่ ?”

ใบหน้าของคนแก่ที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ซึ่งผ่านมรสุม ชีวิตมานานหลายสิบปี ใบหน้าของคุณท่านเซิ่งที่ค่อยๆ มีรอย ยิ้มออกมาราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง ใจในของเสิ่นอีเวยเริ่มคิด ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไมคุณปู่ถึงอยู่ดีดีก็เชิญเธอ แต่ว่าเวลา การตอบสนองของเธอนั้นกลับพยักหน้าตอบรับ

เพราะเวลามันเป็นเวลากลางคืนแล้ว ในสวนดอกไม้มี ความหนาวและน้ำค้างเต็มไปหมด เมื่อเดินไปถึงสถานที่ ทำงานกระเบื้อง เสิ่นอีเวนต์จึงได้น่าเสื้อกันหนาวมาคลุมบน ร่างกายของท่านผู้เฒ่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเรื่องความ สัมพันธ์ของเธอและเซิ่งเจ๋อเฉินจะเลวร้ายแค่ไหน แต่นั่นก็เป็น เพียงเรื่องระหว่างของพวกเขา สำหรับคุณปู่แล้วท่านคือผู้ อาวุโสคนหนึ่ง เธอเคารพให้ตัวเขานั่นคือสิ่งที่เหมาะสมยิ่งแล้ว

เสิ่นอีเวยค่อยๆ พยุงแขนของคุณปู่ จากนั้นสองคนก็ได้ เดินไปรอบๆ ในสวนดอกไม้ ยามมีลมพัดเข้ามา เธอก็จะจับ แน่นเสื้อกันหนาว

“อารมณ์ความรู้สึกตอนนี้ของเธอฟื้นคืนกลับมาหรือยัง ?” คุณปู่ได้ค่อยๆ เริ่มเปิดบทสนทนา

เสิ่นอีเวยอึ้งไปสักครู่หนึ่ง จากนั้นก็จึงได้สติกลับมาใน เรื่องที่ตัวเองแท้ง

การแท้งครั้งนี้คือความเจ็บปวดอันเป็นนิรันดิ์ของเธอ เสี่ นอีเวยรู้ว่าในระยะเวลาอันสั้นจะนำพาผลกระทบที่ไม่ดีซึ่งเป็น เรื่องที่ยากต่อการเลือนหายไป ดังนั้นเมื่อมีคนพูดถึงเรื่องนี้ ใน ใจเธอก็จะมาพร้อมกับความเจ็บปวดเสมอ

“ตอนนี้ก็ดีขึ้นมามากแล้ว ขอบพระคุณที่คุณปู่เป็นห่วงค่ะ” แต่ทว่าบนใบหน้าของเธอกลับไม่มีการเปลี่ยนสีหน้าแต่อย่าง

ใด การตอบสนองของเธอนั้นกลับพยักหน้าตอบรับ

เพราะเวลามันเป็นเวลากลางคืนแล้ว ในสวนดอกไม้มี ความหนาวและน้ำค้างเต็มไปหมด เมื่อเดินไปถึงสถานที่ ทำงานกระเบื้อง เสิ่นอีเวนต์จึงได้น่าเสื้อกันหนาวมาคลุมบน ร่างกายของท่านผู้เฒ่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเรื่องความ สัมพันธ์ของเธอและเซิ่งเจ๋อเฉินจะเลวร้ายแค่ไหน แต่นั่นก็เป็น เพียงเรื่องระหว่างของพวกเขา สำหรับคุณปู่แล้วท่านคือผู้ อาวุโสคนหนึ่ง เธอเคารพให้ตัวเขานั่นคือสิ่งที่เหมาะสมยิ่งแล้ว

เสิ่นอีเวยค่อยๆ พยุงแขนของคุณปู่ จากนั้นสองคนก็ได้ เดินไปรอบๆ ในสวนดอกไม้ ยามมีลมพัดเข้ามา เธอก็จะจับ แน่นเสื้อกันหนาว

“อารมณ์ความรู้สึกตอนนี้ของเธอฟื้นคืนกลับมาหรือยัง ?” คุณปู่ได้ค่อยๆ เริ่มเปิดบทสนทนา

เสิ่นอีเวยอึ้งไปสักครู่หนึ่ง จากนั้นก็จึงได้สติกลับมาใน เรื่องที่ตัวเองแท้ง

การแท้งครั้งนี้คือความเจ็บปวดอันเป็นนิรันดิ์ของเธอ เสี่ นอีเวยรู้ว่าในระยะเวลาอันสั้นจะนำพาผลกระทบที่ไม่ดีซึ่งเป็น เรื่องที่ยากต่อการเลือนหายไป ดังนั้นเมื่อมีคนพูดถึงเรื่องนี้ ใน ใจเธอก็จะมาพร้อมกับความเจ็บปวดเสมอ

“ตอนนี้ก็ดีขึ้นมามากแล้ว ขอบพระคุณที่คุณปู่เป็นห่วงค่ะ” แต่ทว่าบนใบหน้าของเธอกลับไม่มีการเปลี่ยนสีหน้าแต่อย่าง

ใด เพิ่งสวินหันหัวมาหาเงินอีเวยหัวเราะแล้วพูดว่า “หลาน สะใภ้ของฉันคนนี้ เป็นคนที่รอบรู้จริงๆ ฉันคิดอยู่เสมอว่า อารมณ์ของเจ๋อเฉิงเด็กน้อยคนนี้ช่างร้ายเสียจริงๆ พวกเธอ แต่งงานมาสองปีแล้ว น่าจะต้องมีความเข้าใจในตัวเขาอยู่ไม่ มากก็น้อย เธอแต่งให้เขา รู้สึกเคยเสียใจบ้างไหม? ”

คิ้วของเสิ่นอีเวยสั่นไปชั่วขณะหนึ่ง แต่งให้กับเซิ่งเจ๋อ เฉิง.รู้สึกเคยเสียใจบ้างไหม ?

เธอแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยถามถึงปัญหานี้ และทั้งยังไม่ เคยคิดว่าจะได้ยินคำถามนี้เป็นคำถามแรก ซึ่งเป็นคำถามของ คุณท่านเชิ่ง ในขณะนั้นเลยไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี

เพิ่งสวินได้มองเสิ่นอีเวยที่มีความรู้สึกเสียใจ เลยไม่ได้พูด ถึงเรื่องนี้อีกต่อไป

“อีเวย ความจริงแล้วฉันดูออกว่าความสัมพันธ์สามี ภรรยาของเธอและเจ๋อเฉิงนั้นไม่ดี”

เสิ่นอีเวยได้มองไปยังคุณท่าน ซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วย ความตั้งใจและได้หยุดหายใจไปครู่หนึ่ง เพราะเกรงว่าคุณท่าน นั้นจะมองอะไรออกมา

“เมื่อก่อนทุกครั้งที่ได้เจอพวกเธอนั้น จากที่สายตาและ การพูดของพวกเธอนั้น ทำให้ฉันรู้สึกว่าสองคนนี้ไม่ใช่สามี ภรรยาเลย แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนศัตรูในที่มืดต่างหาก”

บริษัทเพิ่งซื้อเป็นบริษัทที่คุณท่านนั้นสร้างขึ้นมาเองกับมือ เขาเป็นคนที่เก่งและฉลาด พอพูดถึงตรงนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้ว เพิ่งสวินหันหัวมาหาเงินอีเวยหัวเราะแล้วพูดว่า “หลาน สะใภ้ของฉันคนนี้ เป็นคนที่รอบรู้จริงๆ ฉันคิดอยู่เสมอว่า อารมณ์ของเจ๋อเฉิงเด็กน้อยคนนี้ช่างร้ายเสียจริงๆ พวกเธอ แต่งงานมาสองปีแล้ว น่าจะต้องมีความเข้าใจในตัวเขาอยู่ไม่ มากก็น้อย เธอแต่งให้เขา รู้สึกเคยเสียใจบ้างไหม? ”

คิ้วของเสิ่นอีเวยสั่นไปชั่วขณะหนึ่ง แต่งให้กับเซิ่งเจ๋อ เฉิง.รู้สึกเคยเสียใจบ้างไหม ?

เธอแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยถามถึงปัญหานี้ และทั้งยังไม่ เคยคิดว่าจะได้ยินคำถามนี้เป็นคำถามแรก ซึ่งเป็นคำถามของ คุณท่านเชิ่ง ในขณะนั้นเลยไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี

เพิ่งสวินได้มองเสิ่นอีเวยที่มีความรู้สึกเสียใจ เลยไม่ได้พูด ถึงเรื่องนี้อีกต่อไป

“อีเวย ความจริงแล้วฉันดูออกว่าความสัมพันธ์สามี ภรรยาของเธอและเจ๋อเฉิงนั้นไม่ดี”

เสิ่นอีเวยได้มองไปยังคุณท่าน ซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วย ความตั้งใจและได้หยุดหายใจไปครู่หนึ่ง เพราะเกรงว่าคุณท่าน นั้นจะมองอะไรออกมา

“เมื่อก่อนทุกครั้งที่ได้เจอพวกเธอนั้น จากที่สายตาและ การพูดของพวกเธอนั้น ทำให้ฉันรู้สึกว่าสองคนนี้ไม่ใช่สามี ภรรยาเลย แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนศัตรูในที่มืดต่างหาก”

บริษัทเพิ่งซื้อเป็นบริษัทที่คุณท่านนั้นสร้างขึ้นมาเองกับมือ เขาเป็นคนที่เก่งและฉลาด พอพูดถึงตรงนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้ว เขาจึงได้มองเสิ่นอีเวยครู่หนึ่ง แล้วได้หัวเราะพูดว่า “แน่นอนล่ะ คำพูดที่พูดไปเมื่อสักครู่ก็อย่าไปใส่จะอะไรนักเลย ฟังไปฟังไป ก็พอแล้ว อาจคงเป็นเพราะว่าตัวฉันนั้นเลอะเลือนเลยพูดออก มา ฮ่า ๆ ”

คุณท่านได้ค่อยๆ เดินไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ แต่ทว่าเส นอีเวยไหนเลยจะกล้าไม่ใส่ใจ คุณท่านสามารถไม่ต้องใช้เงิน ในการติดสินบนคนในบ้านตระกูลเพิ่งมาบอกข่าว เพียงแต่ อาศัยการตรวจสอบจากสภาพภายนอกก็สามารถรู้แล้วว่าเสิ่ นอีเวยกับเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นมีปัญหา จึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกชัดเจนว่า ชายชราอายุกว่าเจ็ดสิบคนนี้ช่างมีความละเอียดในการตรวจ สอบเหลือเกิน

แม้กระทั่งเรื่องของการแท้งลูกของเสิ่นอีเวย เรื่องของการ ขโมยของบนเขาหวินมู่ คุณท่านไม่ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจไยดี เพียง แต่เขาไม่ถาม ก็เลยไม่มีใครกล้าถามขึ้นมา

หรือว่าเป็นเพราะเมื่อก่อนเขารู้สึกว่าการมีปากเสียงของ วัยรุ่นของสองคนนี้เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเลยไม่ได้ยื่นมือ เข้ามาจัดการ แต่ว่าในครั้งนี้กลับไม่เหมือนกัน ลูกคนแรกของ เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่มีเสียแล้ว คุณท่านก็เลยต้องออกมาจัดการเสีย เอง

เสิ่นอีเวยกำลังแอบเตาในใจ แต่ทันทีทันใดนั้นกลับโดน คุณท่านเพิ่งตัดความคิดว่า “ความจริงแล้วมีเธออยู่ข้างๆ เจ๋อ เฉิง ฉันนั้นก็วางใจมากๆ เพราะตลอดมาเธอเป็นคนที่เข้าใจใน ทุกอย่างดี” เขาจึงได้มองเสิ่นอีเวยครู่หนึ่ง แล้วได้หัวเราะพูดว่า “แน่นอนล่ะ คำพูดที่พูดไปเมื่อสักครู่ก็อย่าไปใส่จะอะไรนักเลย ฟังไปฟังไป ก็พอแล้ว อาจคงเป็นเพราะว่าตัวฉันนั้นเลอะเลือนเลยพูดออก มา ฮ่า ๆ ”

คุณท่านได้ค่อยๆ เดินไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ แต่ทว่าเส นอีเวยไหนเลยจะกล้าไม่ใส่ใจ คุณท่านสามารถไม่ต้องใช้เงิน ในการติดสินบนคนในบ้านตระกูลเพิ่งมาบอกข่าว เพียงแต่ อาศัยการตรวจสอบจากสภาพภายนอกก็สามารถรู้แล้วว่าเสิ่ นอีเวยกับเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นมีปัญหา จึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกชัดเจนว่า ชายชราอายุกว่าเจ็ดสิบคนนี้ช่างมีความละเอียดในการตรวจ สอบเหลือเกิน

แม้กระทั่งเรื่องของการแท้งลูกของเสิ่นอีเวย เรื่องของการ ขโมยของบนเขาหวินมู่ คุณท่านไม่ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจไยดี เพียง แต่เขาไม่ถาม ก็เลยไม่มีใครกล้าถามขึ้นมา

หรือว่าเป็นเพราะเมื่อก่อนเขารู้สึกว่าการมีปากเสียงของ วัยรุ่นของสองคนนี้เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเลยไม่ได้ยื่นมือ เข้ามาจัดการ แต่ว่าในครั้งนี้กลับไม่เหมือนกัน ลูกคนแรกของ เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่มีเสียแล้ว คุณท่านก็เลยต้องออกมาจัดการเสีย เอง

เสิ่นอีเวยกำลังแอบเตาในใจ แต่ทันทีทันใดนั้นกลับโดน คุณท่านเพิ่งตัดความคิดว่า “ความจริงแล้วมีเธออยู่ข้างๆ เจ๋อ เฉิง ฉันนั้นก็วางใจมากๆ เพราะตลอดมาเธอเป็นคนที่เข้าใจใน ทุกอย่างดี” เสิ่นอีเวยยิ่มออกมา ในใจนั้นกลับมีความรู้สึกที่ละอายใจ ออกมา คนวัยชราควรจะอยู่ในช่วงวัยที่จะต้องรักษาสุขภาพ แต่ทว่ากลับจะต้องมาเป็นห่วงเรื่องของชนรุ่นหลัง

ทำให้นึกถึงขณะที่คุณพ่อถังกั๋วเฟิงที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ สนทนากับเธอที่กล่าวถึงเพิ่งสวิน เนื้อหาการพูดที่เต็มไปด้วย ความเคารพ ก็ใช่อยู่ ผู้ชายคนหนึ่งที่ริเริ่มสร้างทุกอย่างมาจาก สองมือ แต่ว่าภายหลังกลับสร้างบริษัทเพิ่งซื้อที่เป็นแนวหน้าใน เมืองนี้

เมื่อมีมูลเหตุของพวกนี้แล้ว ดังนั้นเสิ่นอีเวยก็ให้ความ เคารพเขาเสมือนกับที่คุณปู่ให้ความเคารพ และรู้ด้วยว่าเขา เป็นคนที่เก่งคนหนึ่ง

เสิ่นอีเวยเลยนึกถึงบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเมื่อสักครู่ เพิ่งเจ๋อเฉิงกับหัวหรงก็มีแสดงท่าทีที่ไม่ใช่ธรรมชาติ ในใจก็ เลยเต็มไปด้วยความสงสัยอีกขั้นหนึ่ง เธอเพียงแต่รู้ว่าท่านนี้ คือคุณนายม่อซึ่งเป็นภรรยาคนที่สองของม่อเจิ้นยวิ้น แต่ไม่ เคยรู้มาก่อนว่าพวกเขานั้นเกิดเรื่องอะไรมากก่อน และก็ไม่เคย เห็นว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเรียกเขาแบบเต็มยศ แม้แต่เรียกป้าก็ไม่เคย เรียกสักคำ

ใจที่เต็มไปด้วยความสงสัย คำถามก็เลยพูดออกไป

“เรื่องราวระหว่างซึ่งเจ๋อเฉิงกับ…คุณป้าหัวหรงคืออะไร

คุณท่านเซีที่กำลังเดินอยู่นั้นก็หยุดชะงักลง หันหัวกลับไป

? เสิ่นอีเวยยิ่มออกมา ในใจนั้นกลับมีความรู้สึกที่ละอายใจ ออกมา คนวัยชราควรจะอยู่ในช่วงวัยที่จะต้องรักษาสุขภาพ แต่ทว่ากลับจะต้องมาเป็นห่วงเรื่องของชนรุ่นหลัง

ทำให้นึกถึงขณะที่คุณพ่อถังกั๋วเฟิงที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ สนทนากับเธอที่กล่าวถึงเพิ่งสวิน เนื้อหาการพูดที่เต็มไปด้วย ความเคารพ ก็ใช่อยู่ ผู้ชายคนหนึ่งที่ริเริ่มสร้างทุกอย่างมาจาก สองมือ แต่ว่าภายหลังกลับสร้างบริษัทเพิ่งซื้อที่เป็นแนวหน้าใน เมืองนี้

เมื่อมีมูลเหตุของพวกนี้แล้ว ดังนั้นเสิ่นอีเวยก็ให้ความ เคารพเขาเสมือนกับที่คุณปู่ให้ความเคารพ และรู้ด้วยว่าเขา เป็นคนที่เก่งคนหนึ่ง

เสิ่นอีเวยเลยนึกถึงบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเมื่อสักครู่ เพิ่งเจ๋อเฉิงกับหัวหรงก็มีแสดงท่าทีที่ไม่ใช่ธรรมชาติ ในใจก็ เลยเต็มไปด้วยความสงสัยอีกขั้นหนึ่ง เธอเพียงแต่รู้ว่าท่านนี้ คือคุณนายม่อซึ่งเป็นภรรยาคนที่สองของม่อเจิ้นยวิ้น แต่ไม่ เคยรู้มาก่อนว่าพวกเขานั้นเกิดเรื่องอะไรมากก่อน และก็ไม่เคย เห็นว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเรียกเขาแบบเต็มยศ แม้แต่เรียกป้าก็ไม่เคย เรียกสักคำ

ใจที่เต็มไปด้วยความสงสัย คำถามก็เลยพูดออกไป

“เรื่องราวระหว่างซึ่งเจ๋อเฉิงกับ…คุณป้าหัวหรงคืออะไร

คุณท่านเซีที่กำลังเดินอยู่นั้นก็หยุดชะงักลง หันหัวกลับไป

? หาเสิ่นอีเวย

เสิ่นอีเวยคิดว่าตัวเองไม่น่าถามคำถามนี้เลย ในใจก็รู้สึก ในทันทีว่าตัวเองนั้นผิดพลาดไป เลยหัวเราะแล้วพูดว่า “ดิฉัน ช่างไม่มีมารยาทเลย ไม่ควรที่จะถามคำถามพวกนี้ คุณปู่อย่า ถือสาเลยนะคะ”

คุณท่านเซิ่งเลยหยุดสายตาที่ชะงักไป กลับยังคงไม่พูด อะไรราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ขณะที่เสิ่นอีเวยประคองเขาอยู่ ก็เลยไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่งคุณ ท่านก็เลยถอนหายใจไปยกใหญ่ ความนึกคิดของเขาย้อนกลับ ไปในหลาย ๆ ปีก่อน เขาเลยใช้สำเนียงเสียงคนชราแล้วเริ่ม ค่อย ๆ บรรยายเกี่ยวกับเรื่องราวของชนรุ่นหลัง ณ เวลาตอน นั้น

เสิ่นอีเวยที่นั่งข้าง ๆ ก็ได้นั่งฟังอย่างเงียบๆ..

พอกลับไปถึงบ้าน ณ เวลานั้น เสิ่นอีเวยก็ได้มองนาฬิกา แขวนอยู่บนผนังบ้านขณะนั้นคือเวลาห้าทุ่มแล้ว คุณท่านเซิ่ง ร่างกายไม่ค่อยสู้ดีนัก ท้ายที่สุดก็ยังถูกหวายหลี่กับหัวหรงรับ กลับไปด้วยกัน

เสิ่นอีเวยได้เทน้ำอยู่ในห้องครัว แล้วไปนั่งดื่มน้ำเงียบ ๆ บนโซฟา บ้านหลังใหญ่หลังนี้ไม่ได้เปิดไฟแต่อย่างได้ เธอจึง ยืมแสงไฟที่ลอดผ่านหน้าต่าง ในใจของเธอก็กลับรู้สึกสับสน ว่าแท้จริงแล้วสงบอยู่หรือวุ่นวายอยู่กันแน่

เธอนั่งอย่างเงียบ ๆ รอบ ๆ สี่ทิศก็เต็มไปด้วยความเงียบ หาเสิ่นอีเวย

เสิ่นอีเวยคิดว่าตัวเองไม่น่าถามคำถามนี้เลย ในใจก็รู้สึก ในทันทีว่าตัวเองนั้นผิดพลาดไป เลยหัวเราะแล้วพูดว่า “ดิฉัน ช่างไม่มีมารยาทเลย ไม่ควรที่จะถามคำถามพวกนี้ คุณปู่อย่า ถือสาเลยนะคะ”

คุณท่านเซิ่งเลยหยุดสายตาที่ชะงักไป กลับยังคงไม่พูด อะไรราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ขณะที่เสิ่นอีเวยประคองเขาอยู่ ก็เลยไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่งคุณ ท่านก็เลยถอนหายใจไปยกใหญ่ ความนึกคิดของเขาย้อนกลับ ไปในหลาย ๆ ปีก่อน เขาเลยใช้สำเนียงเสียงคนชราแล้วเริ่ม ค่อย ๆ บรรยายเกี่ยวกับเรื่องราวของชนรุ่นหลัง ณ เวลาตอน นั้น

เสิ่นอีเวยที่นั่งข้าง ๆ ก็ได้นั่งฟังอย่างเงียบๆ..

พอกลับไปถึงบ้าน ณ เวลานั้น เสิ่นอีเวยก็ได้มองนาฬิกา แขวนอยู่บนผนังบ้านขณะนั้นคือเวลาห้าทุ่มแล้ว คุณท่านเซิ่ง ร่างกายไม่ค่อยสู้ดีนัก ท้ายที่สุดก็ยังถูกหวายหลี่กับหัวหรงรับ กลับไปด้วยกัน

เสิ่นอีเวยได้เทน้ำอยู่ในห้องครัว แล้วไปนั่งดื่มน้ำเงียบ ๆ บนโซฟา บ้านหลังใหญ่หลังนี้ไม่ได้เปิดไฟแต่อย่างได้ เธอจึง ยืมแสงไฟที่ลอดผ่านหน้าต่าง ในใจของเธอก็กลับรู้สึกสับสน ว่าแท้จริงแล้วสงบอยู่หรือวุ่นวายอยู่กันแน่

เธอนั่งอย่างเงียบ ๆ รอบ ๆ สี่ทิศก็เต็มไปด้วยความเงียบ สงัด เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าบ้านหลังใหญ่แห่งนี้เงียบเป็นที่สุด แต่ใจ กลับไม่รู้ว่าความตื่นตระหนกนี้มาจากไหน เลยนึกถึงอาหารค่ำ ของวันนี้ที่เพิ่งเจ๋อเฉิงได้เดินขึ้นบนบ้านไปอย่างโดดเดี่ยว ความรู้สึกของเสิ่นอีเวยเลยมีความสั่นคลอนขึ้นมาอีก

เธอก็ไม่อยากรู้ได้เลยว่าทำไมจู่ ๆ ก็คิดถึงเพิ่งเจ๋อเฉิงขึ้น มา แต่ก็รู้สึกถึงเรื่องราวที่ตนเองไม่ได้ทำมาก่อน เธอก็ยังคง ค่อย ๆ นำแก้วน้ำวางไว้บนเครื่องชา แล้วค่อย ๆ เดินขึ้นไปยัง บนบ้าน

หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว..

เสิ่นอีเวยก้าวขึ้นจนถึงขั้นสุดท้ายของบันได แล้วเดินไปยัง ทางเดินจึงเริ่มได้กลิ่นเหล้าหึงอย่างเข้มข้น สงัด เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าบ้านหลังใหญ่แห่งนี้เงียบเป็นที่สุด แต่ใจ กลับไม่รู้ว่าความตื่นตระหนกนี้มาจากไหน เลยนึกถึงอาหารค่ำ ของวันนี้ที่เพิ่งเจ๋อเฉิงได้เดินขึ้นบนบ้านไปอย่างโดดเดี่ยว ความรู้สึกของเสิ่นอีเวยเลยมีความสั่นคลอนขึ้นมาอีก

เธอก็ไม่อยากรู้ได้เลยว่าทำไมจู่ ๆ ก็คิดถึงเพิ่งเจ๋อเฉิงขึ้น มา แต่ก็รู้สึกถึงเรื่องราวที่ตนเองไม่ได้ทำมาก่อน เธอก็ยังคง ค่อย ๆ นำแก้วน้ำวางไว้บนเครื่องชา แล้วค่อย ๆ เดินขึ้นไปยัง บนบ้าน

หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว..

เสิ่นอีเวยก้าวขึ้นจนถึงขั้นสุดท้ายของบันได แล้วเดินไปยัง ทางเดินจึงเริ่มได้กลิ่นเหล้าหึงอย่างเข้มข้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ