นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 66 ผู้ชายที่เอาแต่ใจ



บทที่ 66 ผู้ชายที่เอาแต่ใจ

เสิ่นอีเวยทนไม่ไหวเลยคายออกมาแล้วรีบยกแก้วน้ำขึ้น มาดื่มเข้าไปอีกใหญ่ๆ

ดูลักษณะอาการของเสิ่นอีเวย เซิ่งเจ๋อเฉิงถึงกลับหน้า เปลี่ยนสี : “เสิ่นอีเวยนี่หมายความว่าไง?”

เสิ่นอีเวยได้แต่เงยหัวมองเขาแล้วหัวเราะอย่างเขินๆ :

“เอ่อ คุณลองซิมหน่อยไหม?”

สีหน้าเขาไม่พอใจ น้ำเสียงก็เริ่มโมโหนิดๆ : “ดึกดื่น ขนาดนี้ ฉันใจดีทำกับข้าวให้กินเธอยังจะคายมันออกมาอีก?”

เสิ่นอีเวยมองหน้าเขาก็กลัวว่าเขาจะโกรธขึ้นมาจริงๆเลย รีบอธิบาย: “เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้หมายความว่างั้น ครั้งแรก เป็นเรื่องปกตินี้ ฉันกับข้าวครั้งแรกก็กินไม่ได้!”

สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ดูไม่ได้หนักกว่าเดิม หล่อนรู้ตัวเลย ว่าตัวเองโคตรโง่จริงๆรู้ว่ามีปืนก็ยังจะวิ่งเข้าไปทางปืน

พอแล้วๆ ขึ้นบนบ้านไปนอนเงียบๆดีกว่าพยายามหาเรื่อง ที่ไม่มีความสุขน้อยลงไปได้ก็ยังดีแต่ยังไม่ทันที่จะยืน เซิ่งเจ๋อเฉิ งก็ยืนขึ้นมาก่อนแล้ว เขาใช้สายตาเยือกเย็นมองมายังเสี่ นอีเวยแล้วเอาช้อนเล็กๆ ที่มือโยนลงบนโต๊ะอย่างแรง : “ฉันจะ แข่งกับเธอ?”

เส้นอีเวยพูดไม่ออกสักพัก คืนนี้เพิ่งเจ๋อเฉิงทำไมงอแง

เหมือนเด็กน้อยจัง? บทที่ 66 ผู้ชายที่เอาแต่ใจ

เสิ่นอีเวยทนไม่ไหวเลยคายออกมาแล้วรีบยกแก้วน้ำขึ้น มาดื่มเข้าไปอีกใหญ่ๆ

ดูลักษณะอาการของเสิ่นอีเวย เซิ่งเจ๋อเฉิงถึงกลับหน้า เปลี่ยนสี : “เสิ่นอีเวยนี่หมายความว่าไง?”

เสิ่นอีเวยได้แต่เงยหัวมองเขาแล้วหัวเราะอย่างเขินๆ :

“เอ่อ คุณลองซิมหน่อยไหม?”

สีหน้าเขาไม่พอใจ น้ำเสียงก็เริ่มโมโหนิดๆ : “ดึกดื่น ขนาดนี้ ฉันใจดีทำกับข้าวให้กินเธอยังจะคายมันออกมาอีก?”

เสิ่นอีเวยมองหน้าเขาก็กลัวว่าเขาจะโกรธขึ้นมาจริงๆเลย รีบอธิบาย: “เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้หมายความว่างั้น ครั้งแรก เป็นเรื่องปกตินี้ ฉันกับข้าวครั้งแรกก็กินไม่ได้!”

สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ดูไม่ได้หนักกว่าเดิม หล่อนรู้ตัวเลย ว่าตัวเองโคตรโง่จริงๆรู้ว่ามีปืนก็ยังจะวิ่งเข้าไปทางปืน

พอแล้วๆ ขึ้นบนบ้านไปนอนเงียบๆดีกว่าพยายามหาเรื่อง ที่ไม่มีความสุขน้อยลงไปได้ก็ยังดีแต่ยังไม่ทันที่จะยืน เซิ่งเจ๋อเฉิ งก็ยืนขึ้นมาก่อนแล้ว เขาใช้สายตาเยือกเย็นมองมายังเสี่ นอีเวยแล้วเอาช้อนเล็กๆ ที่มือโยนลงบนโต๊ะอย่างแรง : “ฉันจะ แข่งกับเธอ?”

เส้นอีเวยพูดไม่ออกสักพัก คืนนี้เพิ่งเจ๋อเฉิงทำไมงอแง

เหมือนเด็กน้อยจัง? เธอเก็บตะเกียบอย่างเรียบร้อยแล้วเดินเข้าห้องครัวหลัง จากนั้นก็ขึ้นห้องด้านบนไป

ตอนเดินถึงหน้าประตูห้องตัวเองหล่อนเดินเข้าไป แต่ด้าน หลังกลับมีเสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงที่ดังมาจากทางเดิน : ” เสี่ นอีเวย เธออยากตายหรอ?”

ตอนนั้นเพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ยอมให้เสิ่นอีเวยนอนในห้องนอน ของหล่อนเองถึงแม้ว่าหล่อนจะเข้าไปอยู่ในห้องนอนแล้วก็ตาม ที เซิ่งเจ๋อเฉิงก็จะอุ้มเธอไปนอนที่ห้องเขาแทน

เสิ่นอีเวยคิดถึงเรื่องที่หล่อนว่าเขาเรื่องฝีมือในการทำ อาหารเลยไม่อยากจะต่อกรกับเขาสักเท่าไหร่ ไม่งั้นคนที่ ขาดทุนคือตัวเอง เลยยอมออกจากห้องนอนของตัวเองแล้วเดิน ไปยังห้องนอนที่อยู่ข้างๆห้องคือห้องนอนของเซิ่งเจ๋อเฉิง

ในความเป็นจริงหลังการแต่งงานที่ผ่านมาสองปี เวลาที่ ทั้งคู่อยู่ด้วยกันสองคนนั้นน้อยถึงน้อยมาก เสิ่นเอีเวยแทบไม่ ต้องหวังลมๆแล้งๆเลย

โชคชะตานั้นก็ประหลาดเสียใจ สิ่งที่พึงอยากได้มาโดย ตลอดกลับไม่ได้มันมา อยู่ดีๆ สิ่งที่ไม่ได้คาดหวังไว้บางทีก็หล่น มาอยู่ปัจจุบันทันด่วน ทำให้คุณแทบตั้งมือรับไว้ไม่ทัน

ความรู้สึกอบอุ่นแบบมาโดยฉับพลันมันเป็นแบบนี้เอง ไม่มีวี่แววใดๆปรากฏมาก่อน ขนาดเสินอีเวยยังตั้งตัวรับไม่ทัน

เส้นอีเวยมองเขาที่กำลังถอดเนคไทอยู่ ใจเริ่มหวั่นไหว เลยพูดออกไป : “ขอบคุณมากที่เมื่อคืนคุณมาช่วยฉันไว้” เธอเก็บตะเกียบอย่างเรียบร้อยแล้วเดินเข้าห้องครัวหลัง จากนั้นก็ขึ้นห้องด้านบนไป

ตอนเดินถึงหน้าประตูห้องตัวเองหล่อนเดินเข้าไป แต่ด้าน หลังกลับมีเสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงที่ดังมาจากทางเดิน : ” เสี่ นอีเวย เธออยากตายหรอ?”

ตอนนั้นเพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ยอมให้เสิ่นอีเวยนอนในห้องนอน ของหล่อนเองถึงแม้ว่าหล่อนจะเข้าไปอยู่ในห้องนอนแล้วก็ตาม ที เซิ่งเจ๋อเฉิงก็จะอุ้มเธอไปนอนที่ห้องเขาแทน

เสิ่นอีเวยคิดถึงเรื่องที่หล่อนว่าเขาเรื่องฝีมือในการทำ อาหารเลยไม่อยากจะต่อกรกับเขาสักเท่าไหร่ ไม่งั้นคนที่ ขาดทุนคือตัวเอง เลยยอมออกจากห้องนอนของตัวเองแล้วเดิน ไปยังห้องนอนที่อยู่ข้างๆห้องคือห้องนอนของเซิ่งเจ๋อเฉิง

ในความเป็นจริงหลังการแต่งงานที่ผ่านมาสองปี เวลาที่ ทั้งคู่อยู่ด้วยกันสองคนนั้นน้อยถึงน้อยมาก เสิ่นเอีเวยแทบไม่ ต้องหวังลมๆแล้งๆเลย

โชคชะตานั้นก็ประหลาดเสียใจ สิ่งที่พึงอยากได้มาโดย ตลอดกลับไม่ได้มันมา อยู่ดีๆ สิ่งที่ไม่ได้คาดหวังไว้บางทีก็หล่น มาอยู่ปัจจุบันทันด่วน ทำให้คุณแทบตั้งมือรับไว้ไม่ทัน

ความรู้สึกอบอุ่นแบบมาโดยฉับพลันมันเป็นแบบนี้เอง ไม่มีวี่แววใดๆปรากฏมาก่อน ขนาดเสินอีเวยยังตั้งตัวรับไม่ทัน

เส้นอีเวยมองเขาที่กำลังถอดเนคไทอยู่ ใจเริ่มหวั่นไหว เลยพูดออกไป : “ขอบคุณมากที่เมื่อคืนคุณมาช่วยฉันไว้” เขามือค้างไว้ ศีรษะเขาที่ต่ำลงอยู่ตอนนั้นก็ไม่ได้ตอบ สนองกับคำพูดใดๆของเสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยก็ไม่รู้ว่าตัวเองดู อะไรผิดไปหรือเปล่า อยู่ดีเหมือนเซิ่งเจ๋อเฉิงคิดอะไรออกมือที่ เขาจับเนคไทอยู่เขายิ่งรีบผูกให้แน่นขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย เหมือนโกรธอยู่

ใจเสิ่นอีเวยเริ่มตื่นเต้น เพราะหล่อนคาดได้ว่าการกระทำ ของเขาเมื่อครู่มันเปลี่ยนไปเพราะอะไร

ตอนนั้นที่หมี่ย่าหาผู้ชายมาสามคนก็เลยคิดได้

ปีนั้นที่เสิ่นหุ้ยเกิดเรื่องขึ้นไม่ใช่เพราะว่าเรื่องทำนองเดียว กับแบบนี้หรอกหรอ?

เสิ่นอีเวยไม่กล้าที่จะพูดต่อ เอาเข้าจริงหล่อนก็ไม่กล้าพูด ร้อยปอร์เซนต์ว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงคิดเรื่องเดียวกันกับหล่อนอยู่หรือ เปล่า แต่สิ่งที่หล่อนมั่นใจก็คือตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี

เขากลายเป็นคนเติมของเขา เงียบขรึมทำให้คนจับทางไม่

ได้

ณ เวลานั้นเสิ่นอีเวยรู้ตัวว่าตัวเองกลัวมาก หล่อนกลัวว่า เพิ่งเจ๋อเฉิงจะถูกเรื่องเสิ่นหุ้ยมาคุย ชื่อนี้เป็นชื่อที่ระเบิดคั่น กลางเธอและเพิ่งเจ๋อเฉิงไว้ เซึ่งเจ๋อเฉิงที่ปกติก็ไม่แสดงอารมณ์ โกรธหรือมีความสุขใดๆออกมา ประโยคที่หล่อนขอบคุณเชิ่ง เจ๋อเฉิงนั้นไม่มีคำตอบรับ เสิ่นอีเวยอยู่ดีๆก็รู้สึกว่าทุกอย่างมัน ดูน่าเบื่อไปเสียหมด

ทั้งคู่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เขามือค้างไว้ ศีรษะเขาที่ต่ำลงอยู่ตอนนั้นก็ไม่ได้ตอบ สนองกับคำพูดใดๆของเสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยก็ไม่รู้ว่าตัวเองดู อะไรผิดไปหรือเปล่า อยู่ดีเหมือนเซิ่งเจ๋อเฉิงคิดอะไรออกมือที่ เขาจับเนคไทอยู่เขายิ่งรีบผูกให้แน่นขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย เหมือนโกรธอยู่

ใจเสิ่นอีเวยเริ่มตื่นเต้น เพราะหล่อนคาดได้ว่าการกระทำ ของเขาเมื่อครู่มันเปลี่ยนไปเพราะอะไร

ตอนนั้นที่หมี่ย่าหาผู้ชายมาสามคนก็เลยคิดได้

ปีนั้นที่เสิ่นหุ้ยเกิดเรื่องขึ้นไม่ใช่เพราะว่าเรื่องทำนองเดียว กับแบบนี้หรอกหรอ?

เสิ่นอีเวยไม่กล้าที่จะพูดต่อ เอาเข้าจริงหล่อนก็ไม่กล้าพูด ร้อยปอร์เซนต์ว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงคิดเรื่องเดียวกันกับหล่อนอยู่หรือ เปล่า แต่สิ่งที่หล่อนมั่นใจก็คือตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี

เขากลายเป็นคนเติมของเขา เงียบขรึมทำให้คนจับทางไม่

ได้

ณ เวลานั้นเสิ่นอีเวยรู้ตัวว่าตัวเองกลัวมาก หล่อนกลัวว่า เพิ่งเจ๋อเฉิงจะถูกเรื่องเสิ่นหุ้ยมาคุย ชื่อนี้เป็นชื่อที่ระเบิดคั่น กลางเธอและเพิ่งเจ๋อเฉิงไว้ เซึ่งเจ๋อเฉิงที่ปกติก็ไม่แสดงอารมณ์ โกรธหรือมีความสุขใดๆออกมา ประโยคที่หล่อนขอบคุณเชิ่ง เจ๋อเฉิงนั้นไม่มีคำตอบรับ เสิ่นอีเวยอยู่ดีๆก็รู้สึกว่าทุกอย่างมัน ดูน่าเบื่อไปเสียหมด

ทั้งคู่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เสิ่นอีเวยก็ไม่ได้พูดสนทนาต่อเตรียมตัวที่จะเข้านอนแต่ ได้ยินเชิ่งเจ๋อเฉิงพูด : “พรุ่งนี้ยังไม่ต้องไปทำงาน รอให้แผล

หายดีก่อนค่อยไป”

ในใจของเสิ่นอีเวยเต้น “ตึกตัก”ประโยคแรกที่เซิ่งเจ๋อเฉิง พูดออกมามันทำให้หล่อนฟังความหมายผิด คิดว่าตัวเองไม่ ต้องไปทำงานที่บริษัทเซิ่งชื่อต่อไปแล้ว ที่ใหนได้หากไม่ทำตาม สิ่งที่ตัวเองขยันหมั่นเพียรจนได้มามักจะล้มเหลวอยู่เสมอ

เสิ่นอีเวยก็อยากจะปฏิเสธเขาในตอนแรกแต่คิดได้ว่าที่ หน้าตัวเองมีแผลอยู่ถ้าไปบริษัทคงจะไปสร้างประเด็นให้ทุกคน ที่บริษัทแน่ๆ เลยทำนิ่งแบบตกลง

ทั้งคืนเพิ่งเจ๋อเฉิงไปนอนที่ห้องหนังสือเขาไม่ยอมให้เสี่ นอีเวยกลับไปห้องของตัวเองแต่ตัวเขาเองกลับไม่นอนที่ห้อง ตัวเองเหมือนกัน

ทั้งคืนไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น

วันที่สองเสิ่นอีเวยตื่นตามเวลาปกติที่ถึงเวลาต้องตื่นไป ทำงาน หล่อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปจากห้องนอน

ทางเดินเงียเซียบ หล่อนไม่ได้ยินเสียงที่ดังออกมาจาก

ห้องหนังสือเลยคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงคงไปทำงานแล้ว เสิ่นอีเวยเดิน ลงมาจากห้องแล้วเจอกับป้าเฉินคนรับใช้

“คุณเสิ่นทำไมตื่นเช้าล่ะค่ะ? คุณชายบอกว่าเมื่อคืนคุณได้ รับบาดเจ็บมาไม่รู้ว่าหายดีหรือยัง?”

เส้นอีเวยพยักหน้ายิ้มๆ :

“ไม่ได้เกิดปัญหาอะไรใหญ่นัก เสิ่นอีเวยก็ไม่ได้พูดสนทนาต่อเตรียมตัวที่จะเข้านอนแต่ ได้ยินเชิ่งเจ๋อเฉิงพูด : “พรุ่งนี้ยังไม่ต้องไปทำงาน รอให้แผล

หายดีก่อนค่อยไป”

ในใจของเสิ่นอีเวยเต้น “ตึกตัก”ประโยคแรกที่เซิ่งเจ๋อเฉิง พูดออกมามันทำให้หล่อนฟังความหมายผิด คิดว่าตัวเองไม่ ต้องไปทำงานที่บริษัทเซิ่งชื่อต่อไปแล้ว ที่ใหนได้หากไม่ทำตาม สิ่งที่ตัวเองขยันหมั่นเพียรจนได้มามักจะล้มเหลวอยู่เสมอ

เสิ่นอีเวยก็อยากจะปฏิเสธเขาในตอนแรกแต่คิดได้ว่าที่ หน้าตัวเองมีแผลอยู่ถ้าไปบริษัทคงจะไปสร้างประเด็นให้ทุกคน ที่บริษัทแน่ๆ เลยทำนิ่งแบบตกลง

ทั้งคืนเพิ่งเจ๋อเฉิงไปนอนที่ห้องหนังสือเขาไม่ยอมให้เสี่ นอีเวยกลับไปห้องของตัวเองแต่ตัวเขาเองกลับไม่นอนที่ห้อง ตัวเองเหมือนกัน

ทั้งคืนไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น

วันที่สองเสิ่นอีเวยตื่นตามเวลาปกติที่ถึงเวลาต้องตื่นไป ทำงาน หล่อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปจากห้องนอน

ทางเดินเงียเซียบ หล่อนไม่ได้ยินเสียงที่ดังออกมาจาก

ห้องหนังสือเลยคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงคงไปทำงานแล้ว เสิ่นอีเวยเดิน ลงมาจากห้องแล้วเจอกับป้าเฉินคนรับใช้

“คุณเสิ่นทำไมตื่นเช้าล่ะค่ะ? คุณชายบอกว่าเมื่อคืนคุณได้ รับบาดเจ็บมาไม่รู้ว่าหายดีหรือยัง?”

เส้นอีเวยพยักหน้ายิ้มๆ :

“ไม่ได้เกิดปัญหาอะไรใหญ่นัก หรอกค่ะ ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”

ป้าเฉินพยักหน้าเหมือนจะคิดอะไรออกขึ้นมา หล่อนยิ้ม แล้วพูด : “แม้ว่าคุณชายกับคุณเสิ่นปกติทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ แต่ว่าเวลาที่คับขัน คุณชายมักจะเป็นห่วงคุณอยู่เสมอ”

เสิ่นอีเวยตกใจหน่อยๆ เพราะเธอชอบกับประโยคนี้ : “ป้า เฉินทำไมคิดแบบนั้นขึ้นมาได้คะ?”

“ก็เรื่องเมื่อคืน ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว คุณชายอยากรู้ว่าคุณ กลับบ้านหรือยังเลย โทรศัพท์กลับมาที่บ้านโดยเฉพาะ ตอนนั้น ป้าเป็นคนรับสายเอง ตอนที่คุณชายทราบว่าคุณยังไม่กลับมา ถึงบ้าน น้ำเสียงในสายโทรศัพท์กับรีบร้อนขึ้นมาอย่างชัดเจน”

เสิ่นอีเวยรู้สึกประหลาดใจ ว่าแล้วว่าทำไมจึงมีสายของ เพิ่งเจ๋อเฉิงเข้ามาตอนที่วิกฤติในตอนนั้น เพราะว่าเก่อนหน้านั้น เขาโทรศัพท์กลับมาที่บ้าน งั้นที่หล่อนคิดว่าเขาทำตัวเหมือน เป็นห่วงเป็นใยหล่อนได้ใช่ไหม?

แต่ยังไงโทรศัพท์นั่นก็เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิต

หล่อนไว้

เสิ่นอีเวยพยักหน้าเบาๆ: “ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”

ป้าเฉินพูดต่อ: “ใช่ค่ะ เมื่อวานตอนบ่ายคุณหลิน โทรศัพท์ มาบอกว่าตอนกลางคืนไม่ต้องจัดเตรียมกับข้าวไว้ให้คุณชาย เพราะคุณชายมีงานเลี้ยงต้องไปคุยกับหุ้นส่วน คุณเสิ่นก็คง ทรายดีว่า คุณชายอายุไม่เยอะแต่เรื่องงานเป็นเรื่องที่สำคัญ มาก เรื่องงานสำคัญขนาดนั้นที่คุยกับหุ้นส่วนเมื่อคืน เขาคง หรอกค่ะ ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”

ป้าเฉินพยักหน้าเหมือนจะคิดอะไรออกขึ้นมา หล่อนยิ้ม แล้วพูด : “แม้ว่าคุณชายกับคุณเสิ่นปกติทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ แต่ว่าเวลาที่คับขัน คุณชายมักจะเป็นห่วงคุณอยู่เสมอ”

เสิ่นอีเวยตกใจหน่อยๆ เพราะเธอชอบกับประโยคนี้ : “ป้า เฉินทำไมคิดแบบนั้นขึ้นมาได้คะ?”

“ก็เรื่องเมื่อคืน ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว คุณชายอยากรู้ว่าคุณ กลับบ้านหรือยังเลย โทรศัพท์กลับมาที่บ้านโดยเฉพาะ ตอนนั้น ป้าเป็นคนรับสายเอง ตอนที่คุณชายทราบว่าคุณยังไม่กลับมา ถึงบ้าน น้ำเสียงในสายโทรศัพท์กับรีบร้อนขึ้นมาอย่างชัดเจน”

เสิ่นอีเวยรู้สึกประหลาดใจ ว่าแล้วว่าทำไมจึงมีสายของ เพิ่งเจ๋อเฉิงเข้ามาตอนที่วิกฤติในตอนนั้น เพราะว่าเก่อนหน้านั้น เขาโทรศัพท์กลับมาที่บ้าน งั้นที่หล่อนคิดว่าเขาทำตัวเหมือน เป็นห่วงเป็นใยหล่อนได้ใช่ไหม?

แต่ยังไงโทรศัพท์นั่นก็เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิต

หล่อนไว้

เสิ่นอีเวยพยักหน้าเบาๆ: “ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”

ป้าเฉินพูดต่อ: “ใช่ค่ะ เมื่อวานตอนบ่ายคุณหลิน โทรศัพท์ มาบอกว่าตอนกลางคืนไม่ต้องจัดเตรียมกับข้าวไว้ให้คุณชาย เพราะคุณชายมีงานเลี้ยงต้องไปคุยกับหุ้นส่วน คุณเสิ่นก็คง ทรายดีว่า คุณชายอายุไม่เยอะแต่เรื่องงานเป็นเรื่องที่สำคัญ มาก เรื่องงานสำคัญขนาดนั้นที่คุยกับหุ้นส่วนเมื่อคืน เขาคง คิดถึงคุณต้องห่วงคุณแน่นอน”

เสิ่นอีเวยเหมือนถูกตีหัวหนึ่งที่ ดูจากสถานการณ์เมื่อคืน ตอนที่หล่อนรับสายโทรศัพท์เขาแล้ว เขาควรทิ้งเรื่องงานแล้ว ซึ่งมาแน่ๆไม่งั้นคงมาช่วยหล่อนไม่ได้เร็วขนาดนี้หรอก

ตามที่ป้าเฉินพูดมา ตอนนั้นเชิ่งเจ๋อเฉิงกำลังคุยกับหุ้น ส่วนคนอื่นอยู่ เขายกเลิกงานที่สำคัญขนาดนั้นแล้วรีบมาช่วย หล่อนหรอ เขาปล่อยวางได้จริงหรอ? เสิ่นอีเวยถึงกับงง ตามที่ หล่อนรู้ว่าหล่อนอยู่ตรงไหนในใจเขา เขาไม่ควรทำแบบนี้ได้ เลย

หากเปลี่ยนมาเป็นเสิ่นหุ้ยถึงจะพูดได้ว่าจะเป็นไปตามนั้น หล่อนเป็นแสงพระจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่ในหัวใจของ

เพราะ –

เขา คิดถึงคุณต้องห่วงคุณแน่นอน”

เสิ่นอีเวยเหมือนถูกตีหัวหนึ่งที่ ดูจากสถานการณ์เมื่อคืน ตอนที่หล่อนรับสายโทรศัพท์เขาแล้ว เขาควรทิ้งเรื่องงานแล้ว ซึ่งมาแน่ๆไม่งั้นคงมาช่วยหล่อนไม่ได้เร็วขนาดนี้หรอก

ตามที่ป้าเฉินพูดมา ตอนนั้นเชิ่งเจ๋อเฉิงกำลังคุยกับหุ้น ส่วนคนอื่นอยู่ เขายกเลิกงานที่สำคัญขนาดนั้นแล้วรีบมาช่วย หล่อนหรอ เขาปล่อยวางได้จริงหรอ? เสิ่นอีเวยถึงกับงง ตามที่ หล่อนรู้ว่าหล่อนอยู่ตรงไหนในใจเขา เขาไม่ควรทำแบบนี้ได้ เลย

หากเปลี่ยนมาเป็นเสิ่นหุ้ยถึงจะพูดได้ว่าจะเป็นไปตามนั้น หล่อนเป็นแสงพระจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่ในหัวใจของ

เพราะ –

เขา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ