นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่315ถูกพาตัวไปบ้านตระกูลโม่



บทที่315ถูกพาตัวไปบ้านตระกูลโม่

บทที่315 ถูกพาตัวไปบ้านตระกูลโม่

เงินอีเวยไม่ได้ขยับอะไร อีกสองคนนั้นก็ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครยอมใคร

แต่ลูกน้องสองทั้งนั้น แต่ฝั่งของเสิ่นอีเวยมีแค่คนเดียวดัง นั่งจึงกลายเป็นความโดดเดี่ยว แต่วันนี้เธอนั้นตัดสินใจอย่าง เด็ดเดี่ยวแล้ว ต่อให้ถูกพาไปพบเชิงเจ๋อเฉิง แต่ก็ต้องอดทนให้ ได้มากที่สุด สามารถที่จะยืนหยัดได้ตั้งแต่เริ่มจนจบ

พอคิดถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยใจก็โล่งอกมาได้บางส่วน เธอได้ มองไปยังคนกลุ่มนั้น พูดว่า “ประธานเพิ่งได้กำชับพวกคุณว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ต้องพาฉันไปให้ได้ใช่ไหม ? ไม่มีขอ

ตกลงอะไรใช่ไหม ?

ชายชุดดำกลุ่มนั้นก็พยักหน้า

เงินอีเวยก็ได้หรี่สายตาลง แล้วเงยหน้าขึ้นมา ในใจก็ได้ มีตัดสินไว้แล้ว “ได้สิ ฉันจะไปกับพวกคุณ เธออยากจะรู้ว่า แท้ที่สุดแล้วเพิ่งเจ๋อเฉิงจะมีอะไรเชียว

พอฟังเสิ่นอีเวยพูดออกมา ชายชุดดำนั้นก็รู้สึกตกใจเล็ก น้อย ที่ได้ยินมาก็คือนิสัยคุณนายโม่ไม่ใช่อยากที่จะจัดการ แล้วไม่ใช่หรือ แต่วันนี้ทำไมพูดง่ายเหลือเกิน ?
หรือว่าจะมีแผนการอะไร ? ชายชุดดำก็ได้ขมวดคิ้ว

เหมือนคิดอะไรอยู่

ความจริงแล้วเสิ่นอีเวณเข้าใจดี คนพวกนี้ได้รับเงินจาก

เพิ่งเจ๋อเฉิงแล้วมาทํางาน ดังนั้นคนระดับเธอนั้นก็ไม่อยากจะ ให้พวกเขาลำบากใจ แต่ตอนนี้เธอรีบจะไปเสียแล้วแต่ถูกกลับ ขวางเอาไว้ พอตอบรับพวกเขาไปอีกฝ่ายก็ดันตกใจเสียเช่นนั้น เงินอีเวยก็เริ่มเกิดความสงสัยและจะไม่อดทน

“นี่ พวกคุณมันอะไร ? หากไม่ไปฉันก็คงไม่ยืนรอแล้วล่ะ เสิ่นอีเวยพูดแล้วกำลังจะหันกลับไป แต่ทันใดนั้นก็ได้มีมือมา ขวางไว้

บอดี้การ์ดชุด พูดอย่างนอบน้อมว่า “คุณหญิงเส้น เชิญ

ทางนี้”

เสิ่นอีเวยก็ได้มองสายตาลง แล้วก็ได้เดินไปตามทางกับ พวกเขา เงินอีเวยก็ได้เดินขึ้นรถไป ยี่สิบนาทีต่อมาก็ถึงบ้าน ตระกูลโม่

เป็นอีเวยสงสัยว่า เวลานี้เพิ่งเจ๋อเฉิงต้องอยู่บริษัทไม่ใช่ หรือ ? ทำไมอยู่ที่บ้านล่ะ ?

“คุณหญิงเสื่น เชิญ” บอดี้การ์ดชุดดำได้เปิดประตู ให้เธอ เข้าไป

ตอนที่ถูกบอดี้การ์ดขวางไว้เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้าที่ แล้วจนถึงตอนนี้ เธอสามารถรักษาสภาพจิตใจอันสงบได้ แต่เมื่อสักครู่ที่เขานั้นเปิดประตูให้นั่นเอง เธอก็ได้เห็นสภาพบ้าน ของตระกูล ไม่

ในสายตาของเธอได้เห็นโซฟาและชุดน้ำชาวางไว้แบบ เดิม ไม่มีเปลี่ยนเลย

เงินอีเวยจึงพบว่า ใจของตัวเองนั้นรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีก

ครา

“ประธานเชิงรอคุณอยู่ที่ห้องสมุดชั้นสอง บอดี้การ์ดชุดด่าก็ได้ส่งเธอถึงเพียงตรงนี้ แล้วจะไม่ตาม ขึ้นไปอีก

เสิ่นอีเวยเข้ามาในแล้วจึงรู้สึกว่ามีความสงบเรียบร้อย ความจริงแล้วเมื่อก่อนนั้นที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก็สงบเรียบร้อยเช่นนี้ เหมือนกัน เพราะว่าคนน้อย ส่วนมากก็มีเธอและเพิ่งเจ๋อเฉิง สองคน

แต่ตอนนี้ดูแล้ว ความเงียบสงบนั้นกลับไม่เหมือนเมื่อก่อน

หัวสมองของเธอเต็มไปด้วยความสับสน พอกำลังจะก้าว ขาขึ้นไปยังบันไดขึ้นที่หนึ่งนั้น ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บอะไรบาง อย่าง เพราะว่าทุกขั้นบันได เหมือนกับก่อนเมื่อเช่นไรเช่นนั้น ที่ได้เกิดเรื่องราวมามากมาย เหมือนกับหนังที่ฉายซ้ำอีกรอบ หนึ่งในหัวสมองของเธอ

เสิ่นอีเวยก็พยายามลมหายใจของตัวเอง ระดับการก้าว และอารมณ์ ในสถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะเกิดอะไรที่ผิดพลาดอะไรต่อหน้าเพิ่งเจ๋อเฉิง

ห้องสมุด แน่นอนว่าเธอนั้นไม่ลืมแน่นอน เสิ่นอีเวยได้ยืน อยู่ที่หน้าประตูห้องสมุด สูดหายใจลึก ๆ แล้วก็เคาะประตูไป ก็ได้มีเสียงผู้ชายที่คุ้นเคยพูดออกมา “เข้ามา

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนที่กำลังจะเปิดประตูเข้ามานั้น ใน ใจกลับเกิดความโกรธขึ้นมา ทำไมตัวเองนั้นจะต้องมีมารยาท กับผู้ชายคนนี้ ? ยังมีการเคาะประตู ? เดินเข้าไปเลยไม่ดี หรอกหรือ ?

แต่เสิ่นอีเวยสุดท้ายแล้วก็ยอมแพ้ตัวเอง ตอนนี้เธอกับเพิ่ง เจ๋อเฉิงนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว เขานั้นเป็นคนที่ แปลกหน้าสําหรับฉัน

ในเมื่อเป็นคนแปลกหน้า ทำไมตัวเองจะต้องไปคิดเล็กคิด น้อยอะไรมากมายขนาดนั้น

แท้ที่สุดแล้ว จะต้องรู้ว่าในโลกแห่งความเป็นใหญ่ที่จะ ทำการเยาะเย้ยฝ่ายตรงข้ามให้เกิดผลที่สุดก็คือ ไม่อยู่ใน สายตา

เงินอีเวยก็รู้วิธีนี้อยู่นานแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ เธอก็เลยคิดที่ จะให้วิธีนี้มาใช้กับเซิ่งเจ๋อเฉิง

เปิดประตูเข้าไป อย่างแรกสิ่งที่เห็นคนแรกก็คือ เพิ่งเจอ

ห้องสมุดไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงแต่โคมไฟตั้งอยู่ เพิ่งเจ๋อเฉิง

เฉิงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ โต๊ะวางหนังสือที่เปิดอยู่หนึ่งเล่ม ได้ยินเสิ่นอีเวยเข้ามา แต่เขาก็ไม่ได้มีความรู้สึก โต้ตอบกลับ อะไร ยังก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่

แน่นอนว่าศัตรูไม่มีท่าที ฉันก็ไม่มีท่าที เป็นเวยก็ได้ใช้ หลักนี้ในการยืนหยัด

ก็เลยได้ไปหาเก้าอี้ไปนั่งอย่างเงียบ ๆ รอเพิ่งเจอเพิ่งเปิด ปากพูดออกมา

แต่เสิ่นอีเวยก็ได้วิเคราะห์ผู้ชายคนนี้มากเกินไป หากจะ แข่งกันนั้น เขาก็เป็นคนที่มีความอดทนมากเลยทีเดียว เวลา ผ่านไปสิบกว่าที เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่พูดอะไร

ในที่สุด เสิ่นอีเวยก็อดทนไม่ไหว ในขณะที่เพิ่งเจ๋อเฉิงอ่าน หนังสืออยู่นั้น เธอก็ได้พูดออกมาว่า “เพิ่งเจ๋อเฉิง”

ถูกเรียกชื่อออกมาแล้ว เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้ก้มหน้าอ่าน หนังสือต่อแล้ว เขาได้เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็มองไปยังเสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าตัวเองนั้นสั่นเล็กน้อย

“มานั่งที่นี่ เพิ่งเจ๋อเฉิงกับน้ำเสียงที่ธรรมดา แต่กลับเต็ม

ไปด้วยความอบอุ่น

เสิ่นอีเวย “

ผู้ชายคนนี้พูดอะไร ? เขากำลังคิดอะไรอยู่ ? เป็นเวย เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เพิ่งเจ๋อเฉิงกับการกระทำตอนนี้กับ เธอนั้น มันจะต้องเป็นการกระทำที่ไม่แคร่ไม่ใช่หรือ ? เขาไม่ใช่จะบังคับและกดดันตัวเธอไม่ใช่หรือ ?

เงินอีเวยแน่นอนว่าไม่อยากจะเดินเข้าใกล้เขา แล้วพูดว่า “ไม่จำเป็น วันนี้คุณให้ฉันมามีเรื่องอะไร ? พูดมาตรง ๆ เถอะ”

เพิ่งเจ๋อเฉิงก็มีสีหน้าที่ไม่ได้เปลี่ยนไป

ห้องสมุดทั้งห้อง กับบรรยากาศที่เงียบสงบ เงินอีเวยไม่ อาจไม่ยอมรับได้เลยว่า ในสภาพเช่นนี้กับการเผชิญกับเชิงเจ๋อ เฉิง เธอนั้นไม่อาจที่จะบังคับความตื่นเต้นได้เลย

เพิ่งเจ๋อเฉิงมองเธออย่างตั้งใจ แล้วพูดอย่างช้า ๆ ว่า “จากที่คุณจากไปเมื่อปีก่อนนั้น ในเวลาที่ผ่านมาแสนนานนั้น ที่จัดวางของที่นี่ ฉันก็ไม่เคยได้แตะต้องมันอีกเลย รวมทั้งห้อง นอนของคุณ ก็ยังคงวางไว้ในแบบที่คุณชอบเสมอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ