นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่194โทรศัพท์สายด่วนจากหลินอวี้



บทที่194โทรศัพท์สายด่วนจากหลินอวี้

บทที่194

โทรศัพท์สายด่วนจากหลินอวี้

เสิ่นอีเวยคิดหาถ้อยคำในใจอยู่ครู่หนึ่ง

แล้วตอบอย่างเคร่งขรึม

“ตอนที่พาคุณมาที่โรงพยาบาล

ฉันกลัวว่าในรถคุณจะหนาว ฉันจึงหาหมวกมาสวมให้คุณ”

ฉันหวังดีกับคุณ

คุณก็ไม่ควรมาตำหนิฉันจริงไหม? เสิ่นอีเวยคิดในใจ

เซิ่งเจ๋อเฉิงยักคิ้วของเขาเล็กน้อย ใบหน้าของเขาไม่มีการแสดงออกใดๆ แต่น้ำเสียงกลับค่อนข้างเย็นชา “เอ๋? กลัวผมหนาว?

แล้วทำไมถึงไม่เปิดแอร์ล่ะ?”

เสิ่นอีเวยขมวดคิ้วและมองไปที่เพิ่งเจ๋อ

เฉิงอย่างเย็นชา “ขอร้องล่ะ เมื่อวานคุณไข้สูงเกือบ 40 องศา ตัวคุณร้อนอย่างกับถ่าน ถ้ายังเปิดแอร์ในรถอีก คุณเกิดร้อนตายขึ้นมาจะว่ายังไง?

เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ยินแล้วจึงนิ่งเงียบไป เขายกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วที่ออกอาการ

ปวดเล็กน้อย

แล้วพูดขึ้นอย่างจนปัญญา “เสิ่นอีเวย คุณก็อายุยี่สิบกว่าแล้ว มีความรู้ด้านสุขศึกษาบ้างหรือเปล่า คนเราเมื่อมีไข้จะไม่ได้รับผลกระทบจา กอุณหภูมิสภาพแวดล้อมโดยรอบ”

เสิ่นอีเวยครุ่นคิด รู้สึกว่าที่เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดก็ดูเหมือนจะสม เหตุสมผล แต่ในใจเธอก็ยังโกรธมาก เธอหวังดีพาเขามาที่โรงพยาบาลตั้งแต่ เช้าตรู่

แต่ตอนนี้เธอยังได้ชื่อว่าไม่มีความรู้ด้า นสุขศึกษาอีกหรือ?

เสิ่นอีเวยยิ้มเยาะ “อืม

ที่คุณพูดก็มีเหตุผล ถ้ารู้แต่แรกว่าคุณเก่งกาจแบบนี้ฉันน่าจ ะปล่อยให้คุณเป็นไข้จนเลอะเลือน ไม่ต้องพาคุณมาที่โรงพยาบาลดีกว่า”

เซิ่งเจ๋อเฉิง “.….

เห็นเสิ่นอีเวยกำลังโมโห เขาก็งัดคำพูดออกมาได้ในที่สุด “เสิ่นอีเวย คุณนี่เหมือนเด็กจริงๆ”

เสิ่นอีเวยนั่งลงข้างๆ รู้สึกว่าตนเองถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงยั่วโมโหจ นไม่มีอารมณ์แล้ว บวกกับการที่เมื่อคืนนอนหลับไม่สนิทอ ารมณ์ก็ไม่ดีอยู่แล้ว

ในเวลานี้ก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกร ะเป๋าแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันก็จะโทรหาหลินอวี้เดี๋ยวนี้ให้เขา

มาคอยดูแลคุณ!”

ตอนแรกเสิ่นอีเวยนึกว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะเ พวกเขาทั้งสองต่างทนกันและกันไม่ไห

ต็มใจ

สำหรับพวกเขาทั้งคู่วิธีที่ดีที่สุดในการอ ยู่ร่วมกันก็คือ…ไม่เห็นหน้ากันเป็นดีที่สุ

แต่ทันทีที่เธอหยิบมือถือขึ้นมาก็ได้ยินเ สียงห้ามของเซิงเจ๋อเฉิง “ไม่ต้อง อย่าโทรหาเขา

น้ำเสียงอึมครึม

เสิ่นอีเวยถามขึ้นด้วยความโกรธ

“ทำไม?”

เซิ่งเจ๋อเฉิงหลิ่วตาลง

ขณะที่สายตากำลังมืดมน แต่เสิ่นอีเวยกลับไม่ทันเห็นมัน

ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ได้ยินเซิ่งเจ๋อเฉิงต

อบว่า

ตอนนี้เขาช่วยผมจัดการเรื่องอื่นอยู่

ไม่มีเวลามา”

เสิ่นอีเวยไม่เข้าใจ

ยังมีเรื่องอะไรที่สำคัญกว่าความปลอด

ภัยของเขาอีกหรือ?

ปกติหลินอวี้ก็เรียกหาใช้ไปไหนมาไหน

ง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้เพิ่งเจ๋อเฉิงถึงไม่ให้บอกเรื่ องการเข้าโรงพยาบาลของเขากับหลิน

อวี้?

จิตใต้สำนึกของเสิ่นอีเวยรู้สึกว่ามันแปล

กๆ

แต่เธอก็บอกไม่ได้ว่ามีอะไรที่ไม่ถูกต้อ

งตรงไหน

นางพยาบาลเข้ามาเสิร์ฟอาหารเช้า

หลังจากที่ทั้งสองรับประทานไปนิดหน่ อยแล้วก็ไม่พูดคุยอะไรกันอีก อย่างไรก็ตามมันคืออาการปอดอักเสบ

ดังนั้นสภาพจิตใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงจึงไม่ พอกินข้าวเสร็จจึงนอนลงพักผ่อนอีกค

ค่อยดีนัก

รั้ง

เสิ่นอีเวยรู้สึกเบื่อที่ต้องอยู่เฝ้าคนเดียว ในห้องผู้ป่วย

บวกกับการนอนหลับไม่สนิทจึงทำให้เ

กิดอาการง่วงนอนขึ้นอีกหลังจากนั้นไม่

นาน เธอออกไปขอผ้าห่มเล็กๆ

จากคนที่เข้าเวรอยู่

คิดจะนอนพักผ่อนบนเตียงเสริมที่อยู่ข้า

งๆ

ขณะที่กำลังจะนอนลงก็ได้ยินเสียงโทร

ศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น

เสียงเรียกเข้านั้นดังมาก

เธอกลัวไปปลุกเซิ่งเจ๋อเฉิงเข้า

จึงรีบกดปุ่มปิดเสียงแล้วค่อยรับสาย

คนที่โทรเข้ามาคือหลินอวี้

เสิ่นอีเวยค่อยๆ

ย่องออกไปจากห้องคนไข้มาถึงยังทาง

เดินด้านนอก

“ฮัลโหล” เสียงของหลินอวี้ดังมาจากปลายสาย ฟังดูเหมือนว่าเขาจะเหน็ดเหนื่อยเล็กน้ อย “ฮัลโหล คุณเสิ่น”

“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ? ” เสิ่นอีเวยง่วงจนทนไม่ไหวแล้ว เธอทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าแล้วตอบ คำถาม

ทางด้านปลายสายเหมือนจะเงียบไปห ผ่านไปครู่หนึ่งหลินอวี้ก็พูดขึ้นมา

ลายวินาที

“ผมโทรหาประธานเซิ่งตั้งหลายสาย แต่เขาไม่รับเลย ข้อความก็ไม่ตอบ ผมเลยโทรหาคุณ

พวกคุณอยู่ด้วยกันหรือเปล่า?”

“ใช่ค่ะ”

เสิ่นอีเวยพูดจบก็คิดว่าไหนๆ หลินอวี้ก็ได้โทรศัพท์เข้ามาแล้ว

ก็บอกเรื่องเซิ่งเจ๋อเฉิงเข้าโรงพยาบาลเ

ลยดีกว่า

ขณะที่กำลังจะพูดนั้นก็ถูกหลินอวี้ขัดจัง หวะขึ้นมา

“คุณเสิ่นครับ

งั้นรบกวนคุณช่วยบอกประธานเซิ่งให้ผ

มหน่อย

ว่าได้จัดหาที่พักอาศัยให้กับผู้ที่มาร่วม พิธีไว้อาลัยจากทุกแห่งเรียบร้อยแล้ว”

น้ำเสียงของหลินอวี้ราบเรียบมาก เมื่อได้ยินคำว่า “พิธีไว้อาลัย”

เสิ่นอีเวยก็ตกใจจนควบคุมไม่ได้ จึงถามออกไปโดยสัญชาตญาณว่า “พิธีไว้อาลัย? ไว้อาลัยอะไรเหรอคะ?”

เธอไม่ได้ยินคำตอบของหลินอวี้ ปลายสายเงียบไป ความตื่นตระหนกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อ

นได้เข้าจู่โจมหัวใจ

เสิ่นอีเวยหมดความอดทน

เสียงสูงขึ้นเล็กน้อย “หลินอวี้ ตอบฉันซิ!”

ในที่สุดเสียงของหลินอวี้ก็ดังขึ้นมา

“ประธานเซิ่งไม่ได้บอกเรื่องท่านประธา นเสียชีวิตกับคุณเหรอครับ? ”

มันเหมือนกับมีมีดสั้นอาบยาพิษแทงเข้ าไปในหัวใจอย่างฉับพลัน เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าลมหายใจของตนเองห ยุดลงชั่วขณะ

คุณปู่เสียแล้วเป็นไปได้ยังไง? ทำไมเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่เคยบอกฉันเลย?

ทันทีที่ได้รับรู้เรื่องนี้

ในสมองเสิ่นอีเวยก็ปรากฏภาพคุณปู่เดิ นเล่นอยู่ในสวนดอกไม้เล็กๆ ในบ้านพักของตระกูลเซิ่งกับเธอในคืน นั้นเมื่อนานมาแล้ว

หลินอวี้ที่อยู่ปลายสายตระหนักรู้ถึงควา มผิดปกติจากช่วงเวลาที่เงียบไปนาน เขาไม่ได้เร่งรัด

เพียงแต่ถามด้วยเสียงอันเบา

“คุณเสิ่นครับ

คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เสียงของหลินอวี้ทำให้ความคิดของเสิ่ นอีเวยถูกดึงกลับสู่ความเป็นจริงทันที

พอพูดออกไปเธอถึงเพิ่งรู้ว่าน้ำเสียงข องเธอนั้นสั่นไหว

“ฉันไม่เป็นอะไร เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร?” ความสนใจของเสิ่นอีเวยจับจ้องอยู่ที่คำ

ตอบของหลินอวี้ที่อยู่ปลายสาย เธอจึงไม่รู้ตัวว่าตนเองนั้นหมดแรงทรุด ลงกับพื้นอย่างช้าๆ ตอนนี้เธอรู้สึกขาอ่อน

สมองมีแต่ความว่างเปล่า

“วันที่พ่อลูกตระกูลเจิ้งมาที่ตระกูลเซิ่ง” เสิ่นอีเวยพยายามควบคุมอารมณ์ของเ ธออย่างดีที่สุดและพูดเบาๆ ว่า “โอเค เดี๋ยวฉันจะบอกเขาให้คุณ”

หลังวางสายจากหลินอวี้ เสิ่นอีเวยก็รู้สึกว่าพลังทั้งหมดในร่างกา ยถูกดูดออกไปหมดแล้ว

เธอรู้สึกว่าจิตใจของเธออยู่ในความสับ สนวุ่นวายราวกับเธอเพิ่งถูกขบวนรถไฟ บดขยี้จนละเอียด สับสนจนไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองเหมือนตก ลงไปในทะเลสาบ เธอมองไม่เห็นแสงหรือได้ยินเสียงใดๆ ใต้น้ำ

พอชูมือขึ้นก็คว้าได้เพียงความว่างเปล่า เสิ่นอีเวยนั่งยองๆ

สงบจิตใจอยู่บนทางเดินเป็นเวลานาน จนกระทั่งขาทั้งสองข้างของเธอไม่มีค วามรู้สึกแล้ว เธอจึงค่อยๆ ยืนขึ้นแล้วเดินไปยังห้องผู้ป่วย

ความง่วงเมื่อครู่ถูกโทรศัพท์จากหลินอ วี้สลายไปจนหมดสิ้น เสิ่นอีเวยนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย เซิ่งเจ๋อเฉิงยังไม่ตื่น

ลมหายใจของเขาเบาบางและสม่ำเสม สีหน้าของเขาในตอนนี้แตกต่างจากเมื่ อคืนตอนที่เขามีไข้ แม้ว่าจะดูซีด แต่อย่างน้องแข็งแรงขึ้นมาก

เสิ่นอีเวยมองดูเซิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังหลับ

สนิท

ในสมองดูเหมือนจะเกิดคำถามพรั่งพรู

ขึ้นมาอย่างมากมาย

แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้นเช่นกั

คุณปู่เสียแล้วทำไมเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่บอก

ตน? ทั้งๆ

ที่เขารู้ว่าคุณปู่โปรดปรานตัวเธอมากแค่

ไหน

และรู้ว่าเธอเองก็เคารพคุณปู่มากแค่ไห

แต่เรื่องที่สำคัญแบบนี้เขากลับเลือกที่จ ะปิดปากเงียบไม่บอกเธอ

ถ้าไม่ใช่เพราะโทรเข้ามาอย่างกะทันหั

นของหลินอวี้

เสิ่นอีเวยก็คงจะไม่รู้เรื่องจริงๆ

แล้วตนเองจะได้รู้เรื่องนี้ตอนไหนกันแ

น่

อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ตื่นขึ้น

มา

เสิ่นอีเวยจับมือถือของตนเองไว้แน่นไ

ม่ขยับเขยื้อน

เซิ่งเจ๋อเฉิงเอื้อมมือออกมาหยิบแก้วน้ำ

บนโต๊ะไปดื่ม

“เมื่อกี้หลินอวี้โทรเข้ามา”

น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยราบเรียบ แม้แต่สายตาก็ไม่ได้มองขึ้นมา

มือที่ถือแก้วน้ำของเซิ่งเจ๋อเฉิงหยุดชะ งักลง เขาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เขาโทรหาคณเหรอ?”

เสิ่นอีเวยพยักหน้าเล็กน้อยจนแทบมอง

ไม่เห็น

“คุณว่าอะไรนะ?” เพิ่งเจ๋อเฉิงถาม
191580925_1379500385754260_989420815953816579_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ