นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่198โรคกลัวที่แคบของเสี่นอีเวย



บทที่198โรคกลัวที่แคบของเสี่นอีเวย

บทที่198 โรคกลัวที่แคบของเสิ่นอีเวย แต่ต่อมาเสิ่นอีเวยไม่สามารถทนต่อกา รรบเร้าของพี่สาวได้

ดังนั้นเธอจึงตอบตกลงในที่สุด

หญิงสาวทั้งสองปิดโทรทัศน์แล้วเริ่มเล่ นซ่อนหา

เพราะโครงสร้างของบ้านเป็นแบบคฤห

าสน์

ดังนั้นจึงมีพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับทำกิจ

กรรม

เสิ่นอีเวยกับพี่สาวเล่นกันในชั้นใต้ดินเป็

นหลัก

ซึ่งชั้นใต้ดินนี้ไม่ค่อยได้ใช้ในเวลาปกติ มีแต่ของจิปาถะวางเอาไว้มากมาย

เมื่อถึงเวลาที่เสิ่นอีเวยต้องไปซ่อน เธอก็จ้องมองสถานที่ที่อยู่ในใจของเธ

คฤหาสน์มีทั้งหมดสี่ชั้น

ตั้งแต่ชั้นใต้ดินขึ้นไปจนถึงชั้นหนึ่งมีห้อ งเก็บของเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตานักตั้งอยู่ที่มุมของบันได ในความทรงจำของเสิ่นอีเวย คนในครอบครัวแทบจะไม่เคยได้ใช้มันเ

ลย

เสิ่นอีเวยในตอนนั้นเป็นคนฉลาดเฉลียว

คิดว่าตนเองได้พบสถานที่ที่พี่สาวไม่สา มารถหาตัวเธอพบได้แน่นอน ดังนั้นจึงตะโกนขึ้นไปบอกว่าตนเองได้ ซ่อนเรียบร้อยแล้วจากด้านนอกห้องเก็ บของโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นไป จากนั้นก็รีบวิ่งไปซ่อนตัวที่ห้องเก็บของ

ทันที

เนื่องจากห้องเก็บของไม่ได้ใช้ตลอดทั้

งปี

ดังนั้นประตูจึงไม่สามารถล็อคจากด้านใ

นได้

เสิ่นอีเวยฉวยโอกาสตอนที่พี่สาวกำลังเ ดินลงมาลากเชลโลเก่าๆ

ตัวหนึ่งที่อยู่ข้างๆ มาขวางประตูไว้

เธอได้ยินพี่สาวของเธอเดินไปที่ชั้นใต้

ดิน

อีกฝ่ายตะโกนอยู่สองสามครั้งจากนั้นก็ มีเสียงพลิกหาสิ่งของต่างๆ

เสิ่นอีเวยที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บของแ

อบดีใจ

คิดว่าคราวนี้พี่สาวของเธอต้องแพ้อย่า งแน่นอน

ผ่านไปครู่หนึ่งชั้นใต้ดินที่กว้างใหญ่ก็เงี

ยบสงบทั้งชั้น

ไม่มีเสียงเดินของพี่สาวแล้ว เสิ่นอีเวยนั่งอยู่บนพื้น

รอคอยเสียงพี่สาวตะโกนยอมแพ้ตนอย่

างเงียบๆ

แต่เธอก็ไม่ได้ยินเลย

ชั้นใต้ดินไม่ได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเ

อาไว้

ความจริงอุณหภูมิในห้องเก็บของนั้นไ

ม่สูงมาก

แต่เนื่องจากเป็นฤดูร้อนที่แสนอบอ้าว ดังนั้นคนที่อยู่ข้างในนานๆ

ก็จะรู้สึกร้อนมาก

เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไปเรื่อยๆ เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าน้ำในร่างกายของเธอแ ทบจะระเหยออกไปหมดแล้ว เหงื่อเม็ดใหญ่บนหน้าผากของเธอไหล ลงมา รู้สึกกระหายน้ำจนทนไม่ไหว เธออยากออกไปเรียกพี่สาวข้างนอก

แต่จิตวิทยาในการเล่นเกมของเด็กนั้น อรั้นมาก เธอไม่ยอมแพ้ ในใจเอาแต่คิดว่าบางทีพี่สาวอาจจะมา ตามหาเธอในวินาทีต่อไป จิตวิทยาเช่นนี้ได้ค้ำจุนให้เสิ่นอีเวยอยู่ต่ อไปได้อีกครึ่งชั่วโมง

ต่อมาเธอก็ร้อนเกินกว่าจะทนได้ เนื่องจากร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง ดังนั้นมือของเธอจึงไร้เรี่ยวแรง เสิ่นอีเวยต้องการผลักเชลโล่ออกไป แต่มันก็หนักกว่าตอนที่เธอลากมันเข้าม

า ในที่สุดเสิ่นอีเวยก็ผลักเชลโล่นั่นออกไ ปจนได้ เธอเอื้อมมือออกไปเปิดประตู แต่กลับพบว่ามันไม่สามารถเปิดได้เลย

จากข้างใน

เสิ่นอีเวยโน้มเข้าไปมองอย่างใกล้ชิดด้ วยสายตาที่เบิกกว้าง

เธอจำได้อย่างชัดเจนว่าตอนที่เธอเข้า มาเมื่อกี้ไม่พบว่าข้างในนี้มีตรงไหนที่ส

ามารถล็อคประตูได้

เสิ่นอีเวยนึกว่าประตูมีปัญหา

เธอจึงพยายามอย่างหนักที่จะเปิดมันเข้

ามาทางตัวของเธอเอง

แต่ก็ยังเปิดไม่ออก

แม้แต่ช่องว่างสักนิดก็ไม่มี

จิตใจของเธอเริ่มกังวล

ตั้งนานแล้วพี่สาวก็ยังหาเธอไม่พบ แต่กลับไม่ตะโกนเรียกเธอ หรือว่าพี่สาวยังค้นหาอยู่? แต่เธอร้อนจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

เสิ่นอีเวยไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว เธอตะโกนเรียกพี่สาวเสียงดังลั่น ในห้องเก็บของนั้นร้อนระอุมาก บวกกับที่เธอไม่ได้ดื่มน้ำเป็นเวลานาน

จนเสียงของเธอแทบจะแหบแห้งและเ ธอก็ไม่ได้ยินเสียงพี่สาวตอบเธอเลย

จิตใจของเสิ่นอีเวยมีความกังวลมากขึ้น เรื่อยๆ เช่นเดียวกับร่างกายของเธอที่ย่ำแย่ลง

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ตะโกนออกไป สองสามครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยได้รับเสียงตอบกลับจาก พี่สาวของเธอเลย ต่อมาเธอก็เหนื่อยมากจนนอนลงกับพื้ นอย่างไร้เรี่ยวแรง

ห้องเก็บของปิดทึบและไม่มีหน้าต่าง ดังนั้นหลังจากผ่านไปเป็นเวลานานแล้ว

เสิ่นอีเวยก็รู้สึกว่าตัวเองขาดอ๊อกซิเจน

ในตอนนั้นเธอสวมนาฬิกาเล็กๆ

ที่ข้อมือ

รอจนถึงสามทุ่มพี่สาวของเธอก็ไม่ได้ม

าตามหาเธออีก

แสงในชั้นใต้ดินนั้นมืดมากโดยเฉพาะใ นห้องเก็บของแคบๆ

เสิ่นอีเวยนั้นกลัวความมืดมาตั้งแต่เด็กแ ล้ว ไม่เคยกล้าที่จะนอนคนเดียว ตอนนี้เธอต้องมาอยู่ในที่แคบเช่นนี้ สภาพจิตใจของเธอจึงแตกสลายมากขึ้ นเรื่อยๆ ความหวาดกลัวอย่างใหญ่หลวงของเธ อเปรียบเสมือนน้ำที่กำลังพลุ่งพล่าน บุกเข้าโจมตีสติสัมปชัญญะของเธอ

ด้วยแรงกดดันทางด้านจิตใจที่เพิ่มขึ้นเ รื่อยๆ

เสิ่นอีเวยจึงไม่สามารถทนได้ในที่สุด เธอข่มความกลัวในใจปีนขึ้นไปที่ขอบป

ระตู

ร้องไห้ตะโกนขอความช่วยเหลือออกไ ปภายนอก แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

ในขณะนั้นเสิ่นอีเวยได้เกิดภาพหลอนที่ ไร้สาระขึ้นมาเพราะความหวาดกลัวขอ งเธอ

ตอนนั้นเธอยังสงสัยว่าเธอได้เผลอเข้า ไปในอุโมงค์เวลาหรือเปล่า ส่งผลให้ไม่ว่าเธอจะตะโกนเท่าไรก็ตา

ม คนรอบตัวเธอก็ไม่สามารถได้ยินเสียงข

องเธอ

สำหรับผู้ใหญ่แล้วมันอาจจะเป็นเรื่องต ลกที่จะพูดเช่นนี้

แต่เสิ่นอีเวยในตอนนั้นเป็นเพียงเด็กอา

ยุ 13 ปี

สำหรับโลกใบนี้เธอเต็มไปด้วยความอย ากรู้อยากเห็นและความหวาดกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากผ่านคืนที่น่ ากลัวในห้องเก็บของ เสิ่นอีเวยก็ไม่สามารถกำจัดพื้นที่ปิดมิด ชิดและมืดมิดออกไปได้นับตั้งแต่นั้นมา ในตอนท้ายของเรื่องเสิ่นอีเวยได้อยู่ใน ห้องเก็บของจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น เป็นพ่อแม่ที่มาพบเธอหลังจากกลับมา แล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างตกใจและคาดคั้นเสิ่น หุ้ยผู้เป็นพี่สาวว่าดูแลน้องสาวยังไงถึงเ

ป็นแบบนี้

เสิ่นอีเวยจำได้ลางๆ

ว่าเธอมีไข้สูงก่อนที่พ่อแม่จะอุ้มเธอออ

กมาจากห้องเก็บของ

ดังนั้นตอนนั้นเธอจึงจำคำอธิบายของพี่ สาวที่มีต่อพ่อแม่ได้ไม่ชัดเจนนัก

ในเวลานั้นเสิ่นหุ้ยได้อธิบายว่าเธอได้ต ามหาเสิ่นอีเวยเป็นเวลานานหลังจากที่เ ธอลงไปในชั้นใต้ดิน แต่เธอก็หาไม่พบ

ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเสิ่นอีเวยได้อาศัยจัง หวะที่เธอไม่ทันได้สนใจวิ่งขึ้นไปชั้นบน เงียบๆ เธอจึงขึ้นไปยังชั้นบน

เสิ่นอีเวยถามพี่สาวว่าทำไมเธอไม่ตาม หาตนทั้งๆ ที่ตนตะโกนเรียกอยู่นาน เสิ่นหุ้ยบอกว่าตนเองไม่ได้ยินเสียงขอ

งเธอเลย

เธอถามพ่อแม่ว่าพวกเขาเปิดประตูห้อง เก็บของได้อย่างไร แม่ของเธอบอกว่าประตูห้องเก็บของนั้

นไม่ได้ล็อค

พวกเขาเปิดมันออกทันทีที่ผลักมัน และยังคาดเดาว่าเสิ่นอีเวยอาจจะเป็นไ ข้จนสมองเลอะเลือนจึงได้ถามคำถามโ ง่ๆ แบบนี้ออกมา

ในเวลานั้นร่างกายของเสิ่นอีเวยร้อนมา

พ่อแม่ของเธอจึงรีบพาเธอไปที่โรงพย

าบาล

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ฟังคำอธิบาย ของพี่สาวของเธอ ครั้งนั้นเสิ่นอีเวยใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ใน โรงพยาบาล

จากนั้นร่างกายที่ย่ำแย่จึงค่อยๆ ปรับสภาพให้ดีขึ้นมา

แต่ต่อมาเสิ่นอีเวยจึงเพิ่งเข้าใจว่าเรื่อง ที่เธอถูกขังอยู่ในห้องเก็บของและต้อง อยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ นั้นไม่ใช่ความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สำหรับเธอ

แต่สิ่งที่ทิ้งจุดดำและนำพาความเจ็บปว ดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเธอนั่นคือเธอมีอา การกลัวที่แคบในเวลาต่อมา

มันคืออาการทางจิตชนิดหนึ่ง แต่ที่จริงแล้วการรักษานั้นยากกว่าโรค ทางกายเสียอีก

ตัวบุคคลดูเหมือนว่าจะดี

ไม่มีปัญหาอะไร

เรื่องนั้นเกิดขึ้นมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ ว

แต่เสิ่นอีเวยก็ยังไม่สามารถเอาชนะปัญ หาทางจิตวิทยานี้ได้ เธอยังรู้สึกว่าในชีวิตนี้เธอคงจะไม่มีทา งดีขึ้นอีกแล้ว

ในช่วงเวลาที่มีปัญหาร้ายแรงมากที่สุด

เสิ่นอีเวยได้อ่านข่าวเกี่ยวกับเรื่องลิฟต์เ สียมากเกินไป

ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าขึ้นลิฟต์อีกเลยในภ ายหลัง และเลือกที่จะขึ้นบันไดทุกวัน

เหตุการณ์ทั้งหมดที่เป็นสาเหตุของโรค กลัวที่แคบนั้นถูกส่งผ่านเข้ามาในสมอง ของเสิ่นอีเวยที่กำลังจะหมดสติอย่างชั ดเจน

จนถึงทุกวันนี้เธอยังสงสัยว่าเสิ่นหุ้ยรู้ว่า ตนเองอยู่ในห้องเก็บของ แต่กลับจงใจล็อคประตูจากภายนอกเพื่

อแกล้งเธอ

แต่เสิ่นอีเวยคิดว่าตั้งแต่เล็กจนโตตนเอ งไม่เคยทําผิดต่อเงินหย

ดังนั้นการคาดเดา เธอจึงไม่กล้ามั่นใจ
192819394_307823094309975_7588498467137404288_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ