นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่146ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับ บ้านตระกูลเชิง



บทที่146ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับ บ้านตระกูลเชิง

บทที่ 146 ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับบ้านตระกูล

หลังจากได้ฟังคำพูดของหล่อน เขาไม่เพียงไม่โกรธ แต่ กลับใช้น้ำเสียงและท่าทางแบบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาจะเชื่อ หรือไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ คุณสามารถไปจากที่นี่ตอนนี้ได้เลย แล้วมาดูกันว่า ต่อไปจะมีคนมาหาเรื่องคุณรึเปล่า แต่ถ้าให้ถึง ตอนนั้น…

สายตาของเขามองที่ใบหน้าของเงินอีเวย หล่อนรู้สึกได้ ถึงความร้อนที่เกิดขึ้นบนใบหน้าตัวเอง

อยู่ๆเสียงของเขาก็กลับกลายเป็นไร้ซึ่งความรู้สึก ใดๆ “ความปลอดภัยของคุณ อีเวยก็จะไม่มีความเกี่ยวข้อง อะไรกับผมแม้แต่น้อย

น้ำเสียงดังกึกก้อง แต่ละนั้นเข้าไปในโสตประสาทของ หล่อน หมัดที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อของหล่อนกำแน่นขึ้น

สุดท้ายหล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หล่อนเดินออกมาจาก ห้องทำงานของ

ความรู้สึกของหล่อนตอนนี้กำลังสับสนอย่างมาก เพราะ หล่อนเองก็ไม่โง่เง่ากล้าเดิมพัน ว่าคนพวกนั้นจะมาเรื่องอะไรหล่อนอีกหรือไม่

จริงๆแล้วสิ่งที่เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดก็ถูก หากพวกเขาสองคนไม่ หย่ากัน คนนอกก็จะรับรู้ว่าหล่อนเล่นอีเวยเป็นผู้หญิงของเขา หากใครคิดจะรังแกหล่อนก็ยังต้องแอบมีความเกรงกลัวอยู่ บ้าง เพราะบ้านตระกูลเพิ่งจะไม่มีทางปล่อยพวกเขาแน่

แต่ถ้าหากพวกเขาหย่ากันแล้ว หล่อนกับตระกูลเชิงก็ไม่มี ความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก ถึงเวลาหากหล่อนถูกพวกนั้นตาม จนเจอ ไม่ต้องพูดถึงว่าหากหล่อนถูกฆ่าตายทิ้งศพไว้ในป่า รกร้าง บ้านตระกูลเชิงก็คงมีเหตุผลที่จะไม่เข้าไปก้าวก่ายอะไร

หล่อนไม่โง่ถึงขนาดจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

หากฟังจากคำพูดที่เขาพูดแล้ว เขาเองก็ดูเหมือนยังคง ปกป้องตัวเองอยู่

แต่เขาไม่ได้รักหล่อนเลยนี่หน่า ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ เพื่ นอีเวยรู้สึกกลัดกลุ้ม

หรืออาจจะเป็นเพราะว่าหากหล่อนที่เป็นภรรยาของ กรรมการผู้จัดการของบริษัทเพิ่งซื้อเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็จะทำให้ เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีกับบริษัทของเพิ่งเจ๋อเฉิงไปด้วยก็เป็นได้

เขาเป็นนักธุรกิจอัจฉริยะ ยังไงก็คงต้องคิดถึงข้อนี้ได้ ทั้งหมดเป็นผลประโยชน์ของตัวเขาเองทั้งนั้น

คิดมาถึงตรงนี้ หล่อนฝืนยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
หล่อนลุกขึ้นออกจากห้อง เพื่อที่จะไปห้องน้ำ ตอนเดินมา ถึงพื้นที่ส่วนกลางกลับได้ยินเสียงเรียกของสอนจึงหยุดหล่อน เอาไว้

หล่อนหันกลับไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์พร้อมกับถามว่า “มี ธุระอะไร”

มือของสอนจึงกำลังถือแก้วน้ำอยู่หนึ่งใบ หันหลังพิงผนัง อย่างเนิบๆ แววตา มีแววหาเรื่อง “ก็อาคนนั้นของเธอ เส้นเหยี ยนซึ่งหน่ะเมื่อไหร่หล่อนถึงจะจัดการปัญหาให้เสร็จ เสียเวลา ของตัวเองไม่เป็นอะไรหรอกนะ แต่อย่าทำให้เสียเวลางานคน อินละกัน”

หล่อนชักกระตุกเล็กน้อยอยู่ในใจก่อนถามว่า “เธอ หมายความว่ายังไง”

“เมื่อวานนี้ตอนที่เธอออกจากบริษัทไปแล้ว เสิ่นเหยียนซึ่ง ก็เข้ามาหาที่บริษัท ฉันเป็นคนต้อนรับเขาแทนเธอเอง ฉันยังคุย กับเขาสองประโยค” สวอนจึงยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม สายตาที่ มองเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยความเย้ยหยันดูหมิ่น

เงินอีเวยรู้สึกร้อนรนกระวนกระวายใจ รีบถามว่า “พวก เธอคุยอะไรกัน”

สอนฉิงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีออกมา “เงินอีเวย ไม่คิด เลยนะว่าเธอเนี่ยก็ใจร้ายเหมือนกัน อาอุตส่าห์มาขอยืมเงินเธอ กลับบ่ายเบี่ยง ปกติเห็นเธอเป็นคนใจกว้างไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ ทำไมเห็นเงินเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วล่ะ ”
วินาทีนั้นเองที่ความโกรธปะทุขึ้นในใจของเล่นอีเวย เธอ ไม่รู้อะไร อย่ามาพูดเรื่อยเปื่อย แล้วอีกอย่างนี้มันเป็นเรื่องส่วน ตัวของฉัน เธอเป็นคนนอกไม่มีสิทธิ์จะมาวิพากษ์วิจารณ์อะไร ทั้งนั้น”

เสียงของพวกหล่อนถือว่าดังอยู่ไม่น้อย ทำให้คนที่อยู่ บริเวณนั้นมามุงดูด้วยความสนใจใคร่รู้

“ถ้าคุณคิดว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัว เธอก็รีบจัดการให้มัน เรียบร้อยซะ เมื่อวานเส้นเหยียนซึ่งรออยู่ที่นี่เกือบสองชั่วโมง เธอก็ไม่กลับมาสักทีจนเขาเกือบจะอาละวาดอยู่แล้ว เธออาจจะ คิดว่ามันไม่มีอะไรแต่อย่ามาทำให้คนอื่นเขาเสียงานเสียการ

หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย ทุกคนในบริษัทก็ดูออก ว่าความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของหล่อนและเพิ่งเจ๋อเฉิงนั้นไม่ ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ เมื่อทุกคนต่างรู้ว่าภรรยาคนนี้ของท่าน ประธานไม่ได้รับความรักใคร่เอ็นดูนัก

ทุกคนจึงไม่เคารพหล่อนเหมือนตั้งแต่ก่อน

หลังจากที่สอันจึงพูดจบ ก็เริ่มมีเสียงเห็นด้วยดังมาจาก กลุ่มคนที่มามุงอยู่รอบๆ

บรรยากาศระหว่างเสิ่นอีเวยและสอันฉงนั้นคุกรุ่น หล่อน จ้องมองไปยังกลุ่มคนที่มามุงดู บางคนก็เงียบเสียงลง แต่ในใจ

หล่อนนั้นยังคงเหน็บหนาว

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใจคนถึงได้กลายเป็นเห็นแก่ผล ประโยชน์ตัวเองมาก่อนเสมอ แค่เพราะว่าหล่อนไม่ได้รับความรักจากเพิ่งเจ๋อเฉิง พนักงานที่มามุ่งเหล่านี้ตำแหน่งต่ำกว่า หล่อนจึงไม่เคารพ ให้เกียรติหล่อนได้ถึงขนาดนี้

เงินเลยรู้สึกช่างน่าขันเสียจริงๆ

“คุณเงินคะ มีเอกสารที่ต้องให้คุณเซ็นชื่อค่ะ

ภายใต้บรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ ก็มีเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน ดังขึ้นจากด้านหลังของเสิ่นอีเวย หล่อนหันกลับไปมองก็พบว่า เป็นฉินจื่อเพิ่งผู้ช่วยของหล่อนเอง

ในอ้อมอกของฉันจื่อเพิ่งกอดเอกสารไว้หนึ่งชุด แววตา แสดงออกชัดเจนว่าต้องการปกป้องเส้นเวย อันที่จริงแล้วฉัน ชื่อเฟิงก็ยังอายุไม่มาก ประสบการณ์ก็ยังน้อย แต่ผู้หญิงคนนี้ บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ตั้งแต่มาทำงานอยู่กับเงินอีเวยหล่อนก็จงรัก ภักดีไม่เปลี่ยนแปลง

เมื่อหล่อนเห็นฉันจื่อเพิ่งยื่นมือเข้ามาช่วยหล่อน ก็เกิด ความอุ่นใจขึ้นมา หล่อนไม่สนใจกลุ่มคนตรงหน้า หมุนตัวพา ฉินจื่อเฟิงเดินเข้าห้องทำงานของตนเอง

หลังจากนั่งลงแล้ว หล่อนยิ้มให้ฉันอเชิงก่อนจะถามว่า : “ไหนล่ะเอกสารที่ต้องเซ็นเอามาให้ฉันเลย”

ฉันชื่อเฟิงยืนอยู่ที่เดิมไม่พูดไม่จา ได้แต่สายศีรษะเบาๆ

เงินอีเวยงงเล็กน้อย ก่อนจะถามว่าทำไมเหรอ”

ฉินจื่อเฟิงเม้มปากก่อนตอบว่า “ที่จริงแล้วไม่มีเอกสาร อะไรที่คุณต้องเซ็นหรอกค่ะ ฉันก็แค่ทนเห็นคนพวกนั้นมาท้าทายคุณแบบนั้นไม่ได้ จึงไม่อยากให้คุณต้องทนอยู่ตรงนั้น

ต่อไป

เมื่อเสื่นอีเวยได้รู้เรื่องแล้วจึงยิ้มออกมา “เธอก็เลยแกล้ง หลอกพวกนั้นด้วยเหตุผลนี้เพื่อช่วยฉันออกมา

จินจื่อเพิ่งรีบพยักหน้ารับ

เสิ่นอีเวยมองสาวน้อยตรงหน้าที่ใบหน้าเต็มไปด้วย

อารมณ์โกรธเคือง

มุมปากมีรอยยิ้มที่แฝงด้วยความอ่อนโยน แต่ว่าในแวว

ตาเจือความกังวล

“อื้อเฟิง เธอคงไม่รู้ว่าฉันรู้สึกขอบคุณเธอจริงๆ แต่เธอเอง ก็เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน คนพวกนั้นส่วนใหญ่ก็ตั้งตัวเป็น ปฏิปักษ์กับฉัน ถ้าเธอเลือกอยู่ข้างฉัน พวกเขาก็อาจจะพาล โกรธเกลียดเธอไปด้วย ถึงเวลานั้นเธออาจได้รับผลกระทบไป ด้วย

จื่อเฟิงเป็นคนฉลาดมากคนหนึ่ง แน่นอนว่าหล่อนต้อง เข้าใจความหมายที่เสิ่นอีเวยพูด หล่อนพูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่ ค่ะ ฉันไม่คิดอย่างนั้น ฉันคิดว่าเกิดเป็นคนก็ต้องรู้จักบุญคุณคน ตั้งแต่ฉันได้ทำงานกับคุณ ฉันก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย อีก อย่างงานผู้ช่วยอย่างฉันก็ต้องพบปะเจอผู้คน ในบริษัทใคร ตั้งใจทำงาน ใครชอบประจบสอพลอฉันก็รู้หมด ฉันจะไม่ยอม เป็นคนพวกเดียวกับพวกเขาหรอกค่ะ”

ฉันจือเพิ่งพูดออกมาอย่างเปิดเผยจริงใจ ด้วยท่าทางที่มุ่งมั่นฮึกเหิมนี้ทำให้เสื่นอีเลยรู้สึกว่าหรือหล่อนอาจจะคิดมากไป

เอง

ช่วงเวลานั้นเอง อยู่ๆเสิ่นอีเวยก็จิตใจเลื่อนลอย หวน คิดถึงตัวเองในอดีตที่เป็นคนรอบคอบระแวดระวัง ผ่านไปแค่ เพียงสองปี นิสัยใจคอก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว และทั้งหมดนี้ สาเหตุก็หนีไม่พ้นผู้ชายคนนั้น

“คุณเงินคะ ฉันขอละลาบละล้วงถามอะไรหน่อยนะคะ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับท่านประธานเชิงไม่ค่อยจะดีใช่มั้ย

คะ”

เสียงของฉันจื่อเพิ่งเปลี่ยนเป็นเบามากและปนกับความ

ลังเลสงสัย

ทันใดนั้นเองเสิ่นอีเวยที่จิตใจเลื่อนลอยไม่อยู่กับเนื้อกับ ตัวก็ถูกลากกลับมา หล่อนชะงักไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าฉัน จื่อเพิ่งจะถามคำถามนี้กับหล่อน

“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ หรือว่าเธอไปได้ยินอะไรไม่ดีมา

จริงๆเสิ่นอีเวยไม่จำเป็นต้องถามก็รู้ คำติฉินนินทาเหล่านี้ หล่อนเองก็เคยได้ยิน ไม่ผิด ฉินจือเพิ่งพยักหน้ารับ “คนขี้นินทาในบริษัทหน่ะมีเยอะแยะ ตอนที่ฉันได้ยินก็

พยายามเตือนพวกเขาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีประโยชน์ อะไร ฉันจื่อเฟิงเบะปาก ในใจรู้สึกหมดหวัง

เสนอเวยยิ้มอย่างโลกสดใส : “ไม่ต้องไปใส่ใจเรื่องนี้หรอก ความสัมพันธ์ของฉันกับเซ็งเจ๋อเฉิงไม่ค่อยจะดีจริงๆ มัน

คือความจริง

ฉินจือเพิ่งได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็เกิดความแปลกใจขึ้นมา แต่ทำไมฉันได้ยินท่านประธานพูดเหมือนพยายาม

ปกป้องคุณนะคะ”

เสิ่นอีเวยอึ้งไปเล็กน้อย : “อะไรนะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ