นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 135 คุณปู่เพิ่งป่วยหนัก



บทที่135คุณปู่เซิ่งป่วยหนัก

บทที่ 135 คุณปู่เพิ่งป่วยหนัก

เช้าวันต่อมา เงินอีเวยรีบเตรียมตัวไปบริษัท เธอต้องการ ไปคุยกับเพิ่งเจ๋อเฉิงให้แน่ชัดว่าถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น หลัง เกิดเรื่องขึ้นกับถานจงหนึ่ง เป็นเวยคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ ง่ายดายอะไรขนาดนั้นเลย อีกอย่างเธออยากจะไปถามให้มัน ชัดเจนกันไปเลยว่า สโมสรนั่นเป็นถิ่นของถานจงหนึ่งแล้ว ปากกาบันทึกเสียงนั่นเอาเข้าไปวางไว้ตอนไหนกันแน่?

จะพูดอีกอย่างก็คือ เงื่อนไขครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เธอ ยอมตกลงเซิ่งเจ๋อเฉิง การขอร้องเขาสองเรื่องนั่น เขาถึงเวลาที่ จะต้องเลือกมันแล้ว เธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของแต่ละ บุคคลยังคงสานต่อความสัมพันธ์กันต่อไป มันต้องจัดการ ตัดสินใจสักอย่างได้แล้ว หรือ— หยุดความสัมพันธ์ไปเลย

ยังมีเรื่องที่สำคัญที่สุดอยู่อีกหนึ่งเรื่อง เป็นเรื่องที่เธอเอง ไม่กล้าที่จะคิดเองเออเองเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เรื่องคืนนั้นที่เพิ่งเจ๋อเฉิง ส่งเธอให้กับถ่านจงหมิงนั่นมันเรื่องที่จงใจทำแบบนั้นหรือ เปล่า…

ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หัวใจของเธอยิ่งบีบรัดแน่นเหมือน

กับเป็นการแสดงความหมายอะไรออกมายังงั้น
ประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออก ขนาดของที่อยู่ในมือเป็นอีเวย ยังไม่ได้เอาไปเก็บให้เรียบร้อย เธอรีบพรวดพราวไปยังห้อง ทำงานของเพิ่งเจ๋อเฉิง ตอนที่เธอเปิดประตูออก เธออึ้งไปพัก ใหญ่

ห้องทำงานที่กว้างใหญ่กลับไม่มีใครสักคนอยู่ภายใน

ห้องทํางานเลย

เหมือนว่าเธอกำลังเดินอยู่ริมหน้าผาแล้วเท้าข้างหนึ่งก้าว พลาดผลุบลงพื้นที่ว่างบริเวณหน้าผา

เมื่อคืนเขาก็ไม่ได้กลับบ้าน แถมเมื่อคืน ในตอนคุยกันใน โทรศัพท์เขาก็ยังบอกว่าสอันจึงโทรศัพท์ โทรหาเขาบอกว่าที่ บริษัทมีเรื่องต้องให้เขามาจัดการ เงินอีเวยเลยเดินออกจาก ห้องทํางานเพิ่งเจ๋อเฉิง

เธอคิดว่าจะไปถามสวอันฉิงที่ห้องทำงานของหล่อนตรงๆ เลย ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอหล่อนตรงมุมห้องพักดื่มน้ำชา

สอนฉิงจ้องมองเสิ่นอีเวยสีหน้ายิ้มระริกระรี้ : “นี่เกิดเรื่อง อะไรขึ้นอีกล่ะ? เดินยังกับพายุพัดตึงดังขนาดนี้เนี่ย!

เงินเลยไม่อยากพูดกับหล่อนให้มากความเลยถาม เห็นบอกว่าที่บริษัทมีเรื่องที่ต้องเข้ามาจัดการ

หล่อนตรงๆไปเลย เมื่อคืนวานเธอเรียกเพิ่งเจ๋อเฉิงไปใช่ไหม

สวอนจิงหัวเราะราก่อนแล้วค่อยตอบเธอกลับ : “ใช่ เรื่องตามนั้นแหละไม่ผิดไปหรอก ทำไมหรอ?”

มี
“งั้นตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนล่ะ?”

สอันจิงหัวเราะอย่างเย็นชาใส่เธอ “ฉันมันก็แค่ผู้อำนวย การสวี ไม่ใช่เลขาฯส่วนตัวของท่านประธานเชิง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำไมเธอไม่ไปถามหลินอวี้เอาล่ะ?”

เสิ่นอีเวยที่รีบตามหาตัวเพิ่งเจ๋อเฉิงให้เจอเลยไม่มีเวลามา ต่อความยาวสาวความยึดกับสวอันจึงต่อเธอเดินพรวดพราด เดินผ่านด้านหน้าของสวีอันจึงไปเลย

เดินผ่านได้เพียงสองก้าวเสียงสวอันนึงก็ดึงสะท้อนมาจาก ด้านหลัง : “ตอนนี้สภาพเธอก็ดูดีนะ เมื่อคืนคงไม่ได้เกิดเรื่อง อะไรขึ้นมั้ง ถือว่าเธอโชคดีดี!”

เสิ่นอีเวยฟังจากสิ่งที่สอันจึงพูดถึงกับตกใจ ร่างกาย หยุดนิ่งอยู่กับที่เท้าก็เช่นกัน หล่อนหันศีรษะกลับไปจ้องมองส อันนึง สีหน้าของเงินอีเวยดูตกใจมากจนขนาดที่ว่าไม่สามารถ ปิดบังมันไว้ได้เลย : “เมื่อครู่เธอพูดว่าอะไรนะ?

สอนฉิงยิ้มเยาะตอบกลับอย่างถากถาง “ฉันบอกว่าเธอ นี่โชคช่วยจริงๆ ตกอยู่ในมือคนอย่างถางจงหนึ่งแล้วหนีรอด กลับออกมาได้อีก”

เสียงเสิ่นอีเวยเริ่มสั่นเทา : “ทำไมเธอรู้เรื่องเมื่อคืนนี้ได้

สอนฉิงยิ้มอย่างเรียบง่าย : “สองวันก่อนหน้านี้ ตอนที่ ฉันรายงานเอกสารการทำงานให้ท่านประธานทราบ ตอนนั้น พูดเรื่องการร่วมลงทุนกับถ่านจงหมิงอยู่บ้าง ท่านประธานเลย พูดขึ้นมาว่าจะพาเธอไปคุยงานกับท่านประธานด้วย ฉันเลยรู้เรื่องเข้าแค่นั้นแหละ

ในใจเสิ่นอีเวยมันมีความรู้สึกที่ยากต่อการอธิบายออกมา ได้ เพราะเธอไม่คิดเลยว่าสอันจึงจะรู้เรื่องที่เมื่อคืนที่เธอกับ เพิ่งเจ๋อเฉิงไปพบถานจงหนึ่ง เธอได้แต่จ้องมองสอันนึงด้วย สายตาเยือกเย็นแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

อยู่ดีๆก็นึกขึ้นมาได้ถึงการเข้าร่วมการแข่งขันการ ออกแบบชุดแต่งงาน เสิ่นอีเวยเลยหันศีรษะกลับไปถาม : เรื่องการแข่งขันการออกแบบชุดแต่งงานไปถึงไหนกันแล้ว?

สอนฉิงหัวเราะตอบ: “เงินอีเวย ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้อำนวย การฝ่ายออกแบบของบริษัทเพิ่งซื้อแล้วนะ นี่มันงานของฉันไม่ ต้องให้คนอย่างเธอมาสอบถามฉันแล้ว?

สีหน้าของเสิ่นอีเวยกลับแปรเปลี่ยนไป เธอฉีกยิ้มตอบ กลับแทน: “ผู้อำนวยการสว รู้สึกว่าเธอจะกลัวว่าเอาตำแหน่ง ตัวเองวางผิดไปนิดนะ? ไม่ผิดหรอก ตอนนี้ฉันไม่ใช่ผู้อำนวย การฝ่ายการออกแบบอีกแล้ว แต่เธออย่างลืมนะ”

น้ำเสียงของเธอค่อยๆสูงขึ้น : “ตอนนี้ฉันเป็นคนที่เพิ่งเจือ เฉิงเลื่อนตำแหน่งให้เป็นถึงรองประธานบริษัทเพิ่งซื้อ! อีกอย่าง ตำแหน่งของเธออยู่ภายใต้การดูแลของฉัน เธอยังกล้ามาคุย เรื่องงานของฉันให้พอเป็นพิธีแบบนี้อีกหรอ ฉันแค่ถามคำถาม เดียวเรื่องการออกแบบการแข่งขันชุดแต่งงานว่าไปถึงไหนกัน แล้วหรือว่ามันไม่ควรตรงไหนหรอ!”

น้อยครั้งนักที่เสิ่นอีเวยจะโมโหในที่สาธารณะได้ขนาดนี้ยิ่งเสียงที่เริ่มดังขึ้นทำให้ผู้คนโดยรอบสนใจมาดู ทุกคนต่าง มาดูเหตุการณ์ข้างๆ

ในใจสอันจึงรู้ดีถึงตำแหน่งตอนนี้ของเส้นอีเวย แต่ผู้คน มากมายต่างรายล้อมมาดูฉากตลกนี้เข้า เหมือนตัวเองถูกหัก หน้า ในใจเลยคิดหาความคิดอันตรายขึ้นมาแทนที่

หล่อนเบ้ปากขึ้นเหมือนหัวเราะเยาะ “อ้อ ดีนะที่เธอรู้ตัว ว่าตัวเองเป็นถึงรองประธานบริษัทหนะ แต่ว่าเธอลองเบิกตาดู ได้เลย อำนาจในมือเธอมันมีอยู่จริงๆหรอ? ตอนนี้เธออยู่ริษัท ทำอะไรได้บ้างหรือทำอะไรไม่ได้บ้าง ฉันเชื่อว่าในใจเธอเองก็รู้ ดีอยู่แก่ใจใช่ไหม?”

คำพูดกระแทกแตกดันของสอันจึงไม่เพียงแสดงออกได้ อย่างชัดเจน ผู้คนที่อย่างรอบข้างต่างก็มีเสียงหัวเราะเยาะและ พูดถกเถียงกัน ใจเสิ่นอีเวยกำลังก่อพายุที่กำลังพัดถาโถมเข้า ที่จริงทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์ต่างรู้ดีว่าสิ่งที่สอันจึงพูดนั้น มันความถูกต้องที่สุดแล้ว แต่ปกติด้วยสถานะของเงินอีเวยใน บริษัทนั้นไม่มีคนกล้าที่จะถกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด

“เพิ่งเจ๋อเฉิงเลื่อนตำแหน่งให้ฉันมีอำนาจมากมายขนาดนี้ นั่นเป็นเรื่องของเขา แต่เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะมาถามคำถามนี้ที่นี่ ฉันได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึงรองประธานบริษัทของบริษัทเชิงชื่อ งั้นสิ่งที่ฉันต้องถามคือสิ่งที่ฉันต้องถามเรื่องที่ต้องถาม

เงินอีเวยพูดได้มีน้ำหนัก ทุกคนที่ฟังอยู่ต่างไม่มีใครคิดว่า วันนี้เธอจะโมโหได้รุนแรงขนาดนี้ ตอนนี้ได้แต่เงียบนิ่งกันหมดเหมือนกับว่าสภาพอากาศยังลดลงมาเลย

เงินอีเวยกวาดสายตามองทุกคนอย่างแข็งๆแล้วหันตัว กลับเข้าห้องทำงานของตัวเองไป เธอนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานแล้ว รู้สึกได้ว่าสิ่งที่อยู่ในใจมันช่างวุ่นวายไปหมด ตอนนี้เธอแค่ อยากจะหาเพิ่งเจ๋อเฉิงให้เจอเพื่อจะได้ถามเขาเรื่องนั้นได้รู้เรื่อง รู้ราวจริงชัดเจนกันไปเลย

ไม่งั้นเธอคิดว่าตัวเธอเองคงสงบลงไม่ได้

เงินอีเวยหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วโทรศัพท์ หาเพิ่งเจ๋อเฉิงมันดังรอสายอยู่สามครั้งฝั่งนั้นถึงรับสายได้

“ฮัลโหล”

เงินอีเวยรีบถามตรงๆ: “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?

“มีธุระอะไร?”

ช่วงนี้เกิดเรื่องต่างมากมายวุ่นวายอุตลุดไปหมดเหมือน กับกำลังดูภาพยนตร์อยู่แบบนั้น ในหัวเสิ่นอีเวยปรากฏภาพ ขึ้นมาแบบนั้น อยู่ดีอารมณ์ของเธอก็ตึงเครียดขึ้นมา โดย เฉพาะน้ำเสียงที่เริ่มแสดงออกความไม่เกรงใจเท่าไหร่ “ฉันมี เรื่องต้องถามคุณ คุณรีบมาโผล่ให้ฉันเห็นหน้าคุณตอนนี้?

เสียงในโทรศัพท์เพิ่งเจ๋อเฉิงเงียบไปสักพักและถึงได้ หัวเราะเยาะขึ้นมาแทน : “เงินอีเวยเธอไม่ได้ถูกใครแหย่มาใช้ ไหม?ฉันจะไปไหนต้องแจ้งเธอด้วยหรอ?เธอมีสิทธิ์อะไรที่มา ออกคำสั่งให้ฉันไปโผล่หน้าเธอในตอนนี้เนี่ย?”
เงินอีเวยถูกเขาถามจนเป็นใบ้ไปไม่มีเสียงจะตอบ ได้แต่ ถามเขาอ้อมๆไปว่า : “ตอนนี้คุณอยู่ไหน?”

“ฉันอยู่ที่หวายหลี่วิลล่า”

เงินอีเวยได้ยินชื่อของสถานที่ถึงกับตกใจไปพักหนึ่ง

หวายหลี่? คุณเป็นอะไร ?

เสียงปลายสายเงียบไปสักพักใหญ่ น้ำเสียงทุ้มต่ำลงไป เยอะ : “คุณปู่ป่วยหนัก หมอบอกว่ามีเวลาไม่มากเท่าไหร่แล้ว

แหละ”

ในหัวเสิ่นอีเวยถึงกลับมีเสียงเพลงดังขึ้นมา เหมือน กลางกระหม่อมอยู่ดีๆก็ถูกฟ้าฟาดเข้าให้อย่างจัง

“คุณ…คุณพูดว่าอะไรนะ?

น้ำเสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ค่อยกระตือรือร้นที่จะตอบกลับ สักเท่าไหร่ “ฉันไม่อยากพูดซ้ำสองรอบ

โทรศัพท์ส่งเสียงสายไม่ว่างออกมาแทน เพิ่งเจ๋อเฉิงเขา

ตัดสายทิ้งไปแล้ว

โทรศัพท์ที่อยู่ในมือเงินอีเวยสั่นระริก เธอคิดถึงสิ่งที่เพิ่ง เจ๋อเฉิงพูดออกมาว่ามีเวลาไม่มากแล้ว ทำไม… คราวก่อน ที่มายังดีๆอยู่เลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ