นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 87 เซิ่งเจ๋อเฉิงที่ควบคุมตัวเองไม่ได้



บทที่87เชิ่งเจ๋อเฉิงที่ควบคุมตัวเองไม่ได้

บทที่ 87 เซิ่งเจ๋อเฉิงที่ควบคุมตัวเองไม่ได้

เพิ่งเจ๋อเฉิงลงมาจากรถ เขาสวมสูทสีดำ ร่างของเขาอยู่ใน เงามืด แต่ก็ยังคงแผ่รังสีความอำมหิตออกมา

ประธานหวางและประธานฝังกลัวจนไม่กล้าเอ่ยปากพูด อะไรตั้งแต่แรก ไม่รู้ว่าประธานเพิ่งจะมาไม้ไหนอีก เขาเองเป็น

คนยอมรับให้พวกเขาพาเสิ่นอีเวยไปได้ แต่พอมาตอนนี้เขา

กลับมายืนขวางทางพวกเขา

แต่ด้วยอำนาจบารมีของเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้น พวกเขาก็ไม่กล้า จะพูดอะไรมาก

“ท่าทางพวกคุณจะอารมณ์ดีทีเดียวนะ” น้ำเสียงของเขา เห็นได้ชัดว่ากำลังแกล้งถามพวกเขา

เมื่อถูกเขาถามอย่างนี้ ท่าทางเมื่อสักครู่ที่หยิ่งยโสคึก คะนองก็หายวับไปทันที “เอ่อ ไม่มีๆครับ ประธานเซิ่งมาหาเรา ถึงที่นี่ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรรึเปล่าครับ”

เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ตอบพวกเขา ไม่แม้แต่จะมองพวกเขาที่กลัว ตนตัวสั่นด้วยซ้ำเขาเดินไปด้านข้างรถ

มองผ่านกระจกด้านข้างเข้าไป เขาเห็นร่างของเสิ่นอีเวย นอนอยู่บนเบาะหลัง แก้มสองข้างของหล่อนแดงเพราะฤทธิ์เหล้า คิ้วขมวดเล็กน้อย เหมือนว่าหล่อนจะไม่ค่อยสบายนัก เห็นแล้วก็รู้โดยทันทีว่าหล่อนเมา

ไม่รู้ทำไม ในใจของเซิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนมีไฟปะทุขึ้น เขา มองหญิงสาวบนรถเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเปิดประตูรถแล้วอุ้ม หล่อนออกมา ร่างของหล่อนร้อนผ่าว

เขาหันกลับไปมองหน้าประธานหวางและประธานเฝิง สายตาเชือดเฉือนประหนึ่งคมมีด ก่อนจะตะคอกออกมาด้วย เสียงเย็นชาว่า” ไปให้พ้น”

เห็นท่าทีแบบนี้จองเขาแล้ว ต่อให้ทั้งสองคนจะคึกคะนอง ขนาดไหน ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดอะไรแม้แต่น้อย คนที่เป็น เจ้าพ่อทางด้านธุรกิจอย่างเขา หากคิดจะต่อกรกับพวกเขานั้น เป็นเรื่องที่ง่ายนิดเดียว พวกเขาเองก็ไม่โง่ขนาดที่จะเอาชีวิตตัว เองไปเสี่ยงด้วย

รถของเชิ่งเจ๋อเฉิงหยุดอยู่ที่หน้าประตูของโรงแรมแห่ง หนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาดึกมากแล้วแต่อาคารบ้านเรือนที่นี่ยัง คงสว่างไสว สมองของเสิ่นอีเวยยังคงสลืมสะลือ จากเดิมที่รู้สึก เวียนศีรษะมากอยู่แล้ว มาตอนนี้เมื่อถูกคนอุ้มก็ยิ่งเหมือนบ้าน หมุนขึ้นไปอีก

มือเท้าของหล่อนกวัดแกว่งไปมาในอ้อมกอดของเซิ่งเจ๋อ เฉิง จนเขาเองก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา จึงต้องหล่อนนิ่งแล้วพูดว่า “ทางที่ดีคุณช่วยสงบเสงี่ยมหน่อยได้มั้ย”

แน่นอนว่าคนที่เมาไม่ได้สติอย่างหล่อนไม่รู้เรื่องในสิ่งที่เขาพูด หล่อนแค่รู้สึกเหมือนว่าตัวหล่อนเบาขึ้นโยกไปมา เหมือนนั่งอยู่บนชิงช้า ปลายจมูกยังได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคย

หล่อนพยายามซุกเข้าไปไปในอ้อมกอดนั้นเพิ่งเจ๋อเฉิง ชะงักไปพักหนึ่ง นัยน์ตาแฝงอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่

ชัดเจนนัก

คีย์การ์ดรูดเบาๆ ประตูก็ถูกผลักออก สิ่งที่ปรากฏแก่ สายตาสิ่งแรกก็คือผนังหน้าต่างบานใหญ่ นี่คือห้อง luxury suites ชั้นที่30ของโรงแรม จากตรงนี้สามารถมองเห็นวิวของ เมืองได้เกือบทั้งหมด

เพิ่งเจ๋อเฉิงวางเสิ่นอีเวยลงบนเตียง เบาๆ แล้วพินิจ พิจารณาหล่อนอยู่ข้างๆเตียง เสื้อคลุมกับเสื้อเชิ้ตตัวในมีคราบ ไวน์เต็มไปหมด ในห้องเองคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นไวน์ เขาคิดไม่ ออกเลยว่าหล่อนถูกกรอกไวน์ไปมากแค่ไหน

คิ้วของเสิ่นอีเวยกระดกขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากเผยอออกมา ๆ เหมือนกำลังหาอากาศหายใจ เซิ่งเจ๋อเฉินรู้สึกแปลกใจที่ เบา ครั้งนี้หล่อนเมาอย่างสงบเสงี่ยม เขาคิดมาตลอดว่าเวลาคน อย่างหล่อนเมาคงจะเสียงดังอาละวาด ไม่คิดว่าจะเรียบร้อย ขนาดนี้

เพิ่งจะคิดแบบนี้ได้ไม่นาน เสิ่นอีเวยก็พลิกตัว จับชายเสื้อ สูทของเขากระชาก คนที่เวลาเมาจะมีแรงมากกว่าปกติมาก เซิ้งเจ๋อเฉิงที่ไม่ได้ทันตั้งตัวจึงล้มทับร่างของเสิ่นอีเวยบนเตียง

“โอ้ย”
ด้วยน้ำหนักของเซิ่งเจ๋อเฉินที่ล้มลงมาโดยไม่ทันตั้งตัวนั้น ทำให้หล่อนร้องออกมาด้วยความเจ็บแต่ก็ไม่ได้ทำให้หล่อน ได้สติตื่นขึ้นมา

ฉับพลันนั้นคิ้วของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ขมวดเข้าหากัน เขาได้กลิ่น ไวน์จากตัวหล่อน มองหล่อนนึ่งอยู่อย่างนั้น

“อืม ฉันจะดื่มอีก”

แขนเรียวเล็กของหล่อนเกี่ยวกระหวัดรอบคอของเขา ระยะห่างระหว่างทั้งสองเขยิบเข้ามาใกล้ขึ้น เซิ่งเจ๋อเฉิงได้กลิ่น หอมอ่อนๆจากลมหายใจหนักหน่วงจองหล่อน ทั้งสองนอนอยู่ บนเตียง แสงไฟส่องกระทบผนังห้องเกิดเป็นเงาของทั้งสอง ทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่นขึ้นมา

เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้สึกคอแห้ง อยากจะลุกขึ้นมาดื่มน้ำ แต่ว่าเสี่ นอีเวยล็อคคอเขาไว้แน่นไม่ปล่อย เวลานั้นเองที่ริมฝีปากทั้ง สองสัมผัสกัน เสิ่นอีเวยเอียงศีรษะ ปล่อยมือแล้วพลิกตัวกลิ้งไป ข้างเตียง

เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดอะไรไม่ออก

ในใจเขามีความโกรธผุดขึ้นมา เขาใช้มือใหญ่บีบใบหน้า ของเสิ่นอีเวย หน้าของหล่อนถูกบีบเหมือนชาลาเปา “เธอแกล้ง ฉันเหรอ”

มือใหญ่จับที่คอเสื้อของหล่อน กระดุมถูกปลดออกที ละเม็ด จากบนลงล่าง เสื้อผ้าของหล่อนถูกเขาถอดจนหมด ตลอดเวลาที่เขาจัดการเสื้อผ้าของหล่อนนั้น หล่อนหาได้ชัดขินไม่

เพียงเสี้ยววินาทีหล่อนก็ถูกวางไว้ในอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอุ่น อยู่แล้ว เพิ่งเจ๋อเฉิงตามลงไป ช่วยหล่อนอาบน้ำทำความ สะอาดร่างกาย เหนืออ่างอาบน้ำมีดวงไฟเล็กๆ สีเหลืองนวล ซึ่ง เวลานี้แสงไฟดวงนี้ได้ส่องลงบนร่างท่อนบนของเสิ่นอีเวยพอ ดิบพอดี ผิวขาวออร่าสะท้อนผิวน้ำ เมื่อเปียกน้ำยิ่งทำให้น่า หลงใหลยิ่งขึ้นไปอีก

ทันใดนั้นเอง เพิ่งเจ๋อเฉิงหรี่ตาสายตาของเขาฉายแวว อันตรายขึ้นมา สายตาจับจ้องอยู่ที่รอยแดงบนคอขาวของ หล่อน

คือรอยจูบ

เขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกดึงอย่างแรง เป็นความ รู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน คิดถึงภาพที่เสิ้นอีเวยถูก ชายสองคนนั้นยึดอยู่ที่โซฟา เขาก็รู้สึกอยากจะฆ่าคนขึ้นมา

แต่วินาทีต่อมา คำพูดของหมอก็ลอยขึ้นมาในสมอง เส้นหุ้ยได้รับบาดเจ็บสาหัส ระยะเวลาที่จะฟื้นขึ้นมาอาจจะนาน กว่าที่ประเมินไว้ หรืออาจจะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาตลอดไป

ขณะที่มองใบหน้าของเสิ่นอีเวย เพิ่งเจ๋อเฉิงก็รู้สึกว่า ตนเองควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หล่อนเป็นใครถึงได้ทำให้เขารู้สึก สงสารเห็นอกเห็นใจได้

เขาคร่ำหวอดในสนามธุรกิจการค้ามานาน ไม่เคยรู้สึก ใจอ่อนกับใครมาก่อน ในใจลึกๆของเขานั้นเกลียดความรู้สึกแบบนี้ยิ่งนัก เห็นชัดว่าเขานั้นทำให้หล่อนอับอายแล้วมีความ สุข แต่ทำไมเวลาที่เห็นหล่อนอยู่กับผู้ชายอื่นเขากลับรู้สึกทุกข์

ทรมาน

เหมือนกับว่าเขาถูกศัตรูรุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของเขา เพียงเสี้ยววินาทีเมื่อความโกรธปะทุขึ้น เหตุผลต่างๆก็พลันดับ สลายไป

มือใหญ่ค่อยๆลูบไล้ไปตามคอเล็กเรียวของเสิ่นอีเวย มือ ของเซิ้งเจ๋อเฉิงค่อยๆเกร็งแน่นขึ้น ช่องว่างระหว่างมือและคอ ค่อยๆถูกบีบออกไป ขอแค่เขาต้องการ ผู้หญิงที่ทำร้ายเสิ่นหุ้ย ก็จะหายสาบสูญไปจากโลกนี้ตลอดกาล

เสิ่นอีเวยรู้สึกเหมือนมีก้อนสำลีอุดอยู่ในลำคอ ทำให้ หล่อนหายใจไม่ออก นี่หล่อนกำลังฝันไปใช่มั้ย

ในที่สุดความกลัวที่จะขาดอากาศหายใจทำให้หล่อนต้อง ลืมตาตื่น ใบหน้าเคร่งขรึมของเพิ่งเจ้อเฉิงปรากฏอยู่ต่อหน้า หล่อนตกใจจนแทบจะกรีดร้องออกมา แต่เพราะถูกบีบคออยู่จึง ส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้

หน้าของเสิ่นอีเวยขาวซีด อุณหภูมิของน้ำในอ่างอาบน้ำก็

ค่อยๆลดลง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ