นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 139 ทำไมต้องทำแบบนั้น



บทที่139ต้องแบบนั้น

บทที่ 139 ทำไมต้องทำแบบนั้น

เพิ่งเจ๋อเฉิงใช้น้ำเสียงพอเหมาะพอดีไม่สูงไม่ต่ำเกินไป เงินเหยียนซึ่งจะยืมเงินเธอเท่าไหร่?

อีเวยอึ้งสักพักแล้วถึงได้ตอบกลับ : “เขาไม่ได้ระบุ ตัวเลขที่ชัดเจน แต่ว่ามาขอยืมเงินฉันสองรอบแล้ว

เจ๋อเฉิงคุณเจอกันสองครั้ง กันแล้วหรอ?”

ครั้งแรกคือนั้นฉันอยู่ที่บริษัท ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจากนั้นฉัน ไม่อยากฟังสิ่งที่เขา

เพิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะเยาะเสิ่นอีเวยแล้วพูดต่อ : หากฉันเดา ไม่ผิดละก็ เขายังไม่ได้ในสิ่งที่เขาหวังไว้ เดี๋ยวก็มาหาเธอต่ออีก ไหม?”

เงินสั่นแต่ตอบกลับอย่างใจเย็น : ใช่ วันนี้เขาก็ พูดอยู่ว่าจะมาหาฉันอยู่เรื่อยๆ

“ที่แท้ก็แค่ใช้เงินมาแก้ปัญหาเท่านั้นเอง เธอก็ให้เขาไป หมดเรื่องแล้วปะ? เธออยู่ในวงการการออกแบบชุดแต่งมาตั้ง หลายปี เงินที่อยู่ในมือไม่น่าจะไม่พอให้เขายืมไหม?
น้ำเสียงแผ่วเบาของเพิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนมันทำให้รู้สึกว่าเขา ไม่ได้คิดเยอะอะไรมากมาย ในใจเสิ่นอีเวยเริ่มหนาวเหน็บขึ้น มา เมื่อครู่ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นอยู่แท้ๆ : “ทำไมคุณถึงคิดได้ เหมือนกับเงินเหยียนซึ่งล่ะ? เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าฉันมีเงินพอไหม และก็ไม่ใช่ว่าฉันใช้เงินมาแก้ปัญหาเรื่องพวกนี้ แต่ว่าฉันไม่ ต้องการเอาเงินให้กับคนแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว –

พูดถึงตรงนี้เอง เสิ่นอีเวยก็หยุดนิ่งไปสักพัก เธอจ้องมอง สายตาของเพิ่งเจอเฉิงที่เยือกเย็นขึ้นมา

“ยังมีอีก คุณไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้เรื่องงานศพของพ่อแม่ฉัน เมื่อปีที่แล้ว อาคนนี้อยู่ดีก็เริ่มบ้าคลั่งที่จะแย่งชิงทรัพย์สมบัติ ของพ่อแม่ฉัน ปีนั้นเรื่องนั้นวุ่นวายดั่งฟ้าถล่มดินทลายเลยก็ว่า ได้ อย่างน้อยคุณก็น่าจะรู้เรื่องเงินเหยียนซึ่งคนนี้มาบ้างไม่มาก ก็น้อยอยู่พอตัวใช่ไหม? สิ่งที่เขาทำคือการไม่ให้เกียรติน้อง สะใภ้ของตัวเองได้ขนาดนี้ งั้นทำไมฉันต้องให้เกียรติเขาด้วย ล่ะ?”

เพิ่งเจ๋อเฉิงฟังจบก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เสิ่นอีเวยเหมือนรู้สึก ว่ามีอะไรผิดไปหรือเปล่าเธอรู้สึกว่าการทายาของเพิ่งเจ๋อเฉิง เบามือลงไปเยอะ สักพักความคิดเริ่มกลับมาอีก

เหมือนกับบ่อน้ำลึกสมัยโบราณที่เราโยนก้อนหินลงไปมัน จะมีเสียงสะท้อนดังกลับมาหาเราเอง ในใจเสิ่นอีเวยอยู่ดีๆก็ เริ่มตื่นเต้นสั่นอย่างแรง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่สโมสรในคืน วันนั้นมันก็เหมือนกับรถไฟที่วิ่งพรวดเข้ามาในหัวของเธอ ความทรงจำทั้งหมด ในตอนนั้นก็ถูกมันชนจนแหลกเหลวไม่มีเงินอีเวยอยู่ดีก็นึกออกเรื่องที่เธออยากถามเขาตั้งแต่แรก ขึ้นมาได้ แต่หลังจากนั้นก็มีเรื่องเข้ามามากมายก่ายกองไม่ หยุดหย่อน คุณก็มาป่วยอีก เส้นเหยียนซึ่งก็มาหาถึงที่อีก….

เงินอีเวยเกลียดตัวเองที่ความจำเลอะเลือนไปมาก หล่อน รู้ดีอยู่แก่ใจว่าทั้งหมดก็เป็นเพราะว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงที่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรกหรือยังไงอยู่ดีๆ ทำความสะอาดแผลทายาให้ เธอ เมื่อก่อนเพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้มีความอ่อนโยนอะไรเลย ให้เธอ สักนิด จะมาทำแบบนี้กับเธอได้ยังไง?

ตอนนี้ในสมองของเธอเหมือนกับเข้าสู่วังวนของความ ยากลำบากอยู่สองอย่าง หล่อนเกลียดความรู้สึกแบบนี้จริงๆ เลย รู้อยู่ว่าคนที่ทำความผิดคือเพิ่งเจ๋อเฉิง แต่ตอนนี้เขาก็แค่ เช็ดแผลทายาให้เธอเท่านั้นเอง เธอก็เอาพฤติกรรมก่อนหน้า นั้นของเขาปล่อยทิ้งลืมไปแล้ว

เสิ่นอีเวยรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา

เธอแต่งงานกับเซ็งเจ๋อเฉิงมาสองปีเหมือนโดนตบหัวแล้ว มาลูบหลังทุกครั้งที่มีเรื่อง หล่อนรู้ดีว่าเขามาจะทำแบบนี้มา โดยตลอด เมื่อก่อนทุกครั้งเธอทนได้ แต่ตอนนี้ไม่ทนมันอีกต่อ ไป เธอจะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีและโอกาสให้เพิ่งเจ๋อเฉิงอีกต่อไป

เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ง่วนอยู่กับการใช้มือทายาให้เป็นเวย เสี นอีเลยพยายามใช้แรงหลบเลี่ยงการกระทำของเขา มือของเพิ่ง เจ๋อเฉิงก็หยุดล่องลอยอยู่ในอากาศแทน เขารู้สึกได้ว่าหล่อนกำลังปฏิเสธเขาอยู่เลยหันไปมองได้แต่ทำสายตามองเสิ่นอีเว ยอย่างเย็นยะเยือกแทน

ทั้งคู่ต่างรู้อยู่แก่ใจแต่กลับไม่พูดมันออกมาเท่านั้นเอง

สักพัก เงินอีเวยเลยถาม : “คืนนั้นทำไมคุณพาฉันไปพบ ถานจงหมิง?” บรรยากาศโดยรอบเงียบสนิท

เพิ่งเจ๋อเฉิงเบนสายตาของที่อยู่ในมือเก็บลงกล่อง อย่างดี – น้ำเสียงตอบเธออย่างปกติ : “ตอนนั้นไม่ใช่ว่าตกลง กันแล้วไม่ใช่หรอ? ลูกสาวของถานจงหมิงต้องแต่งงาน เขา หวังว่าจะได้คำแนะนำเรื่องชุดแต่งงาน…..

“พอสักทีเถอะ”

เงินอีเวยพูดแทรกเขาอย่างเย็นยะเยือก

“เพิ่งเจ๋อเฉิง คุณคิดว่าฉันโง่มากนักหรือไงกัน? แต่ความ สามารถในการดูคนโกหกให้ออกได้ไม่มีเลยหรอ?”

เมื่อก่อนเสิ่นอีเวยไม่ชินเลยจริงๆกับการต่อปากต่อคำกับ เขา แต่ด้วยการที่ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยนับครั้งไม่ถ้วนจนหล่อน สามารถสู้รบตบมือทะเลาะกับเขาได้โดยที่สีหน้าไม่ถอดสี ขนาดใจยังไม่กระโตกกระตากอะไรมาก

“ถ้าคุณไม่ได้โกหกฉันละก็ งั้นคุณตอบฉันมาที่ว่าทำไม ตอนที่หลินอเข้ามาในตอนท้ายนั่นถึงได้หยิบปากกาอัดเสียง จากโต๊ะมาด้วยค่ะ? คุณนัตถานจงหมิงมาคุยเรื่องงาน แท้จริง แล้วคุณคิดจะทำอะไรกันแน่?
เสิ่นอีเวยคิดออกมาอย่างเป็นระบบ หล่อนพูดสิ่งที่อยู่ใน ใจออกมาทั้งหมด

การถามซักไซ้จากเงินอีเวย ทำให้สีหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิง ค่อยๆยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สายตาของเขาเหมือนมีดปลายมีด แหลมคม เสิ่นอีเวยสบสายตากับเขา ประหนึ่งว่าดวงตาของตัว เองนั้นได้รับบาดเจ็บจากการมองอยู่เนืองๆ

เพิ่งเจ๋อเฉิงมองหล่อนอย่างเย็นชาแล้วก็ใช้มือปิดกล่องยา ลงอย่างหนักหน่วง มันเกิดเสียงดัง “ปีก” คราวนี้เป็นอีเวยไม่ได้ ตกใจอะไรเลย เธอยังคงจ้องมองเพิ่งเจ๋อเฉิงเพื่อรอคำตอบจาก เขาอยู่

น้ำเสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงดูโมโหอยู่ไม่น้อย : “เธออยากจะ พูดอะไรกันแน่?”

เงินอีเวยหัวเราะแห้งๆ หัวใจเหมือนโดนมือทั้งสองข้าง บีบรัดไว้แน่นจนเจ็บจี๊ด ในที่สุดก็เป็นเธอที่ยอมเปิดปากรอย แผลที่บาดลึกอยู่ในใจด้วยตัวของเธอเอง : “ที่ฉันอยากบอก

เพิ่งจะเริ่มอ้าปากพูด จมูกก็แสบไปก่อนหน้านั้นแล้ว

“ในคืนนั้น คุณจงใจที่จะส่งฉันให้ไปอยู่ที่นั่นกับถ่านจงห มิง จากนั้นก็จงใจที่จะออกจากที่นั่นใช่ไหม? ที่จริงแล้ว ที่บริษัท ไม่มีเรื่องให้เข้ามาจัดการใช่ไหม คุณก็แค่หาเหตุผลมาเพื่อจะ ได้ออกจากที่นั่นใช่ไหม?”

เงินอีเวยคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจมากที่สุดแล้ว แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดกับเป็นสิ่งที่เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดมันออกมา ที่ทำให้เธอเจ็บปวดหนักกว่าเก่า

“เงินอีเวย งั้นฉันก็จะบอกความจริงกับเธอก็ได้ เธอชอบ เข้าข้างตัวเองไปเรื่อย ถ้าฉันจะต้องออกไปจากที่นั่นจริงๆ ทำไม ฉันต้องหาเหตุผลมาให้เธอเชื่อด้วยหรอ? ส่วนคำถามข้อแรก ของเธอ ตอนนี้ฉันจะบอกเธอให้นะ ใช่ ฉันจงใจที่จะเอาตัวเธอ ส่งให้ถานจงหมิงที่นั่นแหละ”

เสิ่นอีเวยถึงกับตกใจที่ใครสักคนจะพูดเรื่องที่เขาทำเรื่อง แย่ๆไว้ แล้วทำไมถึงได้นิ่งได้ขนาดนี้ เหมือนกับว่าตัวเองไม่เคย ทําเรื่องมาก่อน

ทำไมทำแบบนี้… คุณรู้ใช่ไหมว่าคนอย่างถานจงหนึ่ง เขาเป็นคนยังไง?” ดวงตาของเธอเริ่มแดงขึ้น น้ำเสียงสั่นเทา ยากต่อการควบคุม

ขนตาเซิ่งเจ๋อเฉิงขยับเบาๆ สายตายังคงหยุดอยู่ที่ใบหน้า ของเสิ่นอีเวยแล้วเอ่ยด้วยคำพูดสบายๆ : “ฉันรู้สิ เขาเป็นคน เจ้าชู้แถมยังมีความชื่นชอบเฉพาะตัว

หัวใจเสิ่นอีเวยเริ่มบีบรัดแน่น เธอมองสายตาของซ่งเจ๋อ เฉิงที่ในนั้นมันยากแก่การเชื่อถือได้

ตอนอยู่ที่บริษัท เธอได้ฟังจากปากของสอนฉิงว่า เพิ่งเจอ เพิ่งเคยบอกกับเธอว่าเขาจะพาหล่อนไปพบปะพูดคุยกกับถ่าน จงหนึ่ง แต่สอันจึงไม่ได้เอ่ยเรื่องลักษณะนิสัยของถามจงหม งกับเพิ่งเจ๋อเฉิงแต่อย่างใด เสิ่นอีเวยเลยคิดว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงไม่รู้จักนิสัยของเขาเลยพาหล่อนไปด้วย

แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว ไม่ใช่ที่คิดไว้ตั้งแต่แรกเลย เพิ่ง เจ๋อเฉิงก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าถานจงหมิงจะทำอะไรกับเธอบ้าง แต่ เขาก็ยังพาเธอไปแถมยังทิ้งหล่อนไว้ที่นั่นอีกด้วย

ตอนนี้ เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเกือบจะหมดลม

หายใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ