นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่343ชายสูงใหญ่สองคนถูกจัดการ



บทที่343ชายสูงใหญ่สองคนถูกจัดการ

บทที่ 343 ชายสูงใหญ่สองคนถูกจัดการ

อันที่จริงไม่ได้อยากจะกินซุปหัวหอมเท่าไหร่นักหรอก แต่ เป็นเพราะสาวน้อยน่ารักๆตรงหน้านี่แหละบรรยากาศอันอ่อน โยนทำให้ชายแกร่งสองคนรู้สึกขัดขืนไม่ได้ก็เท่านั้น

ดังนั้นชายร่างสูงใหญ่และต้าหลิวทั้งสองคนต่างกลืนซุป หัวหอมที่เหมียนเหมือนป้อนให้คนละคำสองคำ

ทว่าแทบจะในเวลาเดียวกันพวกเขาสองคนก็พบปัญหาข้อ หนึ่ง นั่นก็คือหลังสาวน้อยป้อนน้ำซุปให้พวกเขาคนละคำแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ขยับซ้อนในมือของตัวเองอีกเลย

เหมียนเหมียนเอาแต่ถือแฮมเบอร์เกอร์อยู่ในมือของตัว เองแล้วกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้น สาวน้อยก็ไม่ได้เริ่ม เปิดหัวข้ออะไรขึ้นมาอีกเลย ชายหนุ่มทั้งสองคนกลับไม่รู้สึกถึง ความผิดปกติที่เกิดขึ้น

นึกแค่ว่าเด็กน้อยไร้เดียงสาคงเล่นมานานแล้ว จึงเริ่ม เหนื่อยบ้างก็แค่นั้น

แต่ว่าประมาณสิบนาทีหลังจากนั้น ชายร่างสูงใหญ่ก็พบ ว่าร่างกายของตนเองมีบางอย่างผิดปกติ เพราะว่าท้องของเขา เริ่มรู้สึกปวดขึ้นมา ตอนเริ่มแรกความรู้สึกเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย เขาแทบไม่ได้สนใจนัก เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ความเจ็บปวดแบบนั้นยิ่งนานไปยิ่งหนักหน่วงขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว ขายร่างสูงใหญ่ก็ทนต่อไปอีกไม่ได้จริงๆ ความเจ็บปวดทั้งหมดเริ่มทำให้หมอบลงไป ร่างกายเกือบจะ นอนราบกับพื้น ผ้าหลิวที่อยู่ด้านข้างหลัง หลังจากที่เขา สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า เขาเป็นคนที่ไหวพริบดี เขา ถึงกลับเดินไปทางชายร่างสูงใหญ่อย่างรีบร้อน

ทว่าเขากลับเดินไปไม่ถึงสามก้าว ท้องของเขาก็เริ่มปวด ขึ้นมาจนไม่มีแรงที่จะเดินหน้าต่อได้อีก ร่างกายก็ทรุดลงไปที่ พื้น ท้ายที่สุดคนทั้งสองก็เริ่มขดตัวไปมาบนพื้น สีหน้าเจ็บปวด บนหน้าผากเองก็เริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดออกมา

เหมียนเหมียนที่ยังคงจดจ่อกับการกินแฮมเบอร์เกอร์ปลา ค็อดอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตาของเธอก็ยังคงมองผู้ชายสองคน ที่นอนบนพื้นดูเหมือนจะสูญเสียความสามารถในการ เคลื่อนไหว เธอรู้สึกดีอยู่ในใจ สาวน้อยอ้าปากกว้างและยัด แฮมเบอเกอร์คำสุดท้ายนั่นลงไปทีเดียว แถมในตอนท้ายยัง เลียริมฝีปากเล็กๆของตนเองอย่างพึงพอใจ

จากนั้นก็ปัดเศษอาหารในมือของตนเองออก เหมียนเหมื ยนกระโดดพรวดเดียวลงมาจากเตียงโซฟาและสามารถลงพื้น อย่างมั่นคง

เหมียนเหมือนก้าวเดินไปถึงหน้าผู้ชายทั้งสองคนที่กำลัง ขดตัวด้วยความเจ็บปวดแล้วนั่งยองมองดูพวกเขา ในดวงตาฉายแววทั้งดูแคลนทั้งเมตตาในเวลาเดียวกัน แต่สายตาที่ แสดงออกมากลับดูไร้เดียงสาอยู่มาก

เห็นๆอยู่ว่าเป็นเพียงเล็กน้อยอายุสี่ขวบคนหนึ่ง แต่ท่าที หยิ่งยโสแบบนั้น กลับเหมือนเจ้าหญิงน้อยที่น่าเคารพนับถือ เอาซะจริงๆ

จนถึงในเวลานี้ ชายสองคนนั้นเพิ่งจะตระหนักได้ในที่สุด ว่ามีปัญหาอย่างหนึ่งเกิดขึ้น อีกทั้งดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ความ บังเอิญธรรมดาๆทั่วๆไปแล้ว

ในที่สุดชายร่างสูงใหญ่ก็มีปฏิกิริยาตอบกลับว่าสิ่งที่พวก ตนกินลงไปมันคืออะไรนั่นแหละ เขาพยายามใช้แรงที่มีชี้นิ้วไป ที่เหมียนเหมียน นอกจากมีอาการความเจ็บปวดแล้วยังตัวสั่น อีกเล็กน้อย เธอ ยายหนู ใส่อะไรลงไปในซุปหัวหอม?”

ต้าหลิวก็โกรธอยู่ในใจมากเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงว่าตนเอง กับชายร่างสูงใหญ่เดินทางทำงานสายนี้มานานหลายปี จะมา ถูกเด็กน้อยอายุสี่ขวบคนหนึ่งในหัวเอาซะได้ พูดออกไปใครจะ เชื่อ!?

ทว่า เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้มันเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ต่อหน้าพวกเขานี่แหละ จนพวกเขาจะไม่เชื่อกับเรื่องที่อยู่ตรง หน้าคงไม่ได้

ตัวเขาเองก็อยากจะช่วยถามสักคำสองคำ เพียงแต่เพิ่ง พบว่าตัวเองไม่มีแรงแม้แต่จะอ้าปากพูด
เหมียนเหมียนมองตาหลิวที่มีอาการอึดอัดพูดไม่ออกจึง ให้คําแนะนําด้วยความปรารถนาดี” เด็กน้อยเอ่ยว่า “อาต้า หลิว หนูขอแนะนำว่าอย่าพูดดีกว่า เก็บแรงไว้เถอะค่ะ”

เมื่อฟังประโยคนี้จบ ทั้งสองคนกลับยิ่งโกรธมากกว่าเดิม ทว่ากลับไม่สามารถปลีกตัวมาดูเหมียนเหมือนที่กำลังเดินไป ยังหนาประตูได้เลย

พวกเขาอยากจะหยุดเธอเอาไว้ ทว่าในตอนนี้ก็หยุดเธอไว้ ไม่ได้เลย

เหมียนเหมือนที่กำลังเดินไปข้างหน้าก็หันศีรษะกลับไปพูด กับพวกเขา “อาสองคน ถึงแม้หนูจะอายุยังน้อย ยังไม่มี คุณสมบัติมาสอนพวกอาได้เลย เพียงแต่หนูอยากพูดประโยค หนึ่ง คราวหน้าหากมีการลักพาตัว อย่าเมตตาคนมากเกินไป ถึงแม้จะเป็นเด็กเล็กอายุเท่าหนูก็ตามที

ชายร่างสูงใหญ่และต้าหลิวแต่ละคนกุมท้องของตัวเอง พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดต่างมองอีกฝ่ายผลัดกันไปมา ในเวลานี้เองในใจของพวกเขาสองคนต่างกับมีอาการเหมือน กันจวบจนถึงตอนนี้ก็ตาม พวกเขาล้วนไม่อยากจะเชื่อว่า ตนเองจะตกอยู่ในกำมือของเสิ่นเหมียนสาวน้อยอายุสี่ขวบคน

สมองของดาราเด็กช่างฉลาดหลักแหลมมาก แต่ว่านี่มัน เด็กอัจฉริยะชัดๆ! หรือจะเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์กันแน่! ชายร่างสูงใหญ่และต้าหลิวทรมานกับความเจ็บปวดอยู่เรื่อยๆ หากวันนี้เรื่องน่าอับอายนี้แพร่ออกไป จากนี้พวกเขา สองคนก็อย่าคิดว่าจะมีคนจ้างงานอีกเลย

นี่ไม่ใช่ว่าทุบหม้อข้าวตัวเองหรือ

สาวน้อยผมหยักศกสะพายกระเป๋ากระต่ายขนปุยใบเล็ก ก้าวพรวดจนถึงหน้าประตู แล้วหันหลังกลับมามองคนที่กลิ้งอยู่ บนพื้นด้วยความเจ็บปวดทั้งสองคนด้วยประโยคสุดท้ายที่ว่า : “จริงสิ เงินที่พวกอาซื้อแฮมเบอร์เกอร์ปลาค็อดกับซุปหัวหอม นั่น หนูจะให้ผู้จัดการของหนูจ่ายเงินคืนให้พวกอาเอง อย่างไร ก็ตาม พวกเขาออกมาทำงานแบบนี้ก็ลำบากมากอยู่แล้ว หนู เข้าใจหัวอกของคุณอานะ!”

ชายร่างสูงใหญ่และต้าหลิวที่นอนอยู่บนพื้นตกตะลึงไปอยู่ นาน เพราะว่าพวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดพวกนี้ จะออกมา จากปากของสาวน้อยวัยสี่ขวบ

ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องเกิดขึ้นกับตนเอง พวกเขาไม่มีทางเชื่อ

แน่!

เหมียนเหมือนที่เพิ่งเดินออกจากโกดัง ก็เตรียมหยิบ โทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าผ้าใบเล็กของตนเองเพื่อที่จะโทร หาหยางอันหวาน เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในโกดังไม่ได้โทรหาเขา เพราะเธอรู้ว่าถ้าหยิบโทรศัพท์ออกมา เจ้าสองคนนั้นต้องยึด ไปแน่ ถึงตอนนั้นเธอก็จะขาดอุปกรณ์ที่ไว้ใช้ติดต่อกับโลก ภายนอกไปเลย

ทว่าช่วงที่เหมียนเหมียนเพิ่งจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากระต่ายนั้น โสตประสาทกลับได้ยินเสียงผู้ชายเสียง หนึ่งดังขึ้นมาแทน อีกทั้งยังรู้สึกคุ้นหูอยู่บ้าง

คุณหนูเพิ่ง ขออภัยเป็นอย่างสูงที่พวกเรามาช้าไป!” เป็น เสียงของหลินอวี้

สาวน้อยน่ารักจิ้มลิ้มพริ้มเพราถึงกับกรอกตากลมดวงนั้น แทน คิดแล้วคิดอีกว่าเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าก่อนดีกว่า แล้วยกเลิกความคิดที่จะโทรหาหยางอันทราน

หลินอพากลุ่มบอดี้การ์ดชุดสีดำรับสาวให้ถึงหน้าเหมือน เหมียน โดยไว แล้วก้มหน้าลงมองสาวน้อยก่อนนึกขึ้นมาได้ ว่าการกระทำแบบนี้ไม่ค่อยจะสุภาพกับคุณหนูใหญ่สักเท่าไหร่ จากนั้นหลินอวี้ก็รีบนั่งยองๆทันที เหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้าน หลังเห็นหลินอวี้เอาใจใส่เป็นพิเศษถึงกับทำตามกันเป็นแถว

ดังนั้นภาพตรงหน้าเหมียนเหมียนจึงมีความตลกขึ้นมาใน ทันที ผู้ชายร่างสูงใหญ่กลุ่มหนึ่งนั่งยองๆ พูดคุยอยู่ตรงหน้าเธอ สีหน้าของทุกคนต่างดูกังวลเอามาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ตรงหน้าเธอนี่แหละ ตอนที่แม่ พาตนเองกลับประเทศวันแรกนั้นก็มีคุณอาที่เล่นกับเธออยู่คน เดียวในตอนนั้น เดี๋ยวนะ เขาชื่ออะไรนะ หลินอวี้หรอ?

“คุณใช่อาหลินหรือเปล่าคะ?” ดวงตากลมโตของสาว น้อยเปล่งประกายแวววาวช่างน่ารักที่สุด

หลินอวถึงกับชะงัก สักพักถึงได้สติเหมือนว่าเหมียนเหมียนกำลังถามตนเองอยู่ แล้วจึงตอบกลับอย่างรวดเร็ว: “คุณหนู ใหญ่ไม่จําเป็นต้องเกรงใจผมขนาดนั้นครับ ผมหลินอ เรียกชื่อผมก็พอแล้วครับ คุณหนู

เหมียนเหมียนสายศีรษะเล็กๆ ของตนเองเบาๆ แล้วกล่าว ด้วยท่าทีจริงจังว่า “ไม่ได้หรอกค่ะ แม่เคยบอกหนูว่า ต้องรู้จัก เคารพผู้ใหญ่เมตตาผู้เยาว์วัย

หลักการต่างๆ ออกมาพรั่งพรูออกมาจากปากสาวน้อยเป็น ชุด เหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลินอวต่างตกตะลึง อ้าปากค้างกันเป็นแถวๆ

ก็แค่…เพราะคำพูดของเหมียนเหมียนประโยคนั้น ร่าง กายหลินอวถึงกับส่ายไปส่ายมา เคารพ…เคารพผู้ใหญ่เมตตา ผู้เยาว์วัยงั้นหรอ หรือว่าตนเองจะแก่ไปแล้วจริงๆ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ