นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 161เขาคุณไปจากมือผม



บทที่161เขาดึงคุณไปจากมือผม

บทที่ 161เขาคุณไปจากมือผม

สอันงดูจะพออกพอใจมากที่เมื่อคืนหล่อนเห็นถูกเซียวหันถึงพาเข้าไปด้านในโรงแรมนั้นด้วยตาของหล่อน เอง บวกกับที่เสิ่นอีเวยถูกวางยาด้วย ชายหญิงอยู่ด้วยกันสอง ต่อสอง คงจะหลีกเลี่ยงไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นได้ยาก

ถ้าเพิ่งเจ๋อเฉิงดูอีกแน่

เมื่อคิดได้ว่า “จริงๆแล้ว เมื่อคืนเธอ

เสียงเย็นชาปน สงสัย “เธอ

รอยยิ้มเจิดจรัสผุดขึ้นที่มุมปากของสอนฉิง” ก็เมื่อวานที่ งานเลี้ยงเธอดื่มเหล้าที่ผสมยานอนหลับไปแล้วก็ถูกเซียวหันถึง พาออกไป เธอใช้นิ้วเท้าคิดก็น่าจะคิดออกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น บ้าง”

ใบหน้าของจึงเต็มไปด้วยความสะใจ แต่อีเวยก ลับตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กเพราะคำพูดของผู้หญิงตรงหน้า หล่อนจำได้แค่ว่าเมื่อคืนหล่อนเห็นกันถึง แต่เรื่องที่หล่อน ถูกถึงพาออกไปกลับไม่มีอยู่ในหัวหล่อนเลย”
เหมือนกับมันเป็นความฝัน

เงินอีเวยเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในใจโดยที่ควบคุมไม่ ได้ หากจริงอย่างที่สอันจึงพูด หล่อนถูกวางยาแถมยังถูก เดียวกันถึงพาออกไปอีก เรื่องคงจะไม่ง่ายอย่างที่หล่อนคิดเป็น

อีกทั้งประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า สุดท้ายหล่อนทำไมถึงมาอยู่ ในมือของเพิ่งเจ๋อเฉิงได้ หล่อนจำอะไรไม่ได้เลย เรื่องทั้งหมดนี้ มันดูซับซ้อนวุ่นวายไปหมด

เสิ่นอีเวยรู้สึกสับสนไปหมดในตอนนี้

เมื่อมองเห็นใบหน้าสอันฉิงที่ดูจะสะใจมาก หล่อนก็ยิ่ง

โกรธ

ทั้งๆที่หล่อนกำลังถามสอนนิ่งอย่างสงสัยอยู่แท้ๆ น้ำ เสียงหล่อนกลับแน่วแน่เด็ดเดี่ยว “สวอันนิ่ง เธอกล้าทำเรื่อง แบบนี้กับฉัน เธอไม่กลัวว่าฉันจะฟ้องเธอเหรอ”

สวอันนึงเหมือนได้ยินเรื่องที่น่าขันมากไม่มีสะทกสะท้าน อะไรแม้แต่น้อย ในแววตาหล่อนเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย สะใจ

“นี่เธอกำลังล้อฉันเล่นอยู่เหรอ ใช่ ฉันไม่ยอมรับไม่ได้ ตอนที่พ่อกับแม่เธอยังมีชีวิตอยู่นั้น ครอบครัวของเธอก็ถือว่า เป็นผู้ลากมาก ร่ำรวยอยู่หรอก แม่ของเธอก็เป็นดีไซเนอร์ชุด เจ้าสาวชื่อดัง ในระดับต่างประเทศก็ถือว่ายังพอมีชื่ออยู่บ้าง แล้วพ่อของเธอก็เป็นทนายที่มีความสามารถ แต่ว่าเงินอีเวย”
หัวใจของเงินอีเวยบีบรัดแน่น หล่อนคิดไม่ถึงว่าสอันจึง จะพูดถึงพ่อกับแม่ของเธอขึ้นมา จึงไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ก่อน

“แล้วยังไงล่ะ พวกเขาก็เสียชีวิตไปนานแล้ว พี่สาวเธอ เงินหุ้ยตอนนี้ก็นอนเป็นผักอยู่บนเตียง บ้านตระกูลเงินที่เหลือ เธออยู่เพียงคนเดียว เธอก็ไม่มีใครให้พึ่งพาอาศัยได้อีก แต่งงานเข้าบ้านตระกูลใหญ่โตอย่างตระกูลเชิง แต่ก็ไม่ได้รับ ความรักจากเพิ่งเจ๋อเฉิงแม้แต่น้อย ฉันกับเธอมันต่างกัน รู้มั้ย ว่าทำไมคนที่อยู่ในงานเลี้ยงเมื่อคืนถึงยอมทำงานให้ฉัน เพราะ บริษัทของเขากับบริษัทว่านเพิ่งของพ่อฉันเคยร่วมงานกันมา ก่อน ปีนั้นเขาได้รับการช่วยเหลือจากพ่อฉัน ดังนั้นแค่ฉันโทร ไปขอความช่วยเหลือจากเขา ทำให้เขาตอบรับค่าขอร้องฉัน นั่นเอง”

ตัวเองเป็นคนทําร้ายคนอื่นก็ไม่ควรจะได้รับการให้อภัย อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ค่าพูดเหล่านี้ออกจากปากของสอันถึงที่พูด อย่างไม่อายฟ้าอายดินแล้ว เหมือนกับเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมา ก่อน

ใจของเงินอีเวยเจ็บปวดจนไม่อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิม โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายพูดถึง พ่อแม่ เสิ่นหุ้ยและเพิ่งเจ๋อเฉิงคน เหล่านี้ล้วนเป็นจุดอ่อนของหล่อนทั้งสิ้น

เรื่องนี้ใจหล่อนรู้ดีกว่าใคร

เวลานี้หล่อนพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างเต็มที่ไม่ ให้ระเบิดอารมณ์ออกมา แต่หล่อนก็สัมผัสได้ถึงสองมือที่กำหมัดแน่นซ่อนอยู่ภายในเสื้อแขนยาวนั้น

จริงๆแล้วสายตาของเงินอีเวณนั้น ใสซื่อบริสุทธิ์เกินไป จน แทบจะมองเห็นจิตวิญญาณของคนได้ สายตาที่ไม่เคยคิดร้าย กับใครแบบนี้ สวอันจึงไม่เคยคิดจะเผชิญหน้าด้วยแต่เพราะ หล่อนมีคนและสิ่งที่หล่อนปรารถนา ดังนั้นมองจากท่าทางของ สอันจึงแล้วเหมือนหล่อนจะต้องการข่มเงินอีเวยไว้

บวกกับที่เมื่อสักครู่ที่เสิ่นอีเวยถูกจี้จุดอ่อน ทำให้สติแตก กระเจิง จึงมีท่าทีอ่อนลงไปบ้าง

นอกจากเงินอีเวยจะรู้สึกเจ็บปวดใจแล้วยังรู้สึกแปลกใจ อีกด้วย ไม่น่าแปลกใจที่ผู้หญิง ที่มีพิษสงร้ายกาจอย่างนี้จะพูด ถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไปอย่างหน้าชื่นตาบานไม่รู้สึกรู้สาใดๆ

สอันจึงยังพูดต่อไปอีกว่า: “ฉันพูดมาขนาดนี้แล้ว เธอคิด ว่าคนอย่างเธอจะมีอะไรมาสู้ฉันได้อีก ข้อแรกเธอไม่มี ครอบครัวที่คอยสนับสนุน ข้อสองผู้ชายของเธอก็ยังไม่มีวัน ยอมรับเธอ ไม่มีอำนาจบารมีอะไร ฟองฉันเหรอ เธอจะเอาอะไร มาฟ้องฉัน นี่มันเป็นเรื่องตลกที่สุดที่ฉันได้ยินในวันนี้เลยนะ เนีย”

คำพูดแฝงความเหยียดหยันชัดเจน ไม่ใช่ว่าเงินอีเวยฟัง

ไม่ออก หล่อนเองก็อยากจะโต้เถียง แต่กลับรู้สึกว่าสิ่งที่สี่อันจึง พูดมามันก็มีเหตุผลอยู่ไม่น้อย

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าต้องเจอเรื่องอะไรก็ไม่ เคยมีใครยื่นมาเข้ามาช่วย หล่อนต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
เงินอีเวยเตรียมที่จะพูดต่อ แต่กลับเห็นสอันจึงเดินออก ไปรับโทรศัพท์พอดี ดังนั้นคำที่หล่อนเตรียมจะโต้แย้งจึงต้อง กลืนลงคอไป เงินอีเวยรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน แต่ในใจหล่อนรู้ ดี ต่อให้หล่อนจะพูดมากแค่ไหนหล่อนก็แค่ต้องการเพียงที่จะ ปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองต่อหน้าศัตรูเท่านั้น ไม่มีทางทำร้าย สวีอันจึงได้เลย

จิตใจของผู้หญิงคนนั้น แข็งแกร่งกว่าหินผาเสียอีก

แต่หล่อนจะยอมนั่งหมดอาลัยตายอยากอย่างนี้ หล่อนจะ ต้องสืบให้รู้ความจริงให้ได้ หล่อนสาบาน หล่อนจะต้องล้มส อันจิงให้ได้ด้วยตัวของหล่อนเอง

ใกล้จะถึงเวลาที่หล่อนนัดเชีย แล้ว เสิ่นอีเวยมาถึง ร้านอาหารที่นัดกันไว้อย่างตรงต่อเวลา

เมื่อทั้งคู่นั่งลงแล้ว เซียวหันถึงก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนว่า “สุขภาพร่างกายของคุณตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

เงินอีเวยชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะถามกลับว่า “เมื่อคืน คุณเห็นฉันใช่มั้ย คุณบอกฉันได้มั้ยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง

คำถามนี้ของเงินอีเวยเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเจอ แผนของเขาคือไม่ว่าหล่อนจะถามหรือไม่ เขาก็จะต้องเป็นฝ่าย บอกหล่อนก่อน เพราะทำแบบนี้ ความเชื่อถือของเสิ่นอีเวณที่มี ต่อเขาถึงจะไม่สั่นคลอน

เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่า เมื่อคืนเพิ่งเจ๋อเฉิงได้พูดอะไร ต่อหน้าหล่อนไปบ้าง
เดียวกันถึงดื่มขาไปอีกหนึ่ง ในสมองประมวลคำที่จะพูด อย่างรวดเร็ว เงยหน้าขึ้นมา แววตาเจิดจรัส “เมื่อคืนผมเจอ คุณที่หน้าประตูโรงแรมอวิ๋นถึง ตอนนั้นคุณกำลังจะเดินไปทาง รถคุณ ผมจำคุณได้ ตอนแรกผมว่าจะเดินไปทักทาย แต่ว่าคุณ ก็ล้มหมดสติไปข้างๆรถ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ผมรีบไป พยุงคุณขึ้นมา

หล่อนไม่แน่ใจว่าเชียวหันถึงรู้หรือไม่ว่าหล่อนถูกวางยา เสียงหล่อนสั่นเล็กน้อย แล้วยังไงต่อคะ”

เซียวหันถึงเล่าต่อ: “ตอนนั้นผมเพิ่งพยุงคุณขึ้นมา เตรียม จะพาคุณไปหาหมอ อยู่ๆเพิ่งเจ๋อเฉิงก็โผล่มาแล้วดึงตัวคุณไป จากมือผม”

เงินอีเวยตกใจเบิกตาโพลง “เมื่อคืนพวกคุณสองคนเจอ กันเหรอ”

เซียวหันถึงเห็นท่าที่ตกใจของหล่อนจึงแกล้งหยอกหล่อน อีกว่า “ใช่ ไม่เพียงแค่นั้นเรายังคุยตามประสาเพื่อนรักกันอีก หลายประโยค”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ