นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 122 ลงลึกไปถึงจุดเจ็บปวดแล้วหรือยัง



บทที่122ลงลึกไปถึงจุดเจ็บปวดแล้ว หรือยัง

บทที่ 122 ลงลึกไปถึงจุดเจ็บปวดแล้วหรือยัง

เสิ่นอีเวยเริ่มสงสัยว่ากลิ่นเหล่านี้มาจากไหน

เธอจึงค่อย ๆ เดินไปยังห้องนอน พอเดินไปถึงหน้าประตู ปรากฏว่ากลิ่นเหล้ายิ่งอยู่ยิ่งแรง ณ เวลานี้เธอจึงมั่นใจว่าเป็นก ลิ่นที่ห้องของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เลยตกใจ เขาดื่มเหล้าหรือ ?

พอจะหันตัวกลับไปปิดประตูและในทันทีทันใดนั้นข้าง หน้าของเสิ่นอีเวยก็มีเงามืด ๆ ผ่านหน้าเขาไปด้วยความรวด เร็วเสิ่นอีเวยมองไม่เห็นชัดเจนและตกใจเกือบจะหลุดเสียงกรี๊ด ออกไป

ในวินาทีต่อมา ไหล่ของเธอก็ถูกมือคู่หนึ่งจับไว้อย่างแน่น รวมทั้งร่างกายก็ถูกนำพาไปด้วยเสิ่นอีเวยถอยก้าวออกมา อย่างหลายก้าวมากนัก ในที่สุดก็ไม่สามารถยับยั้งไว้ได้ หลังก็ โดนกระแทกกับกำแพงอย่างรุนแรง

เสิ่นอีเวยเจ็บจนต้องถอนหายใจเป็นยกใหญ่ พอรออาการ เจ็บทุเลาลงสักครู่เธอจึงค่อย ๆ ลืมตาเพิ่งเจ๋อเฉิงได้ขว้างอยู่ ข้างหน้า ใบหน้าของเขาห่างจากเธอเล็กน้อย แต่ว่าดวงตาที่ งดงามของเขาในเวลานี้กลับเป็นเส้นเลือดที่แดงก่ำ บทที่122ลงลึกไปถึงจุดเจ็บปวดแล้ว หรือยัง

บทที่ 122 ลงลึกไปถึงจุดเจ็บปวดแล้วหรือยัง

เสิ่นอีเวยเริ่มสงสัยว่ากลิ่นเหล่านี้มาจากไหน

เธอจึงค่อย ๆ เดินไปยังห้องนอน พอเดินไปถึงหน้าประตู ปรากฏว่ากลิ่นเหล้ายิ่งอยู่ยิ่งแรง ณ เวลานี้เธอจึงมั่นใจว่าเป็นก ลิ่นที่ห้องของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็เลยตกใจ เขาดื่มเหล้าหรือ ?

พอจะหันตัวกลับไปปิดประตูและในทันทีทันใดนั้นข้าง หน้าของเสิ่นอีเวยก็มีเงามืด ๆ ผ่านหน้าเขาไปด้วยความรวด เร็วเสิ่นอีเวยมองไม่เห็นชัดเจนและตกใจเกือบจะหลุดเสียงกรี๊ด ออกไป

ในวินาทีต่อมา ไหล่ของเธอก็ถูกมือคู่หนึ่งจับไว้อย่างแน่น รวมทั้งร่างกายก็ถูกนำพาไปด้วยเสิ่นอีเวยถอยก้าวออกมา อย่างหลายก้าวมากนัก ในที่สุดก็ไม่สามารถยับยั้งไว้ได้ หลังก็ โดนกระแทกกับกำแพงอย่างรุนแรง

เสิ่นอีเวยเจ็บจนต้องถอนหายใจเป็นยกใหญ่ พอรออาการ เจ็บทุเลาลงสักครู่เธอจึงค่อย ๆ ลืมตาเพิ่งเจ๋อเฉิงได้ขว้างอยู่ ข้างหน้า ใบหน้าของเขาห่างจากเธอเล็กน้อย แต่ว่าดวงตาที่ งดงามของเขาในเวลานี้กลับเป็นเส้นเลือดที่แดงก่ำ การหายใจของเขาที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าที่เข้มข้น เสี่ นอีเวยได้ก้มหน้าลง กระดุมเม็ดที่หนึ่งและสองของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ ได้ปลดออกจึงได้เห็นไหปลาร้าและหน้าอก ไหล่ทั้งสองข้างของ เสิ่นอีเวยถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงจับติดกับกำแพงอย่างแน่น เขาก็มอง เธออย่างเงียบ ๆ เช่นนั้น แต่สายตาของเขากลับโมโหเหมือน สัตว์ประหลาดที่ถูกขังไว้ในกรง เธอจึงได้ลืมตากว้าง ๆ แต่ ร่างกายกลับไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ในใจของเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ เธอจึงเงย หน้าด้วยความเยือกเย็นซึ่งประจวบเหมาะพอดีกับสายตาของ เซิ่งเจ๋อเฉิง “นายคิดจะทำอะไร ?”

ทั้งเรือนร่างของเธอถูกล้อมรอบด้วยเชิ่งเจ๋อเฉิงที่เต็มไป ด้วยกลิ่นเหล้าที่ฉุน จนกระทั่งเธอนั้นเป็นลมไปด้วย

เพิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มแสยะพูดว่า “คุณปู่พูดอะไรกับคุณ ?”

เสิ่นอีเวยตกใจไปสักครู่ ทำไมเขาถึงรู้ว่าตัวเองกับคุณปู่ คุยเรื่องอะไรกัน ?

“ดิฉันไม่รู้ว่านายพูดอะไรอยู่ ออกไป!”

เสิ่นอีเวยได้ใช้มือทั้งสองข้างไปจับบนไหล่ของเซิ่งเจ๋อเฉิง

ใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อที่จะทำให้หลุดจากตรงนี้ไป เขาไม่ อยากจะให้ปัญหาเหล่านี้มาตามรังควานให้มากไปกว่านี้ สีหน้าก็เริ่มที่จะเลวร้ายลง

ในอ้อมกอดที่เพิ่งเจ้อเฉิงกอดรัดแน่น พร้อมเสียงที่ผสม กับความเยือกเย็นว่า “ผมอยู่ชั้นสองเห็นคุณกับคุณปู่อยู่ที่สวน การหายใจของเขาที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าที่เข้มข้น เสี่ นอีเวยได้ก้มหน้าลง กระดุมเม็ดที่หนึ่งและสองของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ ได้ปลดออกจึงได้เห็นไหปลาร้าและหน้าอก ไหล่ทั้งสองข้างของ เสิ่นอีเวยถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงจับติดกับกำแพงอย่างแน่น เขาก็มอง เธออย่างเงียบ ๆ เช่นนั้น แต่สายตาของเขากลับโมโหเหมือน สัตว์ประหลาดที่ถูกขังไว้ในกรง เธอจึงได้ลืมตากว้าง ๆ แต่ ร่างกายกลับไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ในใจของเสิ่นอีเวยเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ เธอจึงเงย หน้าด้วยความเยือกเย็นซึ่งประจวบเหมาะพอดีกับสายตาของ เซิ่งเจ๋อเฉิง “นายคิดจะทำอะไร ?”

ทั้งเรือนร่างของเธอถูกล้อมรอบด้วยเชิ่งเจ๋อเฉิงที่เต็มไป ด้วยกลิ่นเหล้าที่ฉุน จนกระทั่งเธอนั้นเป็นลมไปด้วย

เพิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มแสยะพูดว่า “คุณปู่พูดอะไรกับคุณ ?”

เสิ่นอีเวยตกใจไปสักครู่ ทำไมเขาถึงรู้ว่าตัวเองกับคุณปู่ คุยเรื่องอะไรกัน ?

“ดิฉันไม่รู้ว่านายพูดอะไรอยู่ ออกไป!”

เสิ่นอีเวยได้ใช้มือทั้งสองข้างไปจับบนไหล่ของเซิ่งเจ๋อเฉิง

ใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อที่จะทำให้หลุดจากตรงนี้ไป เขาไม่ อยากจะให้ปัญหาเหล่านี้มาตามรังควานให้มากไปกว่านี้ สีหน้าก็เริ่มที่จะเลวร้ายลง

ในอ้อมกอดที่เพิ่งเจ้อเฉิงกอดรัดแน่น พร้อมเสียงที่ผสม กับความเยือกเย็นว่า “ผมอยู่ชั้นสองเห็นคุณกับคุณปู่อยู่ที่สวน ตอกไม้ นานขนาดนี้เพิ่งจะมา คุณบอกกับผมว่าผมไม่รู้เรื่องว่า ผมพูดอะไรงั้นหรือ ?

ถ้าหากพูดถึงทุกครั้งในเมื่อก่อนถูกเชิ่งเจอเฉิงบีบแขนนั้น เพียงเพราะเขาอยากจะหยุดเขา ทว่าในครั้งนี้ความแรงของเขา กลับมีความคิดที่จะให้เสิ่นอีเวยรู้สึกถึงความเจ็บปวด

เสิ่นอีเวยถึงขนาดรู้สึกว่าทุกคำพูดทุกอักษรของเซิ่งเจ๋อ เฉิง ทำให้กำลังแรงบีบยิ่งหนักขึ้น เธอรู้สึกว่าไม่ได้เจ็บเพียง แต่แขน แต่เป็นครึ่งท่อนตัวบนแทบจะรู้สึกหมดแรงและสลาย ไป

เสิ่นอีเวยเจ็บจนไม่สามารถพูดออกมาได้ ขาทั้งสองข้าว สั่นเป็นเพราะว่าเจ็บเกินกว่าจะทนไหวเหมือนกับว่าเส้นประสาท ทุกส่วนบนร่างกายมารวมอยู่ที่แขนของตนเองที่เซิ่งเจ๋อเฉิงบี บอยู่ ร่างกายของเธอก็เริ่มจะหมดแรงลงไป ขาทั้งสองข้าง ควบคุมไม่อยู่จึงค่อย ๆ คุกเข่าลง

แต่ทว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับไม่ให้เธอเป็นดั่งหวังเช่นนั้น เขา ปล่อยมือขวาออกมา จับเอวของเสิ่นอีเวยและได้จับเธอไว้เพื่อ ไม่ให้ลื่นล้ม และแล้วในเวลานี้มือซ้ายของเขาก็ได้เพิ่งความ แรงขึ้นอย่างไม่รู้สึกตัวในนั้นแฝงไปด้วยการเดือนและบังคับ ต่าง ๆ นานา

เสิ่นอีเวยก้มลงพร้อมด้วยกัดฟันด้วยความเจ็บปวด เพื่อ ไม่อยากที่จะพูดอะไรมากมายเกี่ยวกับเซิ่งเจ๋อเฉิงคนเมา เดิมที เขาก็เกลียดเธอมากพอแล้ว ในค่ำคืนนี้เขายิ่งเป็นเสมือนมาร ตอกไม้ นานขนาดนี้เพิ่งจะมา คุณบอกกับผมว่าผมไม่รู้เรื่องว่า ผมพูดอะไรงั้นหรือ ?

ถ้าหากพูดถึงทุกครั้งในเมื่อก่อนถูกเชิ่งเจอเฉิงบีบแขนนั้น เพียงเพราะเขาอยากจะหยุดเขา ทว่าในครั้งนี้ความแรงของเขา กลับมีความคิดที่จะให้เสิ่นอีเวยรู้สึกถึงความเจ็บปวด

เสิ่นอีเวยถึงขนาดรู้สึกว่าทุกคำพูดทุกอักษรของเซิ่งเจ๋อ เฉิง ทำให้กำลังแรงบีบยิ่งหนักขึ้น เธอรู้สึกว่าไม่ได้เจ็บเพียง แต่แขน แต่เป็นครึ่งท่อนตัวบนแทบจะรู้สึกหมดแรงและสลาย ไป

เสิ่นอีเวยเจ็บจนไม่สามารถพูดออกมาได้ ขาทั้งสองข้าว สั่นเป็นเพราะว่าเจ็บเกินกว่าจะทนไหวเหมือนกับว่าเส้นประสาท ทุกส่วนบนร่างกายมารวมอยู่ที่แขนของตนเองที่เซิ่งเจ๋อเฉิงบี บอยู่ ร่างกายของเธอก็เริ่มจะหมดแรงลงไป ขาทั้งสองข้าง ควบคุมไม่อยู่จึงค่อย ๆ คุกเข่าลง

แต่ทว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับไม่ให้เธอเป็นดั่งหวังเช่นนั้น เขา ปล่อยมือขวาออกมา จับเอวของเสิ่นอีเวยและได้จับเธอไว้เพื่อ ไม่ให้ลื่นล้ม และแล้วในเวลานี้มือซ้ายของเขาก็ได้เพิ่งความ แรงขึ้นอย่างไม่รู้สึกตัวในนั้นแฝงไปด้วยการเดือนและบังคับ ต่าง ๆ นานา

เสิ่นอีเวยก้มลงพร้อมด้วยกัดฟันด้วยความเจ็บปวด เพื่อ ไม่อยากที่จะพูดอะไรมากมายเกี่ยวกับเซิ่งเจ๋อเฉิงคนเมา เดิมที เขาก็เกลียดเธอมากพอแล้ว ในค่ำคืนนี้เขายิ่งเป็นเสมือนมาร ร้ายอย่างไรอย่างนั้น

เพิ่งเจ๋อเฉิงโมโหจนเสียงของเขาดังขึ้นจนสุดขีด “พูดสิ ! เสิ่นอีเวย ฉันให้คุณพูด ! คุณหูหนวกหรือไง !”

เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าหูของตัวเองใกล้จะหนวกเต็มที่แล้ว เธอ จึงกัดริมฝีปากตัวเองเงยหน้ามองเขา นี่คือเพิ่งเจ๋อเฉิงในรูป แบบที่เธอไม่เคยเห็น ความหมดอาลัยและความเสียใจ แต่ว่า รอบข้างกลับมาพร้อมความน่ากลัว

“นายจำเป็นจะต้องทำร้ายคนขนาดนี้ใช่หรือไม่ ? ” เสี่

นอีเวยพูดด้วยความเย็นชา

สายตาของเพิ่งเจ๋อเฉิงจึงได้หยุดไปสักครู่หนึ่ง จึงได้ตอบ ไปพร้อมกับความรู้สึกที่เกลียด “คุณหมายความว่าอะไร ?”

น้ำเสียงและท่าทางของเสิ่นอีเวยมีความหัวเราะแบบเย้ย หยันว่า “ไม่เข้าใจหรือ ? ทุกครั้งนายก็ทำร้ายฉันเพื่อให้เกิด ความสุข โดยคิดเอาว่าทุกคนทำเรื่องที่ไม่ดีต่อนาย ฉันขอถาม นายหน่อย ทำไมคืนนี้นายถึงดื่มเหล้ามากขนาดนี้”

เซิ่งเจ๋อเฉิงกับน้ำเสียงคนเมาเหล้า ซึ่งตอนนี้ที่เขาสามารถ พูดคุยกับเสิ่นอีเวยได้ก็เป็นเพราะอาศัยความมีสติที่เหลือกัน น้อยนิด “ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณ”

เสิ่นอีเวยมองไปยังเผ้าผมของเขาที่พะรุงพะรังไปหมด รวมถึงสายตาคู่หนึ่งที่แดงเพราะฤทธิ์ของสุรา ไม่รู้ว่าทำไม ถึงอยู่ดีดีก็คิดถึงเรื่องการแท้งลูก ในใจเต็มไปด้วยความปวด ร้าวและ ณ ขณะนั้นก็เริ่มมีความเกลียดเคียดแค้นขึ้นมา เลยพูด ร้ายอย่างไรอย่างนั้น

เพิ่งเจ๋อเฉิงโมโหจนเสียงของเขาดังขึ้นจนสุดขีด “พูดสิ ! เสิ่นอีเวย ฉันให้คุณพูด ! คุณหูหนวกหรือไง !”

เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าหูของตัวเองใกล้จะหนวกเต็มที่แล้ว เธอ จึงกัดริมฝีปากตัวเองเงยหน้ามองเขา นี่คือเพิ่งเจ๋อเฉิงในรูป แบบที่เธอไม่เคยเห็น ความหมดอาลัยและความเสียใจ แต่ว่า รอบข้างกลับมาพร้อมความน่ากลัว

“นายจำเป็นจะต้องทำร้ายคนขนาดนี้ใช่หรือไม่ ? ” เสี่

นอีเวยพูดด้วยความเย็นชา

สายตาของเพิ่งเจ๋อเฉิงจึงได้หยุดไปสักครู่หนึ่ง จึงได้ตอบ ไปพร้อมกับความรู้สึกที่เกลียด “คุณหมายความว่าอะไร ?”

น้ำเสียงและท่าทางของเสิ่นอีเวยมีความหัวเราะแบบเย้ย หยันว่า “ไม่เข้าใจหรือ ? ทุกครั้งนายก็ทำร้ายฉันเพื่อให้เกิด ความสุข โดยคิดเอาว่าทุกคนทำเรื่องที่ไม่ดีต่อนาย ฉันขอถาม นายหน่อย ทำไมคืนนี้นายถึงดื่มเหล้ามากขนาดนี้”

เซิ่งเจ๋อเฉิงกับน้ำเสียงคนเมาเหล้า ซึ่งตอนนี้ที่เขาสามารถ พูดคุยกับเสิ่นอีเวยได้ก็เป็นเพราะอาศัยความมีสติที่เหลือกัน น้อยนิด “ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณ”

เสิ่นอีเวยมองไปยังเผ้าผมของเขาที่พะรุงพะรังไปหมด รวมถึงสายตาคู่หนึ่งที่แดงเพราะฤทธิ์ของสุรา ไม่รู้ว่าทำไม ถึงอยู่ดีดีก็คิดถึงเรื่องการแท้งลูก ในใจเต็มไปด้วยความปวด ร้าวและ ณ ขณะนั้นก็เริ่มมีความเกลียดเคียดแค้นขึ้นมา เลยพูด ออกไปด้วยความเสียงดัน

“ฉันพบในทันทีว่าความจริงแล้วนายก็น่าสงสารเหมือน กัน” เสิ่นอีเวยพูดด้วยน้ำเสียงที่สุขุมลุ่มลึก

เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังมองเธอด้วยสายตาที่ยังคงไม่ห่างไปไหน เลย มีเพียงแต่สายตาที่โกรธแค้น มือของเขาก็เพิ่งแรงบีบ เข้าไปอีก เสิ่นอีเวยได้เพียงแต่กัดฟันอดทน

“คุณพูดบ้าอะไรของคุณ ? ”

นี่เป็นครั้งที่สองที่เสิ่นอีเวยใช้คำนี้มาแสดงถึงตัวตนของ เพิ่งเจ๋อเฉิง ในครั้งแรกก็อยู่ในบ้านหลังนี้เช่นกันคือเธอนั้นถูก เพิ่งเจ๋อเฉิงเข้าใจผิด โดยนึกว่าคืนนั้นเป็นเธอที่ฉีดอินซูลิน เข้าไปในขวดยาของเสิ่นหุ้ย หลังจาก..หลังจากการถูก ทำโทษครั้งนั้นเธอจึงไม่กล้าจะไปคิด และไม่มีความคิดที่ ยินยอมจะไปคิดถึงมันอีก

แต่ในตอนนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรในใจของเธอกลับไม่มี ความกลัวแม้แต่นิดเดียว “เมื่อก่อนชั้นนึกว่านายคือคนที่สูงส่ง อยากได้อะไรก็ต้อง ได้สิ่งนั้นเป็นผู้ชายที่ทำอะไรก็สามารถสำเร็จได้ แต่ว่าคืนนี้ชั้น

เพิ่งรู้ว่า นายและชั้นก็คือคนเหมือนกัน”

เสิ่นอีเวยรู้ว่าจุดอดทนสุดขีดของเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ที่ไหน แต่ก็ ไม่สามารถควบคุมเลยพูดต่อไปว่า “แม่แท้ ๆ ของเธอตายไป นานกว่า 7 ปีแล้วใช่ไหม ?” ออกไปด้วยความเสียงดัน

“ฉันพบในทันทีว่าความจริงแล้วนายก็น่าสงสารเหมือน กัน” เสิ่นอีเวยพูดด้วยน้ำเสียงที่สุขุมลุ่มลึก

เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังมองเธอด้วยสายตาที่ยังคงไม่ห่างไปไหน เลย มีเพียงแต่สายตาที่โกรธแค้น มือของเขาก็เพิ่งแรงบีบ เข้าไปอีก เสิ่นอีเวยได้เพียงแต่กัดฟันอดทน

“คุณพูดบ้าอะไรของคุณ ? ”

นี่เป็นครั้งที่สองที่เสิ่นอีเวยใช้คำนี้มาแสดงถึงตัวตนของ เพิ่งเจ๋อเฉิง ในครั้งแรกก็อยู่ในบ้านหลังนี้เช่นกันคือเธอนั้นถูก เพิ่งเจ๋อเฉิงเข้าใจผิด โดยนึกว่าคืนนั้นเป็นเธอที่ฉีดอินซูลิน เข้าไปในขวดยาของเสิ่นหุ้ย หลังจาก..หลังจากการถูก ทำโทษครั้งนั้นเธอจึงไม่กล้าจะไปคิด และไม่มีความคิดที่ ยินยอมจะไปคิดถึงมันอีก

แต่ในตอนนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรในใจของเธอกลับไม่มี ความกลัวแม้แต่นิดเดียว “เมื่อก่อนชั้นนึกว่านายคือคนที่สูงส่ง อยากได้อะไรก็ต้อง ได้สิ่งนั้นเป็นผู้ชายที่ทำอะไรก็สามารถสำเร็จได้ แต่ว่าคืนนี้ชั้น

เพิ่งรู้ว่า นายและชั้นก็คือคนเหมือนกัน”

เสิ่นอีเวยรู้ว่าจุดอดทนสุดขีดของเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ที่ไหน แต่ก็ ไม่สามารถควบคุมเลยพูดต่อไปว่า “แม่แท้ ๆ ของเธอตายไป นานกว่า 7 ปีแล้วใช่ไหม ?” ก็เพียงแต่ประโยคนี้ โทสะเขิ่งเจ๋อเฉิงก็บังเกิดในทันใด เขาก้มลงมองหน้าเสิ่นอีเวยสายตาคู่นั้นดุจธนู “ผมขอเตือนคุณ ว่าอย่าได้พูดเรื่องนี้อีก”

ซึ่งคำพูดที่พูดนั้นแฝงไปด้วยสิ่งที่ทำให้มีความน่ากลัวยิ่ง นัก เสิ่นอีเวยเลยรู้สึกแปลก ๆ ผู้ชายที่เมาขนาดนั้นแต่ยัง สามารถประคับประคองสติของตนเองได้ดีขนาดนี้ สรุปว่าเขา เมาหรือไม่เมากันนะ ?

“ได้ยินมาว่านายไปอเมริกาห้าปีแต่กลับบ้านได้แค่สอง ครั้ง หลังจากนั้น..แม้แต่หน้าของแม่ตนเองก็ยังไม่ได้เจอ

“เพิ่ง !”

ร่างกายของเสิ่นอีเวยล้มไปอย่างรุนแรง แม้ว่าในสุดท้าย จะล้มลงไปที่เตียงอันแสนที่จะนุ่ม แต่ว่าแรงการกระแทกนั้น รุนแรงเหลือเลย เลยทำให้หัวของเธอรู้สึกมึน ๆ ในวินาทีต่อมา เพิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังเมาอยู่นั้นได้เข้ามาทำร่างกาย คอของเธอถูก บีบอย่างรุนแรง เขาได้มองเธอจากมุมสูงนั้น สายตาที่โกรธ แค้นผสมกับความสะลึมสะลือ ราวกับสัตว์ประหลาดที่มีตาแดง ๆ อย่างไรอย่างนั้น

“ผมให้คุณหุบปาก ได้ยินไหม ! ”

ความรู้สึกของเสิ่นอีเวย ณ ตอนนั้นคือชาไปทั้งตัว คนที่ดื่ม แล้วเมาในคืนนี้แท้จริงแล้วเป็นเซิ่งเจ๋อ เฉิน แต่ว่าเสิ่นอีเวยกลับ กลายเป็นปีศาจสุราที่ไม่รักชีวิตตนไม่ว่าจะเป็นคำพูดอะไรก็ สามารถพูดออกมาได้ เพียงแต่ขอว่าให้ตัวเองนั้นใช้เวลานี้ ก็เพียงแต่ประโยคนี้ โทสะเขิ่งเจ๋อเฉิงก็บังเกิดในทันใด เขาก้มลงมองหน้าเสิ่นอีเวยสายตาคู่นั้นดุจธนู “ผมขอเตือนคุณ ว่าอย่าได้พูดเรื่องนี้อีก”

ซึ่งคำพูดที่พูดนั้นแฝงไปด้วยสิ่งที่ทำให้มีความน่ากลัวยิ่ง นัก เสิ่นอีเวยเลยรู้สึกแปลก ๆ ผู้ชายที่เมาขนาดนั้นแต่ยัง สามารถประคับประคองสติของตนเองได้ดีขนาดนี้ สรุปว่าเขา เมาหรือไม่เมากันนะ ?

“ได้ยินมาว่านายไปอเมริกาห้าปีแต่กลับบ้านได้แค่สอง ครั้ง หลังจากนั้น..แม้แต่หน้าของแม่ตนเองก็ยังไม่ได้เจอ

“เพิ่ง !”

ร่างกายของเสิ่นอีเวยล้มไปอย่างรุนแรง แม้ว่าในสุดท้าย จะล้มลงไปที่เตียงอันแสนที่จะนุ่ม แต่ว่าแรงการกระแทกนั้น รุนแรงเหลือเลย เลยทำให้หัวของเธอรู้สึกมึน ๆ ในวินาทีต่อมา เพิ่งเจ๋อเฉิงที่กำลังเมาอยู่นั้นได้เข้ามาทำร่างกาย คอของเธอถูก บีบอย่างรุนแรง เขาได้มองเธอจากมุมสูงนั้น สายตาที่โกรธ แค้นผสมกับความสะลึมสะลือ ราวกับสัตว์ประหลาดที่มีตาแดง ๆ อย่างไรอย่างนั้น

“ผมให้คุณหุบปาก ได้ยินไหม ! ”

ความรู้สึกของเสิ่นอีเวย ณ ตอนนั้นคือชาไปทั้งตัว คนที่ดื่ม แล้วเมาในคืนนี้แท้จริงแล้วเป็นเซิ่งเจ๋อ เฉิน แต่ว่าเสิ่นอีเวยกลับ กลายเป็นปีศาจสุราที่ไม่รักชีวิตตนไม่ว่าจะเป็นคำพูดอะไรก็ สามารถพูดออกมาได้ เพียงแต่ขอว่าให้ตัวเองนั้นใช้เวลานี้ มาระบายความรู้สึกที่อัดอั้นมานานก็พอแล้ว เพียงให้ใจรู้สึกสนุกกับมันก็นับว่ายิ่งดี

เสิ่นอีเวยพูดด้วยความโมโหอย่างกล้าหาญว่า “อะไรล่ะ ? มันเจ็บไปถึงสุดขั้วหัวใจเธอเลยใช่ไหม ? ” มาระบายความรู้สึกที่อัดอั้นมานานก็พอแล้ว เพียงให้ใจรู้สึกสนุกกับมันก็นับว่ายิ่งดี

เสิ่นอีเวยพูดด้วยความโมโหอย่างกล้าหาญว่า “อะไรล่ะ ? มันเจ็บไปถึงสุดขั้วหัวใจเธอเลยใช่ไหม ? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ