นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่147เป็นฝ่ายติดต่อเงินเหยียนซึ่ง ก่อน



บทที่147เป็นฝ่ายติดต่อเงินเหยียนซึ่ง ก่อน

บทที่ 147 เป็นฝ่ายติดต่อเงินเหยียนซึ่งก่อน

ฉินจื่อเฟิงกระพริบตาปริบๆ “ก็ครั้งก่อนตอนที่คุณไปดูงาน ที่เมือง C มีหุ้นส่วนเก่าแก่ของบริษัทมาที่ทำงาน ตอนนั้นพวก เขาถามท่านประธานเพิ่งว่าทำไมถึงให้คุณอยู่ที่บริษัทต่ออีก ยัง บอกอีกว่าคุณไม่ได้มีอำนาจอะไรทำอะไรก็ไม่ได้ ตอนนั้นสีหน้า ของท่านประธานแย่มาก เขาไม่ไว้หน้าพวกหุ้นส่วนพวกนั้นเลย ท่านประธานพูดว่าคุณเงินเป็นคนของเขา เขาจะจัดการอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ต้องให้คนอื่นยื่นมือเข้ามาแทรกแซง ท่าทางตอนนั้นแมนสุดๆเลยค่ะ”

ฉันจื่อเฟิงเล่าอย่างออกรส นัยนาเป็นประกาย

ในขณะที่เสิ่นอีเวยฟังแล้วในใจกลับไม่เกิดความรู้สึกใดๆ เลย ที่เขาปกป้องหล่อนต่อหน้าคนอื่น ไม่ใช่เพราะว่าคนพวก นั้นดูถูกเหยียดหยามหล่อน แต่เพราะเขาไม่ต้องการให้คนอื่น เข้ามายุ่งวุ่นวายก้าวก่ายเรื่องของเขาต่างหาก

หลังจากฉินจื่อเพิ่งออกจากห้องทำงานหล่อนแล้ว เงินอีเว ยก็นั่งใจลอยอยู่ที่เดิมนานมาก ทันใดนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าสอันจึงบอกว่าเมื่อหลายวัน

ก่อนเงินเหยียนซึ่งมาหาหล่อนที่บริษัท ในใจหล่อนเองก็ไม่หยุดความคิดปกป้องตัวเองขึ้นมา คิดแล้วคิดอีกสุดท้ายหล่อน ก็ยอมเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปหาเงินเหยียนซึ่งก่อน

เปิดหาเบอร์ที่ครั้งก่อนหล่อนบันทึกไว้ในแบล็คลิสต์ แล้ว ไม่ลังเลที่จะกดโทรออกไป โทรศัพท์ดังอยู่สามครั้งก่อนที่จะ

ได้ยินเสียงของเงินเหยียนซึ่งรับสาย

“ฮัลโหล ฮเวย นึกยังไงยอมโทรมาหาอาได้แล้ว”

เสียงปลายสายของเงินเหนียนซึ่งเต็มไปด้วยความยินดี ประหนึ่งว่าตนเองรู้อยู่แล้วว่าจะต้องได้รับโทรศัพท์สาย นอีเวยได้ยินเสียงเขาหัวเราะอย่างยินดีก็รู้สึกขยะแขยง

เสียงของหล่อนแข็งและเย็นชา เรียกว่าไม่อยากจะเสีย

เวลาพูดคุยกับเขาเสียเลย

“อารู้ดีอยู่แก่ใจไม่ต้องมาแกล้งถาม เมื่อหลายวันก่อนอา ไปก่อเรื่องไว้ที่บริษัทเชิงชื่อใช่มั้ย”

เงินเหยียนซึ่งตอบอย่างง่ายๆลวกๆว่า “อาไม่อยากฟัง หลานพูดแบบนี้เลยนะ อาก็แค่ต้องการจะพบหลานก็เลยไปนั่ง รอที่บริษัทเชิงชื่อแค่นั้นจะเรียกว่าก่อเรื่องได้ยังไง

เสิ่นอีเวยพูดด้วยการกดเสียงต่ำ: “ฉันขอเตือนเลยนะ อาจ จะโทรมาฉันหรือจะมาหาฉันเป็นการส่วนตัวก็ได้ แต่จะไปที่ บริษัทเซิ่งชื่อไม่ได้”

เงินเหยียนซึ่งหัวเราะออกมา: “ก็มันเป็นหนทางเดียวแล้ว ถึงได้ไปหาหลานที่บริษัทเชิงชื่อ อาโทรหาก็แล้ว ไปหาก็แล้วใครจะไปรู้ว่าหลานจะไม่ไว้หน้าอาแบบนี้ อาก็เลยต้องไปที หลานอยู่เป็นประจำไง”

คําพูดของเงินเหยียนซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่มีค่าพูดที่แสดงการ ข่มขู่แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่นั้นชัดเจน

เงินอีเวยเริ่มเดือด : “อาบอกมาว่าตกลงอาต้องการเงิน

เท่าไหร่กันแน่”

อีกฝ่ายคิดพิจารณาอยู่สักครู่ก่อนตอบว่า “อืม อย่างนี้ แล้วกัน หลานให้อายืมก่อนล้านหยวน รอให้บริษัทอาเริ่มมี สินค้าหมุนเวียนเข้ามาแล้วอาจจะคืนให้

เงินอีเวยขมวดคิ้ว หล่อนไม่ใช่ไม่รู้จักบริษัทเขา อัตราการ หมุนเวียนสินค้าภายในบริษัทมีไม่มากไม่น่าจะต้องใช้เงินเยอะ ขนาดนั้น”

น้ำเสียงเสิ่นอีเวยเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว: “ถ้าต้องการจะยืม เงินจากฉัน อาก็ต้องพูดความจริงมา ไม่งั้นสักบาทฉันก็ไม่ให้

“ดูๆไปแล้วหลานสาวอานช่างฉลาดจริงๆ ได้อาจจะพูด ความจริง จริงๆแล้วไม่ต้องมากขนาดนั้นก็ได้แต่อย่างน้อยต้อง ห้าแสนหยวน”

เงินอีเวยกำลังคิดค่านวณเงินเก็บของตนเองขบกรามแน่น ก่อนตอบตกลง: “ได้ ฉันให้อายมห้าแสน แต่หลังจากนี้ห้ามมา วุ่นวายกับฉันอีกนะ”

เสื่นอีเวยเป็นคนที่เกลียดความวุ่นวายมาก โดยเฉพาะหล่อนไม่อยากเป็นตัวต้นเหตุให้เกิดผลกระทบกับภาพลักษณ์ ของบริษัทเพิ่งซื้อ และยิ่งไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นเรื่องน่าตลก ขบขันของตัวเอง

ตามนิสัยเห็นแก่ตัวของเงินเหยียนซึ่งแล้ว หากไม่ได้ตาม ความมุ่งหวังแล้วเขาก็ต้องคอยมาวุ่นวายกับหล่อนไม่เล็ก

ครั้งนี้ ก็ถือว่าใช้เงินซื้อความสงบก็แล้วกัน

ปลายสายเงินเหยียนซึ่งก็ตอบรับว่า “วางใจได้ เมื่อเงิน เข้าบัญชีอาเมื่อไหร่อาก็จะเลิกมาวุ่นวายกับชีวิตหลาน และอาก จะคืนเงินให้หลานแน่นอน ไม่ต้องกังวล”

ได้ยินเสียงปลายสายรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ เสิ่นอีเวยก ลับไม่ค่อยอยากจะเชื่อใจสักเท่าไหร่ เงินห้าแสนนี้หล่อนก็ไม่ คิดว่าจะได้คืนกลับมา

เพียงแค่หวังว่าไม่ต้องพบเจอกับคนอย่างเสิ่นเหยียนซึ่ง

อีกต่อไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ