นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 172 เอาปากกาอัดเสียงยื่นส่งให้เพิ่งเจ๋อเฉิง



บทที่172เอาปากกาอัดเสียงยีนส่งให้

เซิ่งเจ๋อเฉิง

บทที่ 172 เอาปากกาอัดเสียงยื่นส่งให้เพิ่งเจ๋อเฉิง

เงินอีเวยบางอย่างก็ถือว่าโชคดีมาก ด้วยเหตุเพราะเพิ่ง เจ๋อเฉิงเขาเป็นคนอารมณ์ร้อนไม่ค่อยมีความอดทนต่อคนรอบ ข้างสักเท่าไหร่ แต่ดีที่ว่าเขาไม่เคยลงไม้ลงมือกับผู้หญิง

แต่ในตอนนี้ เสิ่นอีเวยจ้องมองดวงตาของเขายังสัมผัสได้ ถึงความต้องการที่จะฆ่าคนที่มันแผ่ออกมาจากตัวเขา

“พูดอีกรอบ ?”

แสงสว่างในห้องทำงานช่างทิ่มแทงตา ริมฝีปากแดงแต่ ใบหน้ากลับขาวซีดของเสิ่นอีเวย แสงสว่างยังสะท้อนใบหน้าที่ ขาวซีดเผือดช่างหนาวจนหดหูหัวใจเสียจริง

ที่ต้องการมีลูกเพราะต้องการสร้างความมั่นใจให้กับคุณ และก็ยังรักษาตำแหน่งประธานบริษัทเพิ่งซื้อไว้ได้ใช่ไหม?”

น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยราบเรียบเหมือนพูดเรื่องที่ไม่ เกี่ยวข้องกับตัวเองยังไงยังงั้น ยิ่งคำพูดสุดท้ายนั่นยิ่งแอบแฝง ความหมายเยาะเย้ยอยู่เนืองๆ

เพิ่งเจ๋อเฉิงเริ่มเปิดปากพูดช่างเหมือนกับม่านตาสีดำขลับ นี่จะถามอีกทำไม?

ที่ลึกลับซับซ้อน : “ก็รู้แล้ว
เสิ่นอีเวยเหลือบตาขึ้นมองแถมถอนหายใจแรงๆ ดวงตา เจือปะปนไปด้วยความขุ่นข้องใจ “งั้น คุณบอกฉันมาสัก ประโยคได้ไหม ระหว่างเราตั้งแรกจนถึงตอนนี้มันมีแต่เรื่องผล ประโยชน์ระหว่างกันเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกรักๆ ใคร่ๆอยู่เลยใช่ ไหม?”

นาทีนั้น มือของหล่อนจับคอเสื้อของเขาไว้แน่น ประโยคที่ หล่อนเพิ่งพูดออกมารู้ทั้งรู้ว่ายังรอคำตอบจากปากของเขา แต่ เสิ่นอีเวยรับรู้คำตอบอยู่แก่ใจ

“ใช่”

คำพูดง่ายๆเป็นคำพูดที่ไม่มีสิ่งเติมแต่งอะไรออกมา มัน ช่างทำให้คนหมดความหวังเสียจริง

ในที่สุด เสิ่นอีเวยก็ยอมปล่อยมือตัวเองออก คอเสื้อสูทถูก

หล่อนทำให้เป็นรอยยับยู่ยี่

หัวใจหล่อนเต้นแรง หล่อนไม่อยากให้คนอย่างเสิ่นเหยี ยนซึ่งยุ่งวุ่นวายกับหล่อน สวอันนิ่งก็ด้วย ถึงแม้ว่าในมือหล่อน จะมีหลักฐานที่สอันจึงตั้งใจทำร้ายคน แต่ว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงเป็น คนเชื้อเชิญให้หล่อนมาทำงานที่บริษัทเชิงชื่อ หากผู้ชายที่อยู่ ตรงหน้าไม่เอ่ยปากพูด เสิ่นอีเวยไม่แน่ใจที่จะใช้อำนาจที่ตัว เองมีอยู่ จะทำให้คนอย่างสวอันจึงออกไปจากบริษัทได้หรือไม่

เพราะฉะนั้น หล่อนต้องหาเบี้ยในมือมาต่อรองถึงจะได้ผล

ในเวลานั้น เป็นเวยเก็บอารมณ์ปรี๊ดแตกเมื่อครู่เอาไว้ หล่อนจัดระเบียบผมที่ยุ่งเหยิงเมื่อครู่ให้เรียบร้อย พร้อมทั้งยืนนิ่งพร้อมจ้องมองเพิ่งเจ๋อเฉิง ทั้งคู่ทำอย่างกับกำลังพิพากษากัน

อยู่

“อยากให้ฉันมีลูกให้คุณคนหนึ่งก็ได้นะ แต่ฉันมีเงื่อนไข อยู่ข้อหนึ่ง คุณต้องตกลงตามนี้

เพิ่งเจ๋อเฉิงขมวดคิ้ว : “ใครอนุญาตให้เธอมายื่นเงื่อนไข

ต่อรองกับฉัน?”

เงินอีเวยไม่แสดงอาการอ่อนแอให้เขาเห็นแถมยิ้มอย่าง

เย็นชาบริเวณมุมปาก : “คุณอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธฉัน ถ้าคุณไม่ อยากให้ฉันตามที่บอก คุณก็ไม่ต้องทำ เงื่อนไขที่ฉันจะบอกคุณ เนี่ย แค่คุณกระพริบตาก็ทําได้แล้ว”

เพิ่งเจ๋อเฉิงได้ยินประโยคนี้ถึงกับสนอกสนใจขึ้นมาเลยถา มกลับ: “เงื่อนไขอะไร?”

เสิ่นอีเวยจ้องมองเพิ่งเจ๋อเฉิงอยู่เงียบๆอยู่นาน สักพักถึง เปิดปากพูดน้ำเสียงชัดเจน : “ฉันต้องให้สอันจึงหายไปจาก บริษัทเชิงชื่อ”

บริเวณโครงเบ้าตาขยับเล็กน้อย สีหน้าของเขาสงบนิ่ง ไม่มีอาการใดแสดงออกมา : “ทำไม?”

เสิ่นอีเวยไม่อยากให้เพิ่งเจ๋อเฉิงรู้เรื่องราวของพวกเธอที่ มันผ่านมานานมากแล้ว เลยได้แต่หาข้ออ้างขึ้นมาแทน “ฉัน ทำงานไม่เข้ากับหล่อนเพราะฉะนั้นหล่อนต้องออกไป

ทว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ใช่คนโง่เง่าเพราะฉะนั้นที่คำพูดที่ซ่อนเร้นของเสิ่นอีเวยเมื่อครู่ เขาได้แต่ยิ้มแหยๆ : “ง่ายแบบนี้เลย? อย่าไร้สาระ เอาเหตุผลมาดีๆ

เงินอีเวยไม่ยอมพูด ตอนนี้แหละเพิ่งเจ๋อเฉิงถึงได้พูดมา

– ไม่งั้นฉันจัดการไม่ได้

คำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงเพิ่งพูดจบ เสิ่นอีเวยถึงได้หัวเราะ ออกมาจนยอมพูดเรื่องนั้นกับเชิงเจ๋อเฉิง เหตุผลที่ตั้งใจมาพูดอย่างเต็มที่แต่ในใจกลับไม่ได้เป็น

แบบนั้น หล่อนแค่รู้สึกว่ามันตลกไม่ได้มีความหมายอื่นๆ

แอบแฝงตามมา

หล่อนเหล่หางต่างมอง: “คุณเป็นถึงประธานบริษัทเชิงชื่อ แต่มาบอกกับฉันว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ คุณจัดการไม่ได้หรอ? เพิ่งเจ๋อเฉิงถ้าจะโกหกก็โกหกให้มันเนียนหน่อยไหม?”

เขาเม้มริมฝีปากแน่นแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อได้แต่จ้องมองเ

นอีเวย

เงินอีเวยสบตาเขาตอบราวกับกำลังส่องกระจก หล่อนมี คำตอบแล้วจึงได้แต่หัวเราะ : “ฉันน่าจะเดาได้ถูกนะ คุณคง ไม่ใช่ว่าเกรงกลัวบริษัทว่านเพิ่งอยู่หรอกนะถึงได้ไม่ยอมให้ส อันนิ่งออกไปจากบริษัท เซ็งเจ๋อเฉิงต้องหล่อนตาถลน ไม่มีอา รมณ์ใดๆ แสดงออกบนสีหน้า : “เธอพูดประโยคนั้นอีกรอบสี ฉันหวาดกลัวว่านเพิงหรือ?”

เงินอีเวยตอบเขา หรือว่าไม่ใช่? สอันจึงเป็นลูกสาวคน เดียวของท่านประธานคนเก่าของบริษัทว่านเฟิง สวีโก้วหนึ่งอำนาจที่อยู่ในมือของเขาก็มีไม่น้อย คุณก็คงเกรงกลัวว่าเขาจะ มาหาเรื่องคุณอยู่บ้าง”

“คนอย่างเพิ่งเจ๋อเฉิงกลัวคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก็แค่บริษัท เล็กๆอย่างว่านเฟิงแล้วด้วย

เงินอีเวยคิดแล้วคิดอีกเลยพูดว่า : “แต่ว่าคุณอย่าลืมนะ ว่างานเลี้ยงเต้นรำคราวก่อน คุณทำให้สวีโก้วหมิงขาดทุน ย่อยยับ แต่เรื่องนี้คุณก็น่าจะรู้ดีว่า ช่วงนี้เขากำลังขยายอำนาจ ของตัวเองให้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หากขนาดของว่านเพิ่งมัน ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด คุณแน่ใจนะว่าหลังจากที่หล่อนลาออกจาก บริษัทไปแล้ว หล่อนจะไม่ไปฟ้องพ่อแม่เพื่อมาฟ้องร้องคุณ?

เพิ่งเจ๋อเฉิงหันศีรษะกลับมาจ้องมาเสิ่นอีเวยและเปิดปาก พูดอย่างปกติ : “คนอย่างเพิ่งเจ๋อเฉิงเริ่มหวาดกลัวคนอื่นตั้งแต่ เมื่อไหร่กัน?”

เสิ่นอีเวยตกใจอยู่สักพัก ในใจเรื่องคิดได้ว่า : ก็ใช่ ผู้ชาย คนนี้หยิ่งยโสโอหังมาตั้งแต่แรก ไม่เคยเกรงกลัวใครมาตั้งแต่

แรก

ยิ่งเป็นเรื่องนี้แล้วด้วย พวกเขาแทบไม่มีเหตุผลอะไรเลย

คิดแบบนี้ได้เสิ่นอีเวยเลยพูดต่อ : “เอาหล่ะพูดกันมาถึง

ชั้นนี้แล้ว ถ้างั้นฉันให้อะไรบ้างอย่างกับคุณแล้วกัน ให้คุณได้ เห็นธาตุแท้ผู้หญิงอย่างสวอันฉิงว่าเป็นยังไง

เสิ่นอีเวยพูดจบ สีหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงดูไม่ตกใจหรือ ประหลาดใจอะไรเลย ก็ใช่อีกแหละ ผู้ชายคนนี้ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ให้ปรากฏต่อหน้าคนอื่น

เงินเลยนปากกาบันทึกเสียงสีดำนั่นให้เพิ่งเจ๋อเฉิงแต่ เขากลับไม่รับมันไว้

เพิ่งเจ๋อเฉิงขมวดคิ้วถาม : “นี่คืออะไร?

เงินอีเวยทำปากยื่นซื้อธิบายแล้วพูดต่อ : คุณฟังเอาไว้

แล้วก็จะรู้เรื่องเองแหละ

เพิ่งเจ๋อเฉิงรับมันไว้แล้วใช้นิ้วเรียวยาวกดปุ่มสีดำเปิด เสียงจนเสียงสอันฉ่งดังขึ้นมา

การแข่งขันการออกแบบชุดแต่งงานในครั้งนี้ ฉันจะใช้ โครงสร้างและแนวคิดการออกแบบที่เสิ่นอีเวยคิดไว้เรียบร้อย ก่อนหน้านี้ แต่ว่าเธอจะต้องเป็นพยานช่วยฉันต่อหน้านักข่าว ด้วย”

ประสิทธิภาพของเครื่องบันทึกเสียงถือว่าไม่เลวทีเดียว เนื้อหาด้านในต่างๆเพิ่งเจ๋อเฉิงได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้งเต็มสองรูหู

ยิ่งตอนที่เขาได้ยินเสียงสวีอันจึงพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอย่าง ชัดถ้อยชัดคำ อุณหภูมิบนสีหน้าเขาค่อยๆซีดลงเรื่อยๆ เขานึก ขึ้นมาได้จึงรีบหันศีรษะกลับไปมองเสิ่นอีเวยที่ยืนอยู่ข้างๆเขา ทว่าสีหน้าของหล่อนกลับไม่มีท่าทีทุกข์ใจ ยิ่งขนตากลับแสดง

อาการเหมือนว่าหล่อนไม่ได้สนอกสนใจอะไรเลย

เพิ่งเจ๋อเฉิงคาดไม่ถึงว่าคนที่กำลังพูดคุยกับสรีอันจึงอยู่

คือฉินจื่อเฟิง
เสียงของฉันจื่อเพิ่งค่อนข้างเบาไปหน่อยแต่เป็นการถาม

แบบสอบสวนหน่อยๆ

“คุณต้องการให้ฉันช่วยอะไร?”

“ก็เป็นพยานบอกว่าเงินอีเวยเป็นคนลอก โครงสร้างและ แนวคิดการออกแบบของฉัน” เสียงอาฆาตของสอันถึงที่ดัง ออกมาจากปากกาบันทึกเสียง

ฉันชื่อเฟิงถึงกับหัวเราะร่า : “นี่คุณบ้าไปแล้วใช่ไหม?

โครงสร้างการออกแบบก็อยู่ในมือคุณแล้วนี่ทําไมจะต้องไป ตลบหลังท่านประธานเห็นว่าเป็นคนมาลอกคุณด้วยเล่า? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ