นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่ 126 อยู่ดีดีก็มีคุณอาปรากฏออกมา



บทที่126อยู่ดีดีก็มีคุณอาปรากฏออกมา

บทที่ 126 อยู่ดีดีก็มีคุณอาปรากฏออกมา

เลยทำให้วุ่ยรุ่นสาวคนนี้ได้แต่ยุ่งเกี่ยวกับงานศพของพ่อ แม่เธอ สถานีตำรวจ ศาล องค์กรการกุศล แต่นั้นเธอได้นำพา ความเจ็บปวดติดตัวมาด้วยพร้อมกับการจัดการเรื่องเกี่ยวต่าง ๆ เกือบทุกวันยุ่งจนเท้าไม่หลีกพื้นดิน

แต่ว่าตอนนี้คุณอาที่ทำธุรกิจไปทุกหนทุกอย่างก็ได้ ปรากฏออกมา เขาโทรมาบอกว่ามรดกที่เหลือสามารถให้น้อง ชายดูแลได้ เพราะว่าอยากจะให้มรดกตกแต่ตนเองเพียงผู้ เดียว

กระดูกของพี่ชายยังไม่เย็น น้องชายก็จะออกมาแย่งมรดก ไป สายตาที่ชั่วร้ายเห็นได้ชัดเจน

แต่ว่าผู้หญิงอายุยี่สิบเอ็ดปีก็สามารถที่รักษาสติได้ตลอด เธอแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ชอบอาคนนี้ เลยทำให้เธอนั้นขึ้น ศาลและได้ญาติรอบข้างช่วยเหลือ เลยทำให้อาของเธอแพ้คดี ไป

ในท้ายที่สุด อาของเธอและเธอทะเลาะจนไม่สามารถที่จะ กลับมาได้อีก อาของเธอด่าเธอว่าคือเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่อง และ ยังกล่าวหาว่าเสิ่นอีเวยเก็บมรดกไว้แต่เพียงงผู้เดียว โดยไม่ได้ มอบให้กับองค์กรการกุศล เสิ่นอีเวยแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยที่จะพูดด้วยเหตุผลกับ คนโง่ เลยไม่ได้ทำการอธิบายอย่างใด ตอนนั้นเพียงแต่อยาก ให้พ่อแม่หลับอย่างสบาย

อาของเธอสุดท้ายก็จากไปเป็นเวลาสี่ปี และไม่เคยที่จะ ติดต่อกับเธอรวมไปถึงการแต่งงานกับเซิ่งเจ๋อเฉิง คนที่เป็นอา ก็ไม่ได้เข้าร่วมงาน

แต่ว่าในความคิดของเสิ่นอีเวยรู้สึกกลับว่ามันดีเหลือเกิน คนที่เห็นแก่เงินทอง ไหนเลยจะมีคนอยากคบค้าสมาคมด้วย

และตอนที่เธอจะลบคนที่เธอเกลียดออกจากความทรงจำ เส้นเหยียนซึ่งก็เลยโทรมาหาเธอ เธอเลยได้ทำการเตือนอย่าง รุนแรง คิดไปถึงตอนที่เจอเรื่องร้าย ๆ มาเลยไม่ได้ให้ความ เคารพกับอาของเธอและพูดว่า “คุณ โทรหาฉันต้องการ

อะไร ?

น้ำเสียงของอาเธอก็ยิ้มอยากเล็กน้อย เสิ่นอีเวยไม่ได้ อยากจะคิดแต่เธอนึกภาพของเขาออกมาได้

“ความจริงก็ไม่ได้มีอะไร เพียงแต่ไม่ได้ติดต่อกันนาน เลย

โทรมาไถ่ถามแค่นี้เอง”

เธอเกลียดเขาเกินความสิ่งใด หากเพียงแต่ฟังเสียงเฉย ๆ คนอื่นคงเข้าใจผิดว่าเขาคือสุภาพบุรุษ แต่ว่าเธอไม่อาจจะลืม เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนที่ทะเลาะกับเขาเรื่องมรดก

“หากคุณไม่มีอะไรขึ้นก็ขอวางแล้วกัน” เสิ่นอีเวยกำลังจะตัดสายไป เสิ่นเหยียนซึ่งในทันใดนั้นก็ เลยมีน้ำเสียงที่เร่งรีบ “อย่า อย่า อย่า ทำให้เด็กน้อยอย่างหนู ไม่เคยจะไว้หน้าอาบ้างเลย เป็นแบบนี้ เมื่อปีก่อนฉันได้สมัคร ไปยังบริษัทแห่งหนึ่ง อยากจะทำธุรกิจเล็ก ๆ ในสองปีมานี้มี การพัฒนาในด้านที่ดี แต่ว่าช่วงที่ผ่านมาการเงินติดขัด เลย ทำให้ขาดเงินเล็กน้อย ดังนั้น….”

พอฟังถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยก็รู้ถึงจุดประสงค์ในครั้งนี้ เธอ เลยไม่สงสัยเลยถามว่า “ยืมเงิน ? ”

เฉินเหยียนซึ่งยิ้ม “เด็กน้อยคนนี้ฉลาดเหลือน้ำ อามาก็

เพื่อจุดประ”

“ไพ !”

เสิ่นอีเวยตัดสายอย่างไร้เยื่อใย

พอรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นอา ในใจของเธอก็เต็มไปด้วย ความโมโห เลยทำให้เก็บความรู้สึกที่ไม่ดีเอาไว้

เธอได้มองหน้าจอโทรศัพท์ เบอร์โทรศัพท์นั้นก็ได้ปรากฏ ต่อหน้าเธอ ทำให้ในใจรู้สึกหงุดหงิด เธอก็ไม่อยากจะไปหาว่า ไปเอาเบอร์นี้มาจากไหนอีก เธอเพียงแต่คิดว่าเขาจะโทรมาอีก

ใหม

เธอจึงบล็อคเบอร์โทรนั้นด้วยความที่ไม่มีการคิดใดใด

พอตอนที่เธอกำลังเตรียมตัวเลิกงาน ก็ได้มีเสียงโทรศัพท์

ดังขึ้นมา ในใจเธอก็มีความสงสัย คิดว่าตัวเองไม่ได้จัดการดีดี ทำให้ เสิ่นเหยียนซึ่งโทรมาอีกครั้ง พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็ได้ เห็นชื่อว่าเซียวหันถึง

เธอตกใจแล้วรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล”

เสียงของเขาฟังแล้วรู้สึกว่าสบายใจ “คุณหญิงเสิ่น เลิก

งานหรือยัง ?”

“เพิ่งจะเลิก”

“ไม่รู้ว่าวันนี้จะได้รับเกียรติเลี้ยงอาหารคุณไหม ? ”

น้ำเสียงของเซามีความรู้สึกที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรว หราว เธอจึงไม่ค่อยชอบสักเท่าใด เลยตอบปฏิเสธไปว่า “ประธานเซียวคะ ขอโทษค่ะ คืนนี้ชั้นยังมีงานอื่น ๆ ค่ะ ”

เขาเลยหัวเราะแล้วพูดว่า “มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะให้ คุณมากับผม ผมมาถึงบริษัทรอคุณแล้ว มารับคุณด้วยตัวเอง นั้นไม่ดีหรือ ? ขอพูดความจริงผมน่ะชอบคนที่น่ารักใสใสแบบ คุณน่ะ ผมพูดตรง ๆ เลยแล้วกัน คืนนี้ไม่เพียงแต่กินข้าว ผมยัง มีเรื่องจะคุยกับคุณ”

เหมือนกับในใจไม่อยากจะพูดอะไรออกมา เสีนอีเวยก็ได้ ถามว่าจะพูดเรื่องอะไร

“เป็นอย่างไร คุณหญิงเสิ่นไม่สนใจหรอกหรือ ?” เสิ่นอีเวยเงียบไปสักครู่แล้วพูดว่า “ชั้นจะลงไปเดี๋ยวนี้”

“ดี ผมรอคุณ” ค่ำคืนของต้นฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เธอ จึงเกิดกอดเสื้อกันลมของตนเองเดินไปยังรถคันสีดำ เลยไม่ได้ ทำให้สังเกตถึงว่าข้างหลังรถสีดำนั้นมีสายตาที่เยือกเย็นมอง อยู่

เมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี ทุกที่ที่เต็มไปด้วยเสียงแห่งความ

วุ่นวาย

พอเธอได้ขึ้นมาบนรถก็เหมือนกับได้ถูกกั้นออกไปจาก เสียงรบกวน ในรถนั้นมีความเงียบสงัด เธอพูดว่า “คุณรอนาน แล้ว พวกเราไปกันเถอะ”

เซียวหันถึงยิ้มแล้วพูดว่า “รอสักครู่”

ทันใดนั้นเขาก็เลยได้เอนตัวไปยังที่นั่งข้าง ๆ เธอจึงได้ แขนทั้งสองข้างดันเซียวหัวถึงออกไป แต่น้ำเสียงที่เต็มไปด้วย การตักเตือน “เธอจะทำอะไร ? ”

เขาจึงยิ้มๆอย่างสบายใจ เหมือนกับรู้มาก่อนว่าเธอจะทำ อะไร เลยเพียงพูดว่า “คุณอย่าเข้าใจผิดแล้ว คุณลืมคาดเข็ม ขัดนะ”

ณ ตอนนี้ สองคนนี้ห่างกันใกล้เหลือเกิน เธอใกล้จนที่ สามารถเห็นคิ้วของเขาได้อย่างชัดเจน พอเธอกำลังจะปฏิเสธ เขาก็จัดการคาดเข็มขัดให้เสร็จแล้วเรียบร้อย

“คาดำ”

เสียงที่หัวเข็มขัดเข้าล็อคพอดี ภายใต้ความเงียบที่เต็มไป ด้วยความน่ากลัว แต่ว่าในนั้นกลับซ่อนความอบอุ่นอยู่ในนั้น

ริมฝีปากของเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พอคาดเสร็จ เขาก็เลยย้ายตัวไปนั่งที่คนขับ เลยทำให้ช่องว่างระหว่างสอง คนนั้นเริ่มปลอดภัย

ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็แดง ก่ำ เมื่อสักครู่นี้ได้ทำการ กระทำที่รุนแรงไป แต่ความจริงแล้วเขาเพียงจะคาดเข็มขัดให้ แค่นั้นเอง เมื่อเป็นแบบนี้เลยทำให้เธอนั้นรู้สึกละอายใจ

พอถึงร้านอาหารก็เกือบจะหนุ่งทุ่ม อาหารริมทะเลทั้งสอง นั่งตรงข้ามกันกับสายลมที่สัมผัสตรงที่หู

ในใจเธอก็คิดเพียงแต่เรื่องที่เขาจะพูดกับตนเอง เลยเปิด ประเด็นว่า “ท่านประธานเชียว มีเรื่องอะไรจะพูดกับชั้นหรือ ? ”

เขาจึงได้วางซ้อนส้อมลง สายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหญิวเสิ่น คุณจะรีบร้อนไปทำไมล่ะ ? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ