นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่185เรื่องที่เพิ่งเจ๋อเฉิงสนทนากับเจิ้ งอวิ๋นชวน



บทที่185เรื่องที่เพิ่งเจ๋อเฉิงสนทนากับเจิ้ งอวิ๋นชวน

บทที่ 185 เรื่องที่เพิ่งเจ๋อเฉิงสนทนากับเจิ้งอวิ๋นชวน

เวลาสองทุ่ม วิลล่าตระกูลเชิง

ห้องนอนของเงินอีเวยไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงโคมไฟตั้งโต๊ะ ข้างหัวเตียงเท่านั้นแสงไฟเป็นสีเหลืองอบอุ่น ทำให้ภายในห้อง นอนดูแล้วรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

เสิ่นอีเวยเพิ่งอาบน้ำเสร็จ อยู่ในชุดนอนกำลังนั่งอยู่บน ระเบียง ได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออก หล่อนก็รีบหันศีรษะไป

ทันที

เป็นเชิงเจ๋อเฉิงจริงๆ

เพิ่งเจ๋อเฉิงคงเพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน เพราะบนร่างเขายัง สวมสูทเมื่อตอนกลางวันตัวนั้นอยู่ ยังไม่ได้เปลี่ยนเลย เสี นอีเวยให้ความสนใจไปยังสายตาที่มีความเฉยเมยของเพิ่งเจอ เฉิง แล้วจึงยืนขึ้นมองเขา

“ตึกขนาดนี้แล้ว คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” เสิ่นอีเวยเปิด

ปากกาม

เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่สนใจหล่อน มือจับเสื้อโค้ทตัวนอกพาดไว้

บนพนักเก้าอี้
เขามองตาเสิ่นอีเวยเงียบๆ ดูไม่ออกว่าในตาเป็นอารมณ์ แบบไหน เป็นเวลาเนิ่นนาน เขาเปิดปากอย่างช้าๆ “คุณไม่อะไร ที่อยากจะที่อธิบายกับผมเหรอ?”

จับแขนแน่น เสิ่นอีเวยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หล่อนฟังไม่ออก ถึงความหมายในน้ำเสียงของเขา ถามกลับว่า : “อธิบาย อะไร?”

ไม่รอให้เพิ่งเจ๋อเฉิงพูด ในหัวของเงินอีเวยก็คิดเรื่องเมื่อ ตอนกลางวันที่บริษัทเซ่งชื่อขึ้นมา ภาพที่เจิ้งอวิ๋นชวนจับแขน ของตนเองถูกเพิ่งเจ๋อเฉิงเห็นแล้วเป็นแน่

หล่อนถาม: “คุณพูดถึงเจิ้งอวิ๋นชวน?”

เพิ่งเจ๋อเฉิงมองเสื่นอีเวยอย่างเยือกเย็น ในน้ำเสียงแฝง แววประชดประชัน “ไม่อย่างนั้นคุณยังคิดว่ามันจะเป็นเรื่อง อะไรได้อีกล่ะ?”

เงินอีเวยสูดหายใจลึกเชือกหนึ่ง กล่าวว่า : “วันนี้เมื่อ กลางวันตอนอยู่ที่บริษัท เป็นเพราะเจิ้งอวิ๋นชวน จงใจดึงแขน ฉัน ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เมื่อก่อนนี้ระหว่างฉันกับเขาไม่มี อะไร”

เพิ่งเจ๋อเฉิงนึกถึงตอนในห้องประชุม ประโยคที่เจิ้งอวิ๋น ชวนพูดกับตนเองเหล่านั้น ในดวงตาก็เยียบเย็น ในน้ำเสียง แฝงแววกระทบกระทั่งและตั้ง คำถาม : “ตอนคุณอยู่ประเทศ อังกฤษก็รู้จักเจิ้งอวิ๋นชวนอยู่ก่อนแล้ว ได้ยินว่าเคยเล่นสนุกกัน ที่ร้านบาร์อีกด้วย?
เสิ่นอีเวยเห็นสีหน้าจริงจังของเพิ่งเจ๋อเฉิง ตกตะลึงไปครู่ หนึ่ง ริมฝีปากของเธอขยับเล็กน้อย

ความตั้งใจเดิมของหล่อนคือจะไม่บอกรายละเอียดกับเซ็ง เจ๋อเฉิงเรื่องระหว่างหล่อนและเจิ้งอวิ๋นชวนที่ร้านบาร์ในอังกฤษ เมื่อห้าปีก่อนเรื่องนั้น เพราะบางครั้งยิ่งพูดมากก็ยิ่งผิดมาก แต่ ตอนนี้หล่อนถูกครอบงำอย่างสมบูรณ์แล้ว เพิ่งเจ๋อเฉิงรู้เรื่อง พวกนี้ได้อย่างไร?

คาดว่าเจิ้งอวิ๋นชวนคงจะบอกเขาเสียล่ะมั้ง? แต่พ่อลูกตระ กูลเจิ้ง มาบริษัทเพิ่งซื้อครั้งนี้เพื่อคุยเรื่องความร่วมมือ เจิ้งอวิ๋น ชวนไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าเพิ่งเจ๋อเฉิง

เงินเลยมองตาเพิ่งเจ๋อเฉิง ใช้ความพยายามทั้งหมดใน การควบคุมอารมณ์ตัวเอง “คุณรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง? เป็นเจิ้งอ วันซวนที่บอกคุณใช่ไหม?”

ดวงตาเพิ่งเจ๋อเฉิงดำมืด กล่าวเสียงเย็น: “ทำไม ตอนนี้

คุณเครียดเหรอ? ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่า นิสัยชอบเข้าร้านบาร์ ของคุณได้รับการบ่มเพาะมาตั้งแต่ห้าปีก่อนแล้ว เสิ่นอีเวยรู้ว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงพูดถึงครั้งก่อน หล่อนอารมณ์ไม่ดี

ถูกหลิน โม่เยนลากไปบาร์ทั้งคืน แต่หล่อนโตขนาดนี้แล้ว บวก กับตอนอยู่อังกฤษครั้งนั้น ก็เคยไปร้านบาร์เพียงสองครั้งนี้ เท่านั้น

ในน้ำเสียงของเชิงเจ๋อเฉิงมีความหมายเยาะเย้ยชัดเจน เกินไป เนเวบไฟังแล้วในใจก็อึดอัดอย่างมาก และโต้กลับโดยไม่รู้ตัว: “จริงๆแล้ว ถ้าพูดถึงเรื่องไปสถานที่คล้ายคลึงกับ ร้านบาร์อะไรพวกนี้แล้ว คุณน่าจะไปมากกว่าฉันหลายครั้งนะ? ปกติคุณคุยเรื่องความร่วมมือก็ไม่ใช่ไปโรงแรมหรูหรือสโมสร อะไรพวกนี้บ่อยๆเหรอ?

บนใบหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้แสดงอะไร สายตาของเขา ลุ่มลึกมากขึ้น เขาเดินเข้าใกล้เงินอีเวยไปก้าวหนึ่ง กล่าว “คุณ คงจะมีข้อสงสัยต่อทัศนคติในการทำงานของผมสินะ?”

เงินอีเวยเสียงเย็น : หมายความว่าอย่างนั้น “คุณเพิ่งคิดมาไปแล้ว ฉันไม่ได้

เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้อยู่ในหัวข้อนี้อีกต่อไป

“ระหว่างคุณกับเจิ้งอวิ๋นชวน เมื่อห้าปีก่อนที่ประเทศ อังกฤษเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ คืนนี้ต้องเล่าให้ผมฟังตั้งแต่ต้น จบ”

เงินอีเวยเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมาในทันที หล่อนรู้สึกว่า ผู้ชายคนตรงหน้านี้แปลกมากๆ เห็นอยู่ชัดๆว่าเขาเกลียด ตนเองมาก แต่ตอนนี้กลับมาอยู่ที่นี่และถามถึงเรื่องเช่นนี้ หล่อนเกลียดความรู้สึกแบบนี้มาก

เงยหน้าขึ้น การแสดงออกเพิ่มความเย็นชามากกว่าเมื่อ ครู “นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย?

เกิดความเงียบขึ้นในอากาศ

เติมเสน เวยคิดว่าพูดประโยคแบบนั้นออกไปแล้ว เพิ่งเจ๋อเฉิงสมควรจะโกรธ แต่เขาเปล่า เพิ่งเจ๋อเฉิงเพียงต้องหล่อน เงียบๆ กล่าวว่า “วันนี้ผมคุยกับเจิ้งอวิ๋นชวน ประโยคสุดท้ายที่ เขาพูดคือ ถ้าหากคุณขอโทษเขาเขาจะยอมลงชื่อในสัญญา ครั้งนี้บริษัทเพิ่งซื้อ หากคุณไม่ขอโทษเขา เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะ ต้องมาคุยกันอีก”

เงินอีเวยเกิดข้อสงสัยในใจ เรื่องขอโทษเจิ้งอวิ๋นชวนนี้ คง พูดถึงเรื่องที่ตนเองแก้แค้นในร้านบาร์เมื่อห้าปีก่อนสินะ? แต่ นั่นก็เป็นเพราะเขาเป็นคนลงมือก่อนต่างหาก

ในใจเสิ่นอีเวยพรั่งพรูไปด้วยความโกรธ ชั่วขณะหนึ่ง หล่อนพูดไม่ถูกว่าในใจมีรสชาติอย่างไร ความรู้สึกเหมือนถูก กรอบ

ตอนที่เธอกำลังใช้ความคิดก็เดินเข้าไป เพิ่งเจ๋อเฉิงถาม เสียงเย็นชาขึ้นมาอีกครั้งว่า “เงินอีเวย ผมให้โอกาสคุณครั้ง สุดท้าย เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อนที่ร้านบาร์ระหว่างคุณกับ เจิ้งอวิ๋นชวนให้ผมฟังตามความจริง

เสิ่นอีเวยมองตาเพิ่งเจ๋อเฉิงอย่างจริงจัง รู้ว่าคืนนี้ต้อง อธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน หล่อนเดินช้าๆไปยังระเบียงแล้วนั่งลง บนเก้าอี้ กระชับผ้าคลุมไหล่บนร่าง

ราวครึ่งชั่วโมงต่อมา เรื่องเงินอีเวยเมื่อห้าปีก่อนรู้จักผาง เจียเมียได้อย่างไร ที่ร้านบาร์เจิ้งอวิ๋นชวนใส่ยาลงในแก้ว เครื่องดื่มของตนเองสุดท้ายถูกผางเจียเมียดื่มเข้าไปโดยไม่ได้ ตั้งใจต่อมาภายหลังจะเกิดเรื่องที่หล่อนไปแก้แค้นเจิ้งอวิ๋นชวนได้อย่างไร ล้วนถูกเล่าออกไปอย่างครบถ้วนทุกค่าแล้ว

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ความเร็วของเวลายามค่ำคืนผ่านพ้นไป อย่างช้าๆ ในอากาศมีความเป็นอยู่สักหน่อย เพิ่งเจ๋อเฉิงนั่งบน เก้าอี้ข้างเงินอีเวยฟังหล่อนอย่างเงียบๆ

เหมือนตกอยู่ในภวังค์ เงินอีเวยเกิดภาพลวงตา ตนเอง และเพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้นั่งเงียบๆ และพูดคุยกันดีๆเหมือนอย่างนี้ มานานเท่าไหร่แล้ว?

ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ความขัดแย้งกันระหว่างพวกเขายิ่ง เพิ่มมากขึ้น เรื่องเล็กน้อยขนาดไหนก็สามารถจุดความโกรธข องทั้งสองขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นก็ทะเลาะกันอย่าง เลี่ยงไม่ได้ และเย็นชาใส่กัน

เงินอีเวยพูดไปพลางหันศีรษะไปมองกรอบหน้าด้านข้าง ของเพิ่งเจ๋อเฉิง ไฟบนระเบียงเพื่อบรรยากาศสบายดังนั้นจึงไม่ ได้สว่างมากนัก ทั่วทั้งใบหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงครึ่งหนึ่งถูกแสง ไฟสาดส่อง ส่วนอีกครึ่งซ่อนเร้นอยู่ในความมืดมิด จริงๆแล้ว มุมเช่นนี้การแสดงออกเล็กๆ น้อยก็สามารถทำให้คนรู้สึกว่า จริงจังและรุนแรงเกินไป แต่ว่าขณะนี้สีหน้าบนใบหน้าเพิ่งเจอ เฉิงตกสู่สายตาของเงินอีเวยทั้งหมด

ท้ายของท้ายที่สุด เมื่อสาธยายเรื่องราวจบแล้ว เป็นอีเว ก็ค่อยๆหลงใหล

เพิ่งเจ๋อเฉิงฟังจบ ก็เพียงพูดด้วยเสียงเย็นชาออกมา ประโยคหนึ่ง : “คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อก่อนคุณก็ร้ายกาจใช้ได้เหมือนกัน”

เป็นเพราะประโยคนี้ ความคิดของเสิ่นอีเวยก็ถูกดึงกลับ มาปัจจุบัน หล่อนไม่ได้ตอบการเยาะหยันของเซ่งเจ๋อเฉิงใน ทันที หล่อนลองคิดอย่างระมัดระวังถึงประโยคเมื่อครู่ของเขา ช่างน้ำหนักถึงความหมายแบบไหนที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น

นี่เยาะเย้ยกันหรือเปล่า? เสิ่นอีเวยคิดแบบนี้อย่างช่วยไม่

ได้

แต่ว่าหล่อนคิดใหม่อีกครั้ง ในน้ำเสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงฟัง เหมือนมีความชื่นชมอยู่ในนั้น แต่หล่อนไม่สามารถยืนยันได้

ฉันรู้สึกอยู่เสมอว่าเกี่ยวกับเรื่องนั้น ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด “ ถูกคนรังแกแล้วก็ควรรังแกกลับ ฉันไม่สนหรอกว่าพ่อแม่เขาจะ เป็นใคร ร้ายกาจขนาดไหน อิทธิพลของครอบครัวจะใหญ่แค่ ไหน ขอแค่ได้แก้แค้นสำเร็จฉันก็ดีใจแล้ว

ตอนที่เสิ่นอีเวยพูดประโยคนี้ บนใบหน้าก็ฉาบด้วยรอย ยิ้มชื่นมื่น เพิ่งเจ๋อเฉิงมองใบหน้าที่ชัดเจนของหล่อน จู่ๆก็รู้สึก ว่าตอนนี้เสิ่นอีเวยเป็นเหมือนเด็กเล็กๆคนหนึ่งที่ประสบความ สําเร็จในการเล่นแผลงๆ

ช่างเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ