นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่213คำพูดวันนั้นยังนับอยู่ไ



บทที่213คำพูดวันนั้นยังนับอยู่ไ

หม

บทที่ 213 คำพูดวันนั้นยังนับอยู่ไหม

เมื่อเจิ้งอวิ๋นชวนพูดเสร็จ ทุกคนที่กำลังจะออกไปก็หยุดชะงักเท้

าของตัวเอง

ทุกคนที่มาเข้าร่วมวันนี้

ไม่คาดคิดเลยว่าจะต้องมาตกที่นั่งระกำ ทุกคนก็ได้หยุดแล้วมองไปด้านหลังขอ

ลำบากขนาดนี้

งตัวเอง

คนหนึ่งก็คือลูกชายคนโตของเจิ้งโป๊หง

อีกคนก็เป็นนักธุรกิจที่มีอำนาจที่สุดในเ มืองแห่งนี้ สองคนนิมิภูมิหลังและอำนาจที่พวกเขา ถึงแม้ว่าคนกลุ่มนี้จะเป็นพวกลูกเศรษฐี

ยากจะมีการต่อกรได้

แต่ว่าอำนาจและการต่อรองไม่อาจจะเ ท่ากับสองคนนั้น

เสิ่นอีเวยที่อยู่ด้านข้างซึ่งได้เห็นเรื่องร าวทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถที่จะตอบสนองอะไรได้

ซึ่งเจิ้งอวิ๋นชวนและเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ต่างม องกันอย่างเงียบเชียบนั้น ถึงแม้จะไม่มีท่าทีแสดงสีหน้าออกมา แต่เสิ่นอีเวยรู้อย่างชัดเจนว่าพวกนั้นมีค

วามอาฆาตอยู่ในใจ

แต่ว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย

ๆก็ไม่ใช่วิธีที่ดี เงินอีเวยได้มองไปยังเซิงเจ๋อเฉิงที่ในส

ายตาของเขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าอารม ณ์จิตใจตอนนี้มีความย่ำแย่อย่างมาก แต่ว่าเธอก็ไม่มีวิธีใด ๆ เลย เรื่องราวเมื่อห้าปีก่อนกับเรื่องวันนี้กับเจิ้ งอวิ๋นชวน

ทำให้เสิ่นอีเวยรู้สึกว่ามันคือห้วงเวลาแ ห่งการระเบิด

เธอเพียงอยากจะพาตนเองและเซิ่งเจ๋อ เฉิงออกไปจากที่นี่ และจะไม่คบค้าสมาคมกับเจิ้งอวิ๋นชวน

คนนี้อีกต่อไป เสิ่นอีเวยมองไปยังเซิ่งเจ๋อเฉิง

เจิ้งอวิ๋นชวนกลับมีท่าทีที่ไม่อยากจะเผ

ชิญหน้า?

แต่สถานการณ์วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนเ ลยสักนิด เธอรู้ว่าเจ๋งอวิ๋นชวนเป็นคนที่ไร้น้ำยาห

น้าหนา

ดังนั้นเลยไม่อยากให้เวลาอันมีค่าของเ ซึ่งเจ๋อเฉิงมาเสียเวลากับคนพันธุ์นี้

ในใจเสิ่นอีเวยก็ได้มีการคาดคะเนดูว่าค วรจะทำสิ่งไหนดี

เลยรวบรวมความกล้าทั้งหมดกัดฟันตน เองแล้วเดินไปหาเซิ่งเจ๋อเฉิง เนื่องด้วยเซิ่งเจ๋อเฉิงมีความสูง แต่ว่าเสิ่นอีเวยใส่รองเท้าส้นสูงเลยทำใ ห้เธอนั้นสูงเทียบเท่าไหล่ของเขา

อารมณ์ของเซิ่งเจ๋อเฉิงมีความสุขุม และสายตาที่ราวกับมีความลับน่ากลัวซ อนอยู่ภายใน เลยทำให้ทุกคน ณ ที่นั้นรู้สึกถึงสงครามเย็น

ขณะตอนที่เพิ่งเจ๋อเฉิงกำลังจะเปิดปาก พูดนั้น ทนใดนั้นกลับมีคนข้างขวาดงเสือของเ ขา เขาจึงขมวดคิ้วแล้วหัวกลับไป ซึ่งเสิ่นอีเวยกำลังเงยหน้ามองเขา

เสิ่นอีเวยได้มองไปยังเซิ่งเจ๋อเฉิงด้วยส ายตาที่อาวรณ์ แต่ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับไม่ได้ไปสนใจคว ามหมายของสายตาเธอเลย

“ดวงตาคุณไม่สบายหรือ ?” เซิ่งเจ๋อเฉิงตอบด้วยความเย็นชา

ผู้ชายบ้า ทั้งๆที่รู้ว่าหมายความว่าอะไร ทำไมถึงกลับหลอกว่าไม่รู้เรื่อง เสิ่นอีเวยจึงโมโหเลยมีความคิดที่อยาก จะตบไปยังหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิง

“เซิ่งเจ๋อเฉิง เราไปจากที่นี่กันเถอะ คนที่นี่ไม่มีอะไรต้องพูดด้วยหรอก” เสิ่นอีเวยพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา ๆ เซิงเจอเฉิงไม่ได้ตอบอะไร และได้เก็บสายตาที่มองไปยังเจิ้งอวิ๋นช วน และได้พูดอย่างเงียบสงบว่า “เรื่องราววันนี้เหตุเป็นเพราะคุณ คุณทำให้เรื่องต่าง ๆ ไปกันใหญ่แล้ว

ผมมาที่นี่ก็เพราะมาจัดการกับตัวปัญหา แทนคุณ

คุณยังจะบอกให้ผมไปจากที่นี่ จะให้เสียของกลางทางรึ ? ”

คำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงประโยคนั้น ““เรื่องราววันนี้เหตุเป็นเพราะคุณ”

ซึ่งเจ็บไปยัง

เมื่อสักครู่นี่ยังจับชายเสื้อของเซิ่งเจ๋อเ ฉิงอย่างแน่นหนา แต่ผ่านไปสักครู่ เสิ่นอีเวยก็ค่อยๆปล่อยมือลงไป

ปรากฏว่า

เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังโทษตัวเสิ่นอีเวย ก็จริงอยู่

แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่ได้ชอบเธอ เพราะเรื่องของวันนี้ต้นเหตุก็คือเธอจริง

แต่เสิ่นอีเวยไม่คาดคิดเลยว่า

ที่จะได้ยินจากหูตัวเองในประโยคนั้น ในใจกลับรู้สึกถึงความเจ็บปวด

หลังจากนั้น

เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้ไปมองเสิ่นอีเวย แต่กลับหันไปมองยังคนกลุ่มนั้นที่อยู่ห น้าประตู

คนกลุ่มนั้นไม่กล้ามีใครจะพูดอะไรเลย หนึ่งคือไม่กล้าจะหาเรื่อง สองคือกลิ่นอายแห่งความน่ากลัวของเ ซิ่งเจ๋อเฉิงได้แพร่กระจายไปทั่ว

และได้มองไปยังข้าง ๆก็มีความน่ากลัวที่ไม่แพ้กันก็คือเจ๋งอ นชวน ที่กําลังมองเชิงเจ๋อเฉิงอยู่ ซึ่งสองคนทําให้เกิดความกดดันอย่างยิ่

เซิ่งเจ๋อเฉิงได้พูดอยากเย็นชาและน่าก ล้วว่า “ผมขอพูดครั้งสุดท้าย ทุกคนในนี้ ออกไปจากที่นี่ให้หมด หากไม่ทำตามสิ่งที่ผมจะสื่อถึง ก็เตรียมตัวรับผลร้ายๆได้เลย”

คําพูดด้วยน้าเสียงที่เย็นชาและเงียบง่า

แต่กลับเป็นไปด้วยการบังคับที่ยากจะไ ม่ทำตามไม่ได้

ครั้งนี้

ไม่มีใครไม่กล้าที่จะลังเลและสงสัยอีก แล้ว

ทุกคนก็รีบออกไปจากที่ตรงนั้นหมด จนกระทั่งคนสุดท้ายก็ได้นำคนรับใช้ที่ อยู่ในนั้นออกไปหมดห้อง

ห้องที่เต็มไปด้วยความเงียบงัน เสิ่นอีเวยมีความตื่นเต้นทั้งอารมณ์และ

จิตใจ

ซึ่งเพิ่งเจ๋อเฉิงและเจิ้งอวิ๋นชวนที่มองห น้ากันอย่างจะเอาเป็นเอาตาย เธอก็ได้คิดถึงแต่เรื่องที่จะทำอย่างไรใ ห้กลายเป็นเรื่องเล็ก

พอถึงตรงนี้

เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้เดินเข้าหาเจิ้งอวิ๋นชวน อีกหนึ่งก้าว

“คุณชายเจิ้ง ผมถามคุณอีกครั้ง คุณนำพาภรรยาผมมาที่นี่ มีเรื่องอะไร

?” เจิ้งอวิ๋นชวนยิมอย่างแสยะ ถึงแม้จะเป็นการยิ้มแบบนั้น แต่กลับเต็มไปด้วยความเคียดแค้น แม้กระทั่งเสิ่นอีเวยก็ยังรับรู้ได้

เมื่อสักครู่นี้เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ไล่คนกลุ่มนั้น ออกไปจากห้องนี้ ซึ่งคนกลุ่มนั้นก็ได้ออกไปจากห้องนี้ทั

นที

ซึ่งเป็นการหักหน้าเจิ้งอวิ๋นชวนอย่างที่

สุด

ดังนั้นหากพูดถึงนิสัยที่คิดเล็กคิดน้อยข องเจิ้งอวิ๋นชวนแล้ว

แน่นอนว่าย่อมคิดแค้นอยู่ในใจ

แต่เจิ้งอวิ๋นชวนได้ลากเก้าอีก แล้วนั่งลงและจุดบุหรี่ขึ้นมาพ่น

แล้วพูดว่า

“คงจะดีกว่าถ้าประธานเซิ่งได้ถามอยา กคุณนายเงิน

ว่าความจริงแล้วผมพามาหรือเธอนั้นมา

เอง”

เสิ่นอีเวยได้รู้สึกถึงตกใจ และได้มองไปยังเซิ่งเจ๋อเฉิง

เซิ่งเจ๋อเฉิงแม้นไม่ได้แสดงท่าทีอารม แต่เสิ่นอีเวยรู้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังอ ยู่จุดที่โมโหที่สุด

ณ์ใด ๆ

หนึ่งวินาทีต่อไป

เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ก็หันไปมองเธอ

ในใจของเสิ่นอีเวยจึงได้เต้นเร็วขึ้นๆ

เธอได้มองเขาแบบนั้น เธอคิดว่าวันนี้เพิ่งเจ๋อเฉิงถามเธอเรื่อง

ที่เกิดขึ้นวันีน้

แต่ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ถาม

เขาจึงได้เก็บสายตาที่มองไปยังเสิ่นอีเ วย

หลังจากระยะเวลาอันสั้นนั้น เสิ่นอีเวยรู้ถึงความผิดแปลกไป เธอได้มองไปยังสายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิ

เหมือนกับเขาได้บอกอย่างอะไรกับเธอ

ไม่ต้องเป็นห่วง

ฉันจะแก้ไขปัญหาของวันนี้เอง

ในใจเสิ่นอีเวยทั้งทุกข์และทั้งยิ้ม เธอรู้สึกว่าช่วงนี้รู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างม

าก

ไม่งั้นจะเกิดเรื่องที่เลวร้ายขนาดนี้เลยห

รือ ?

เซิ่งเจ๋อเฉิงได้มองไปเธอ ณ ตอนนั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีความเมตตาแ ละอาวรณ์ในจิตใจ ในตอนนี้เสนอเวยกำลังเหมืออยู่นั้น ก็ถูกเสียงของเจิ้งอวิ๋นชวนติดอารมณ์ขึ้ นมา

“ประธานเ ง หากผมจําไม่ผิดแล้วล่ะก็ ตอนที่ผมไปบริษัทเชิง อนั้น คุณตกลงว่าจะให้เธอนั้นมาขอโทษผมใ ช่ไหม ? ดังนั้น

ตอนนี้ยังนับอยู่หรือเปล่า ? ”
191035853_479460716620688_5658288967047212767_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ