นายเป็นแค่สามีเก่า

ตอน103ค้นหาความจริงที่ปกปิด



ตอน103ค้นหาความจริงที่ปกปิด

ตอนที่ 103 ค้นหาความจริงที่ปกปิด

เธอรู้สึกว่าแปลก ในบ้านก็ไม่มีคนอื่น แล้วเชิ่งเจ๋อเฉิงกำ ลังคุยกับใคร

ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เสิ่นอีเวยหยุดก้าวเดิน เธอ ค่อยๆ ขยับมือเท้าอย่างเบาๆเข้าไปใกล้ๆประตูแล้วหยุดฟัง อย่างตั้งใจ

“ถ้านายคิดว่ามันทุกข์ทรมานใจนัก ตอนนี้พี่สามารถที่จะ เข้ามอบตัว สารภาพกับตำรวจถึงเรื่องราวในปีนั้น ไม่จำเป็นที่ จะต้องให้พี่ชดเชยให้กับเธอแทนนาย”

เป็นเสียงที่เยือกเย็นของเซิ่งเจ๋อเฉิง

หลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นจบ ทุกอย่างก็กลับมาเงียบ สงัด ฟังดูแล้วเหมือนกับว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังคุยโทรศัพท์กับใคร อยู่ แต่ตอนนี้ได้วางสายไปแล้ว

ในใจของเสิ่นอีเวยมีความรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย ที่เชิ่งเจ๋อ เฉิงพูดไปเมื่อสักครู่มันหมายความว่าอย่างไร

ทันใดนั้นก็มีเสียงออกมาจากข้างในห้อง เสิ่นอีเวยก็ตกใจ ขึ้นมา กลัวว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงจะออกมาเจอเธอ ดังนั้นเธอจึงรีบเดิน ออกไป
แก้วน้ำอันเย็นเยือกกุมจับไว้ที่ฝ่ามือ คำพูดนั้นของเซิงเจ๋อ เฉิงได้วนเวียนอยู่ในหัวของเสิ่นอีเวย คิดไปถึงรูปพวกนั้นที่ เชียวหันถึงให้ตนดูครั้งที่แล้ว เหมือนว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างได้ เชื่อมโยงกับสมองของตนเองขึ้นมา แต่ว่าเมื่อเธออยากจะคิด ให้มากกว่านี้กลับมีหมอกหนาทึบมาปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำให้ สิ่งที่เห็นอยู่กลายเป็นความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว

ในวันต่อมา เสิ่นอีเวยออกจางห้องทำงานเดินตรงไปที่ ห้องชงชา กลับไปพบเจอกับสวี่อันฉิงที่มุมโค้งตรงทางเดิน จิตสำนึกต้องการที่จะหลบหลีก แต่สวี่อันฉิงกลับเดินมาทาง ข้างๆตั้งใจที่จะขวางทางเธอไว้

เสิ่นอีเวยมองเธออย่างเย็นชา “เธอมีธุระอะไร?”

สวีอันฉิงยิ้มอย่างโอ้อวด “ก็ไม่ได้มีธุระอะไรที่สำคัญหรอก แค่อยากจะพูดคุยกับเธอเฉยๆ ฉันเฝ้าคอยการเดินทางไป ทำงานต่างเมืองของเราในสัปดาห์หน้ามากๆ”

เสิ่นอีเวยยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้นว่า “การเดินทางหรอ? เธอนี้ไม่คิดมากเลยเนาะ?”

ไม่รู้ว่าตนเองดูผิดไปหรือไม่ เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าในแววตาที่ สวีอันฉิงมองเธอนั้นแฝงไว้ด้วยความหมายบางประการ

สวีอันฉิงโบกมือให้เธอ ยิ้มแล้วพูดว่า “ยังไง ฉันก็เฝ้าคอย

สุดๆ”

บ้าไปแล้วจริงๆ เสิ่นอีเวยคิดแล้วพูดต่อว่าสวี่อันฉิงในใจ
ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่สวี่อันฉิงพูดจากับเธอด้วยท่าทางที มีเจตนาแอบแฝงอยู่ วันทั้งวันเสิ่นอีเวยรู้สึกใจคอไม่ดี คิดแล้ว คิดอีก เธอจึงเรียกฉินจื่อเฟิงให้เข้ามา

สายน้อยที่ถักเปียน่ารักสูงๆนั่งรอให้เสิ่นอีเวยพูดนั่งอยู่ ตรงข้ามโต๊ะ

อาทิตย์หน้าฉันจะต้องไปทำงานที่เมืองc อาจจะต้องอยู่ที่ นั่นไม่กี่วัน วันนี้ต้องเอาหน้าที่งานที่จำเป็นจะต้องทำต่อไปให้

เธอก่อน

ฉินจื่อเฟิงพยักหน้า จดลงบนสมุดบันทึกของตนเองอย่าง

ไม่มีตกหล่น หลังจากที่พูดธุระสำคัญเสร็จ เสิ่นอีเวยวางปากกา ที่อยู่ในมือ สีหน้าท่าทางแสดงออกมาอย่างเคร่งขรึม เรื่องที่ฉัน กับผู้จัดการสวีต้องไปทำงานต่างเมืองอาทิตย์หน้า เธอได้ยิน คนในบริษัทเขาพูดคุยอะไรกันบ้างมั้ย?”

ฉินจื่อเฟิงคิดแล้วพูดออกมาว่า “ก็ไม่ได้ยินใครพูดอะไรนะ คะ แต่ดูเหมือนว่าผู้จัดการสวี่อยากที่จะไปทำงานต่างเมืองกับ คุณมากๆ เพราะว่าตอนแรกประธานเชิ่งจัดการให้ฉันกับคุณไป ด้วยกัน แต่ว่าในตอนนั้นผู้จัดการสวี่เสนอตัวด้วยตนเอง โดย บอกว่าพึ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้ไม่นาน สำหรับการพูดคุย ร่วมมือทางธุรกิจก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก ดังนั้นเธอจึงสามารถที่ จะไปกับคุณสักครั้ง”

ในใจของเสิ่นอีเวยก่อให้เกิดความระมัดระวังตัว “ในตอน นั้นประธานเซึ่งมีท่าทางยังไง”
“ในตอนนั้นประธานเชิ่งก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยุ่งกับปัญหา นี้เท่าไหร่ ก็ยอมรับข้อเสนอของผู้จัดการสวีโดยตรง”

ฉินจื่อเฟิงพูดต่อโดยที่ไม่รอให้เสิ่นอีเวยพูดจบ “จริงๆแล้ว ฉันอยากที่จะไปกับคุณมากๆ เพราะว่าไปกับคุณสามารถเรียนรู้ อะไรได้มากมาย แต่ว่าคำพูดของผู้จัดการสวี่มีน้ำหนักมากกว่า ฉัน ฉันไม่มีตำแหน่งหรืออำนาจจะไปโต้แย้งเธอ”

มองไปที่หญิงสาวที่มีท่าทางน้อยอกน้อยใจ เสิ่นอีเวยยิ้ม แล้วพูดปลอบใจ “ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก ยังไงเธอก็คือผู้ช่วย ที่รักของฉัน สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆกับฉันได้ตลอดเวลา ถ้า ครั้งหน้ามีโอกาสแบบนี้อีก ฉันจะเสนอเอาตัวเธอไปด้วยกับ ฉัน”

ได้ยินดังนั้นฉินจื่อเฟิงก็ดีใจ เดินออกห้องทำงานไปอย่าง มีความสุข

เมื่อได้ยินว่าสวี่อันฉิงขอเสนอตัวอยากที่จะไปกับตนเอง และไม่ใช่เพิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนจัดการ ถ้าเป็นเช่นนั้นเมื่อคืนวันนั้น ตอนที่ถามเขา ทำไมเขาไม่อธิบายให้ชัดเจน?

เสิ่นอีเวยไม่เชื่อคำพูดของสวี่อันฉิงอย่างเด็ดขาด ดูแล้ว การไปทำงานต่างเมืองครั้งนี้ ตนเองจำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้

เป็นอย่างดีก็พอแล้ว

กริ้งกริ้งกริก!

โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้นอย่างกะทันหัน
มองไปที่บนหน้าจอเป็นชื่อของคุณหมอลู่ ใจของเสิ่นอีเว

ยก็เต้นขึ้นมาซักพัก

เธอรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล คุณหมอลู่”

“นานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่มาตรวจ? นานแค่ไหนแล้วที่คุณ ไม่มาเอายา?”

คำถามสองสามคำถามติดๆกันเสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าจะตอบยัง ไง เธอจึงเงียบไม่พูดไม่จาเสียเลย เพราะว่าในตอนที่เธอเห็นว่า คุณหมอลู่โทรศัพท์เข้ามานั้น ใจของเธอก็ตกไปอยู่ตาตุ่ม

ไม่กี่วันมานี้เธอมัวแต่มีความสุขและดีใจที่เธอตั้งครรภ์อยู่ ตลอดเวลา จึงลืมเรื่องที่ตนเองป่วยไปอย่างปลิดทิ้ง มะเร็งปอด ทำให้ร่างกายเธอมีเนื้องอกเล็กๆข้างใน การตั้งครรภ์ทำให้เธอ มีเจ้าตัวน้อยอยู่ในร่างกาย เจ้าตัวน้อยที่ทำให้เธอเบิกบานใจ และเฝ้าคอยเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงทำให้เธอไม่ได้สนใจเนื้อ งอกที่มีอยู่เลย

เหมือนดั่งอยู่ในความความฝันและในตอนนี้ได้ก็ตื่นจาก ฝันแล้ว ในใจของเสิ่นอีเวยเหลือไว้เพียงความกลัวและความ ว่างเปล่าที่ไม่มีสิ้นสุด ทำไมสวรรค์ถึงมักจะชอบในสิ่งที่เชิ่งเจ๋อ เฉิงได้ทำกับเธอ ให้ลูกอมที่หอมหวานก่อนแล้วจึงตบเธออีก ครั้ง

เธอรู้สึกว่าตนเองแทบจะแบกรับมันไว้ไม่ไหวแล้ว

คุณหมอไม่ได้ยินเสียงของเสิ่นอีเวยตอบเลย ดังนั้นจึง

ถามขึ้นอีกรอบ “คุณเงิน?
“ฉันยังอยู่ค่ะ คุณหมอ ลู่ ฉันอยากจะพบคุณ” เสิ่นอีเวย พยายามทำให้เสียงตนเองไม่ตื่นเต้นมาก

อาจจะเป็นเพราะว่าคนเป็นหมอคุ้นชินกับพฤติกรรมของ คนหลายๆคนดังนั้นจึงมีความคิดที่ละเอียดอ่อน ทันทีที่ได้ยิน น้ำเสียงคนไข้ของตนคุณหมอสู่ก็รู้ทันทีเลยว่ามีความผิดปกติ ดังนั้นจึงไม่ถามอะไรต่อในโทรศัพท์ เขาจึงพูดขึ้นว่า “ไม่มี ปัญหา คุณสามารถเข้ามาพบได้ตลอดเวลา”

หลังจากที่วางโทรศัพท์แล้ว เธอก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ถึงเวลาเลิกงานเรียบร้อยแล้ว เธอหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไป อย่างไม่ลังเลใจ

เธอขับรถบนถนนไปอย่างช้าๆ ครั้งที่แล้วถูกคนของหมีย่า ลักพาตัวไป รถของเซิ่งเจ๋อเฉิงถูกผู้ชายพวกนั้นทุบจนเละแล้ว ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนรถคันใหม่เสียเลย จึงขับไม่ค่อยจะถนัดนัก แต่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่ตนเองยังไม่แน่ใจเลยว่าที่ ตนเองขับรถช้าเป็นเพราะไม่คุ้นชินกับรถหรือเป็นเพราะกลัวว่า หลังจากที่พบคุณหมอลู่แล้ว คุณหมอจะพูดในสิ่งที่ตนเองไม่ อยากได้ยินออกมา

เหงื่อค่อยๆออกมาจากมือที่จับพวงมาลัยรถ ในที่สุดรถ ของเสิ่นอีเวยก็ได้มาจอดลงที่หน้าโรงพยาบาล ทางที่เดินไปที่ ห้องทำงานของคุณหมอลู่แต่ละย่างก้าวเหมือนเหยียบบนมีดที่ แหลมคม

” มาแล้วหรอ?” คุณหมอลู่เห็นเสิ่นอีเวยผลักประตูเข้ามา
เสิ่นอีเวยนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามคุณหมอ เธอพูดอย่างไม่ อ้อมค้อมว่า “คุณหมอลู่ ฉันท้องแล้ว ฉันอยากรู้ว่าถ้าตาม อาการของฉันตอนนี้แล้ว ฉันสามารถที่จะคลอตลูกออกมาได้ มั้ย?”

เสิ่นอีเวยพยักหน้าอย่างหนักแน่น

คุณหมอสู่ไตร่ตรองอยู่ซักครู่ ใบหน้าที่แสดงออกมาดูแล้ว เคร่งขรึม “คุณเสิ่น ในความเป็นจริงแล้วไม่ต้องให้ผมพูดคุณ เองก็น่าจะรู้อยู่แล้ว หลังจากที่คุณตรวจวินิจฉัยโรคเป็นที่ แน่นอนแล้ว การให้ความร่วมมือในการรักษาของคุณนั้นแย่ ขนาดไหน ผมไม่เคยเห็นคนไข้คนไหนที่ไม่รับผิดชอบต่อ ร่างกายของตัวเองแบบคุณเลย แต่ว่าผมเป็นหมอ มีสิทธิ์ที่จะ บอกกล่าวคนไข้ของผมตามสถานการณ์ที่เป็นจริงมากที่สุด

เสิ่นอีเวยพยักหน้าอย่างจริงจัง เธอพบว่าสองมือของเธอที่ วางอยู่บนขานั้นเริ่มสั่นเครือเล็กน้อย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ