นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่79ผู้ช่วยคนใหม่



บทที่79ผู้ช่วยคนใหม่

บทที่ 79 ผู้ช่วยคนใหม่

อีเวยยืนอยู่หน้ากระจกใบใหญ่ในใจก็เอาแต่คิดเรื่อง คืนที่ดูดดื่มเมื่อคืนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงสร้างร่องรอยบนตัวเธอเอาไว้ อยู่ดีๆก็คิดเลยเถิดจนถึงเรื่องเมื่อคืนที่หล่อนทำตัวเงอะงะจนถึง เรื่องที่ทั้งคู่ทำเรื่องบ้าๆนั่น เธออายหน้าแดงจนไม่รู้ตัว

ที่จริงแล้วใช่คนที่ไม่เข้าใจ

ความสัมพันธ์เดียงสาขนาดนั้น แต่ว่าหล่อนไม่ต่อหน้าเจ๋อเฉิง แล้วถึงได้ทำตัวไม่

ที่แท้ ตัวเองกลับ เป็นคนเดิม หล่อนของช่างไม่ได้เรื่องเลย

จริงๆ

เสียงน้ำดังออกมาจากห้องน้ำ เขานั่งยกขาข้างหนึ่ง อยู่บนขอบเตียงคิดเรื่องเมื่อคืนที่เขากับเสิ่นอีเวยต่างหลงใหล บนร่างกายของกันและกันแบบนั้น ตอนนั้นอยู่ดีๆกลับรู้สึกตื่น เต้นจนควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่

เขาสะบัดหัวแรงๆแล้วหัวเราะอย่างเย็นยะเยือก ไปตายซะ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนเดียวหรอกหรอ?

หล่อนพยายามหลบเลี่ยงความเก้อเขินระหว่างเธอกับเขาอีกเลยตั้งใจที่จะอยู่ในห้องน้ำนานๆ แต่ตอนที่เธอออกมาจาก ห้องน้ำนั่น เขายังไม่ได้ออกไป ความรู้สึกสงสัยเลยแวบเข้ามา ในใจแทน

เขาพิงหัวเตียงและมือเปิดพลิกหนังสือภาษาอังกฤษของ นักเขียนผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ หล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทักษะภาษา อังกฤษของเขาเป็นยังไงบ้างแต่ดูจากที่เขานั่งอ่านหน้านั้นอย่าง ใจจดใจจ่อทักษะน่าจะไม่เลวเหมือนกัน

“ภาษาอังกฤษของเธอเป็นยังไง?” อยู่ดีๆเขาก็เงยศีรษะ

ถามเธอ

เสิ่นอีเวยที่กำลังใจจดจ่อกับการเช็ดผมอยู่ถึงกับอึ้งไปสัก พัก : “คุยกับคนต่างชาติก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ”

เพิ่งเจ๋อเฉิงครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่แล้วก็พยกหัวรับ

อยู่ดีๆคิดอะไรได้ขึ้นมา เขาถามต่อ : “เมื่อคืนเธอบอกว่า คืนนั้นไม่ค่อยสบายเลยให้ฉินโม่พาไปส่งที่โรงพยาบาลใช่ ใหม?”

เสิ่นอีเวยพยักหน้ารับ

“ร่างกายเธอเป็นยังไงบ้างหล่ะ?” เซิ่งเจ๋อเฉิงถามแบบไม่ ได้เงยหน้าขึ้นมา ความสนใจของเขาทั้งหมดยังคงจดจ่ออยู่ที่ หนังสือเล่นนั้น

ใจของเสิ่นอีเวยอยู่ดีๆก็แจ้งสัญญาณเตือนภัยขึ้นมา เธอ แทนคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะถามหล่อนเรื่องนี้ขึ้นมาได้อีกนึกว่ากลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้สำเร็จเสียแล้วอีก

ทำยังไงได้หล่ะได้แต่พูดสร้างเรื่องมั่วๆไปก่อนแต่ยิ่งรีบ ร้อนสมองก็ยิ่งว่างเปล่า มีประจำเดือนหรอ? ไม่ได้ เมื่อคืนเพึ่ง จะได้กันมา

“เท้าพลิก” เสิ่นอีเวนต์พยายามตอบปกติเพื่อทำให้เหมือน ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น

เพิ่งเจ๋อเฉิงเงยหน้าใช้สายตามองหน้าแล้วพินิจพิจารณา เท้าของเธออยู่นาน : “เท้าพลิกหรอ หายเร็วดีนี่?”

เสิ่นอีเวยกลัวว่าเขาจะสงสัยอีกเลยรีบจบๆปัญหานี้ไป : “ใช่ หมอให้ยาดีมากเลยฟื้นตัวเร็ว”

พูดจบเธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆนั่นมองเวลาซึ่งมัน เก้าโมงกว่าเข้าไปแล้ว เธอคิดได้ว่าวันนี้วันทำงาน : “ซวยแล้ว ซวยแล้ว ไปทำงานสายแล้ว!”

เธอรีบร้อนหยิบเสื้อผ้าออกมาจากตู้เสื้อผ้า เซิ่งเจ๋อเฉิงที่ นั่งมองเธออยู่ได้แต่หัวเราะยกใหญ่ เอาเข้าจริงผู้หญิงคนนี้นี่โง่ ใช่ไหมเนี่ย?

“เจ้านายเธอยังอยู่ที่นี่แล้วเธอจะกลัวไปทำงานสายอีก

หรอ?”

เส็่นอีเวยที่กำลังสวมใส่เสื้อผ้าอยู่และยิ้มตอบรับเขาอย่าง

อ่อนโยน : “ในฐานะที่ฉันเป็นผู้อำนวยการฉันจะต้องเป็น ตัวอย่างในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ”
แต่ความฉลาดหลักแหลมของเซิ่งเจ๋อเฉินนั่นกลับมองออก ว่าหล่อนกำลังปิดบังอะไรไว้อยู่ ยิ่งบอกว่าเธอวันนั้นเท้าพลิก มองปราดเดียวก็รู้แล้วแต่เสิ่นอีเวยก็ยังไม่รู้สึกตัวว่าถูกเขา สงสัยอยู่

เพิ่งเจ๋อเฉิงยังไม่ได้อาบน้ำทั้งคู่จึงไม่ได้ไปบริษัทพร้อมกัน ตอนที่ขับรถออกมาเสิ่นอีเวยได้แต่ถอนหายใจโล่งอกไปที่ คิดถึงเรื่องเมื่อครู่ที่อยู่ดีๆเขาก็ถามค่าถามนั่นขึ้นมามันทำให้ บรรยากาศช่างตื่นเต้นมาก เธอก็ไม่อยากอยู่กับต่ออีก

ช่วงเวลาที่อยู่ในบริษัทเป็นต้นมา เธอก็คุ้นเคยกับธุรกิจ การออกแบบชุดแต่งงานที่ผ่านมาทั้งหมดแล้ว ในเวลาเดียวกัน ยังสามารถแยกแยะได้ว่านักออกแบบหลายคนนั้นมุ่งประเด็น สนใจไปที่การทำงานของตัวเองจริงๆ

แต่ว่าการส่งงานของทุกคนต่างคนต่างส่งงาน หล่อนรู้สึก ว่าเสียเวลาเอามาก คราวที่แล้วหล่อนเคยพูดเรื่องนี้กับเซิ่งเจ๋อ เฉิงแล้วว่าต้องการผู้ช่วยคนหนึ่ง เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ตอบรับได้เร็วได้ ทันใจเสียจริง วันนี้ผู้ช่วยคนใหม่จะมาทำงานเป็นวันแรก ได้ ข่าวว่าจบการศึกษามาจากต่างประเทศอีกด้วย

เสิ่นอีเวยนั่งอยู่ในห้องทำงานได้ไม่กี่นาทีก็ได้ยินคนมา

เคาะประตู

“เชิญเข้ามาค่ะ”

เธอเงยศีรษะขึ้นมามองเป็นสาวน้อยที่กำลังเดินเข้ามา

หนึ่งคน
สาวน้อยหน้าตาสะสวย ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยชีวิต ชีวา หล่อนยิ้มให้เสิ่นอีเวย : “ผู้อำนวยการเสิ่นสวัสดีค่ะติฉันซื้อ ดินจื่อเฟิงจากวันนี้เป็นต้นไปจะมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของคุณค่ะ

ตอนที่ฉินจื่อเฟิงมองเสิ่นอีเวยอยู่ดีๆถึงได้คิดอะไรได้ขึ้น มา ในสายตานั่นเต็มไปด้วยความยินดีและตกใจไปพร้อมกัน

คนนี้เองฉินจื่อเฟิงหญิงสาวที่เป็นคนพยุงเธอออกมาจาก ลานจอดรถชั้นสองชั้นใต้ดินนั่น

เสิ่นอีเวยจำเธอได้ถามกลับด้วยความยินดี: “ที่แท้ก็เธอ

นี่เอง!”

ฉินจื่อเฟิงพยักหน้าตอบรับอย่างมีมารยาทและนั่งอยู่บน เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของเสิ่นอีเวย

“ไม่คิดเลยว่าบังเอิญได้ขนาดนี้”

ฉินจื่อเฟิงมัดผมทรงหางม้า รอยยิ้มมีแต่ความสว่างสดใส : “ใช่ค่ะ วันนั้นตอนที่ฉันเข้ามาสัมภาษณ์งาน ท่นประธานเชิ่งบ อกว่าคุณเก่งในเรื่องการออกแบบชุดแต่งงานมาก ฉันจะตั้งใจ เรียนรู้จากคุณค่ะ!”

เสิ่นอีเวยถึงกับตกตะลึงไปสักพัก : “เซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคน

สัมภาษณ์เธอหรอ?”

ฉินจื่อเฟิงพยักหน้าหงิกหงัก

การบริหารงานในบริษัทเซิ่งชื่อนั้นการสัมภาษณ์งานใน ระดับหัวหน้าแบบสวีอันฉิงส่วนใหญ่จะเป็นหลินอวี้มาสัมภาษณ์เพราะเวลาของเพิ่งเพื่อเพิ่งนั้นสำคัญมาก แถมเขาเป็นคนมา สัมภาษณ์ตำแหน่งผู้ช่วยเล็กๆของฉินจื่อเฟิงแบบนี้เนี่ยนะ? เสี่ นอีเวยนับวันยิ่งดูผู้ชายคนนี้ไม่ออกจริงๆ

เธอถามฉินจื่อเฟิง: “เมื่อกี้ที่พูดมานั่นท่านประธานเพิ่งเป็น

คนพูดออกมาเองเลยหรอ?”

“ใช่ค่ะ ท่านบอกว่าถึงแม้ว่าคุณจะดูยังเด็กแต่เรื่องด้าน การออกแบบชุดแต่งงานนั้นคุณได้รับรางวัลมามากมายแล้ว ขนาดคนที่มีคุณสมบัติสูงส่งยังไม่สามารถต่อสู้ด้านนี้กับคุณ ได้!”

เสิ่นอีเวยได้แต่ตะลึงพรึงเพริด คิดไม่ถึงเลยว่าเซิ่งเจ๋อเฉิง จะยกยอหล่อนได้สูงส่งขนาดนี้ ปกติการแสดงออกต่อหน้า หล่อนก็ไม่เห็นเหมือนกันเลย

แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง เสิ่นอีเวยได้แต่ดีใจอยู่ในใจนั่นเพราะ ว่าการดีใจนี่มาแบบไม่ทันตั้งตัวเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงเลย

“แต่ผู้อำนวยการคะ วันนั้นที่ลานจอดรถนั้นเป็นอะไรหรือ เปล่า? ตอนนั้นฉันเห็นสีหน้าคุณดูไม่ดีเอาซะเลย” สีหน้าฉิน จื่อเฟิงเป็นห่วงอย่างอดถามไม่ได้

ถึงแม้ว่าเสิ่นอีเวยจะตกใจก็ตามที ทำไมวันนี้มีแต่คนถาม เรื่องนี้ตลอดนะ เลยได้แต่หาเหตุผลแก้ตัวไปงั้น : “อ๋อ วันนั้นนะ หรอ ฉันมีประจำเดือนวันนั้นพอดี”

ฉินจื่อเฟิงได้แต่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง : “ที่แท้ก็แบบนี้

นี่เอง”
หลังจากบอกหน้าที่ในแต่ละวันของฉินจื่อเฟิงแล้ว เส็นอีเว ยก็เริ่มทำงานที่ได้รับมอบหมายไว้

สักพัก ประตูของหล่อนก็ถูกเปิดออก หล่อนไม่ได้เงยหัว เพราะไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคือสวีอันฉิง เพราะทั้งบริษัทนอกจากเชิ่ง เจ๋อเฉิงก็มีแต่หล่อนเท่านั้นแหละที่อยู่ดีๆก็เข้ามาห้องทำงาน ของคนอื่นแบบไม่ยอมเคาะประตูห้องทำงาน ส่วนคนที่กล่าวถึง ก่อนหน้านั้นก็คงยังอยู่บนท้องถนนเส้นทางที่วิ่งตรงมาทาง บริษัท

เสิ่นอีเวย ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะพยายามมากได้ขนาด นี้ : “สวี่อันฉิงเดินปรี่เข้ามาก็เริ่มเข้ามาถากถางหล่อนทันที ปกติแล้วหล่อนดูเหมือนเป็นค่อนข้างปกติ แต่พลังงานที่แผ่กระ จายรอบๆตัวเธอนั้นกลับทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง”

ตั้งแต่คราวที่แล้วที่เธอถูกหล่อนวางยาแล้วส่งให้เข้ามือ ผู้ชายโรคจิตคนนั้น เสิ่นอีเวยก็รู้ทันทีเลยว่าคนที่จะสู้รบตบมือ กับคนอย่างสวี่อันฉิงได้นั้นอย่าเอาความแข็งดุดันมาสู้กับ หล่อนและอย่าไปกดดันเรื่องที่เธอสนใจมากนัก จะทะเลาะกับ หล่อนก็ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร เลยได้แต่เผชิญหน้าสู้นี่แหละ เสิ่นอีเวยได้เตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหากศัตรูไม่แสดงออก หล่อนก็จะนิ่งเฉยไว้ก่อนเสมอ

หล่อนเงยหน้ามอง มุมปากเผยอเบาๆแต่ไม่ได้มีรอยยิ้ม

อันอบอุ่มปรากฏขึ้นมา : “หัวหน้าสวี่ทำไมพูดแบบนั้นหล่ะ?” เธอจ้องมองใบหน้าของสวี่อันฉิงที่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรจนโมโหมาถึงนี่ได้ : “เธอใช้วิธีไหนกันถึงได้แย่งผู้นำทีม ของการเข้าแข่งขันของฉันไปได้?”

สีหน้าของเส้นอีเวยดูงงงวย หรือว่าอำนาจในการรับผิด ขอบในครั้งนั้นกลับมาอยู่ในมือเธอแล้วหรอ? ขนาดตัวเองยัง ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ