บทที่ 45 เพิ่งเจกเฉิงเรากลับมาแล้ว
ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ สุดท้ายคำพูดประโยคนี้ก็ยังคง
ต้องซ่อนเก็บไว้ในใจ
เสิ่นอีเวย ฟังน้ำเสียงที่สงบของ ฉินโม่ แต่เต็มไปด้วย ความหนักแน่นและมั่นคง แววตาคู่นั้นที่ทรงเสน่ห์สลักคำว่าเชื่อ ฉันอยู่เต็มไปหมด หัวใจและขนตาของเสิ่นอีเวยสันเล็กน้อย ราวกับว่าได้ยินคำสาบานที่น่าซาบซึ้งใจเป็นที่สุด
“ฉินโม่ ขอบคุณเธอมาก”
ฉิน โม่เห็นสีหน้าและท่าทีของ เสิ่นอีเวย ซาบซึ้งกับคำพูด ของเขา เชื่อว่าเธอน่าจะรับฟังคำพูดของเขาเข้าหูแล้ว แต่ในใจ ลึกๆของเขาก็ยังกลัวว่าเพราะโรคร้ายที่ เสิ่นอีเวย เป็นอยู่จะ ทำให้เธอหดหูและยอมแพ้
“ในโลกนี้มีคนมากมายที่รักเธอ เธอจะต้องรักชีวิตของ เธอเอง เธอจะต้องมีชีวิตต่อไปแบบนี้เธอถึงจะไม่ผิดต่อพวก
เขา”
เป็นแบบนั้นหรือ? เสิ่นอีเวยแสบจมูกขึ้นมา
แต่ในโลกใบนี้ไม่มีใครที่รักฉัน แม่และพ่อที่รักฉันมาก ที่สุดพวกท่านก็ไม่ได้อยู่บนโลกในนี้แล้ว ส่วนสามีของฉันตอน นี้เขาก็ไม่ได้รักฉัน ทุกคนคิดว่าฉันเป็นคนทำร้ายพี่สาวของฉัน เอง ดังนั้นฉันกลายเป็นเป้าให้พวกเขาทำร้าย”
ท่าทางของเสินอีเวยดูลอยๆไม่เห็นท่าทีที่เสียมารยาทในคำพูดของเธอแฝงไปด้วยความย่อท้อและหัวเราะเยาะตัวเอง ฉินโม่รู้สึกปวดใจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก ฉินโม่ยื่น มือขวาไปที่เธอ รูปร่างของเขาและเจ๋อเฉิง เกือบจะสูงพอๆ กัน เขาค่อยๆลูบหัวอีเวย: ” เธอวางใจเถอะ มีเรื่องอะไร เธอก็บอกฉันได้ ฉันจะช่วยเธออย่างเต็มที่”
พูดจบเขาก็คืนมือกลับ เสิ่นอีเวยมองเขาแล้วยิ้มๆ
ฉิน โม่วางแก้วชา ในมือลง เซิ่งเจ๋อเฉิงเวลานี้พอดี
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก เสิ่นอีเวยตกใจ เมื่อเห็นว่าคนที่ เข้ามานั้นเป็นเจ๋อเฉิง ใจของเธอก็เกิดความสับสนวุ่นวาย ขึ้นมา
วันนี้เป็นวันทำงานปกติแท้ๆ ในช่วงเวลานี้เขาไม่เคยกลับ มาบ้าน ทำไมวันนี้ถึงกลับมาเร็วขนาดนี้ และอีกอย่างคือกลับ มาตอนที่ฉินโม่ มาหาเธอพอดิบพอดี
เพิ่งเจ๋อเฉิงเห็นฉินโม่ๆก็จ้องตาเขาพักหนึ่ง ครั้งสุดท้ายที่ ทั้งสองคนพบกันคือตอนที่ช่วยเสิ่นอีเวย จากเงื้อมมือของลูก น้องถานจงหมิง แม้ว่าทั้งสองจะคุยกันตอนอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม ไม่กี่ประโยค แต่เพิ่งเจ๋อเฉิงจำชายคนนั้นได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แววตาของชายทั้งสองเย็นชาพอๆกันเสิ่นอีเวย ยิ่งเห็นทั้ง สองมองหน้าเหมือนจะน้ำหั่นกัน ก็รู้สึกแปลกใจ โบราณว่าเห็น ศัตรูความรักก็จะทำให้เลือดขึ้นตา แต่ทั้งสองคนก็ไม่น่าจะนับว่าเป็นศัตรูความรักนี่หน่า แต่ทำไมเธอถึงมีความรู้สึกแบบนั้น จากชายทั้งสองกันนะ?
ทันใดนั้นเอง เสิ่นอีเวยก้มหน้าดูรายงานผลตรวจร่างกาย ของเธอบนโต๊ะซาไนทันควัน ท่าทีของเธอลุกลนเป็นอย่างมาก เวลานี้ถ้าเธอมีท่าทางที่ผิดสังเกตจนเกินไป จะต้องทำให้เพิ่ง เจ้อเฉิงรู้ตัวอย่างแน่นอน
เสิ่นอีเวยเบนสายตาขอความช่วยเหลือไปที่ฉิน โม่ ทันทีที่ เขาเห็น เขาก็รู้สึกได้ทันที เขาตอบกลับสายตาของเสิ่นอีเวย ด้วยแววตาที่ทำให้เธอวางใจ จากนั้นก็ก้มเล็กน้อยคว้า กระดาษกำไว้ในมือ
ในที่สุดความร้อนรนในใจของเสิ่นอีเวยก็เบาลง
ชายทั้งสองจ้องกันตัวแข็งที่อแบบนี้นานไปก็ไม่ใช่วิธีที่ดีเสี่ นอีเวยรีบหันไปสบตากับเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ยืนอยู่ตรงปากประตู อย่างรวดเร็ว: “วันนี้ทำไมคุณกลับบ้านเร็วขนาดนี้ล่ะ? ”
ตอนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเปิดประตูเห็นฉินโม่ เขารู้สึกไม่ดีเอา มากๆ ดังนั้นเมื่อได้ยินคำถามของเสิ่นอีเวยจึงไม่มีอารมณ์ที่จะ
ตอบเธอ
ในทางกลับกันฉินโม่ก็เริ่มทักทายกับเซิ่งเจ๋อเฉิงก่อน:
“ประธานเซิ่ง ”
เสียงของเขาราบเรียบไม่รู้สึกถึงอารมณ์ใดๆ ในคำพูดนั้น คำทักกลับของเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นก็ทำให้รู้สึกห่างเหินเหมือนๆ
กัน : “ใปทยาจา อกเก็บบาที่ร้านของยนทำใน?
ฉินโม่คิดค่าตอบไว้แล้วว่าจะปกปิดเชิ่งเจ๋อเฉิงยังไงที่จะ
ไม่มีผลกระทบต่ออีเวย
เรื่องเป็นแบบนี้ครับ ก่อนหน้านี้ทางคุณเสิ่นแนะนำ เพื่อนของเธอให้ผมรู้จัก อยากให้ผมไปเป็นทนายฝ่ายจำเลย ให้เขา วันนี้ที่ผมมาก็เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเพื่อน ของเธอ
เสิ่นอีเวยไม่คาดคิดว่าคนที่เป็นสุภาพบุรุษฉินโม่ เวลาโกหกใครขึ้นมาจะแสดงได้ดีเปลี่ยน ท่าทีราบเรียบขนาดนี้ ในใจของเธอก็แสดงของเขาต่อเสียแล้ว
ท่าทางของเจ๋อเฉิงราบเรียบ แต่แววตาของเขาด้วยความอยากลองดี เสิ่นอีเวยรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้เชื่ออธิบายของฉิน โม่ แต่ก็ไม่มีทางเลือกจะพูดอย่างไร เขาก็ไม่สิทธิ์ไต่สวนผู้ชายที่เจอกันมาแค่ไม่กี่ครั้ง
อย่างนั่นนี่เอง คงต้องรบกวนคุณแล้ว
ฉินโม่ พูดว่า: “ผมกับคุณเสิ่นเป็นเพื่อนสนิทกัน แค่นี้ไม่ รบกวนหรอกครับ”
ว่า เพื่อนสนิทเจ๋อเฉิงฟังแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฉินโม่หันหน้าไปทางเสิ่นอีเวย สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็น อ่อนโยนกับเธอเหมือนเมื่อสักครู่: เมื่อได้ข้อมูลเพียงพอแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันไม่รบกวนต่อแล้วนะถ้ามีเรื่องอะไรเพิ่มเติมเรา
หลังจากพูดประโยคนี้จบฉินไม่หันไปทางเชิงเจ๋อเฉิง ผงก หัวเล็กน้อยแล้วเดินไปที่ประตูทางออก
ตอนที่เดินผ่านเชิ่งเจ๋อเฉิง ทันใดนั้นเองเพิ่งเจ๋อเฉิงก็เอื้อม มือไปคว้าแขนของฉินโม่ไว้แขนที่เขาจับไว้เป็นมือที่กำกระดาษ ผลตรวจสุขภาพของเสิ่นอีเวย
เสิ่นอีเวยผงะอ้าปากหวอไปชั่วครู่เพราะแทบหล่นไปที่ตาตุ่ม
เจ๋อเฉิงคงไม่คิดจะแย่งกระดาษในมือ
นะ
ฉิน โม่ไม่ตกใจสักนิด ยังคงเย็นชาเหมือนเขาหันหน้าไปถามเจ๋อเฉิง” ประธานคุณอะไรกับผมอีกเหรอครับ? ”
เพิ่งเจ๋อเฉิง จ้องไปที่ดวงตาของ ฉิน โม่: ” ที่คุณเรียกคุณ เสิ่น เธอเป็นภรรยาของผมต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรอีก ถ้าโทรศัพท์ ได้ก็ให้ใช้โทรศัพท์นะครับ ในสายตาผมไม่เห็นจะต้องมาหาถึง บ้านของเรา คุณฉันคิดว่าอย่างไร?”
เพิ่งเจ๋อเฉิงตั้งใจเน้นคำว่า “ของเรา” สองคำนี้ เขารู้ว่าฉิน เป็นคนฉลาดคงจะเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังต้องสื่อ
เสิ่นอีเวยรู้สึกตื่นเต้นจนเหงื่อตก เธอไม่คิดว่าเพิ่งเจ๋อเฉิง จะกล้ากักฉินโม่ไว้และในเวลานี้ เธอเห็นว่า เจ๋อเฉิงกำลัง จ้องอย่างเอาเป็นเอาตายไปที่กระดาษในมือของฉินโม่
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ๋อเฉิง โม่ก็หัวเราะออกมาเบาๆคำพูดที่แผ่วเบาของเขาเต็มไปด้วยความหมายอันลึกซึ้ง: “ผมไม่คิดว่าคนที่งานยุ่งอย่างประธานเพิ่งจะมาสนใจภรรยา ของตัวเอง ถ้าอย่างนั้นผมก็หวังว่าคำพูดของคุณและการกระ ทำจะเหมือนกันนะครับ ผู้หญิงของตัวเอง ก็ควรปกป้องให้ดี
แม้แต่เสิ่นอีเวยก็รู้ความหมายคำพูดของฉินโม่นั้นเต็มไป ด้วยความหมายที่ไม่แอบแฝง สีหน้าของ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็เริ่มออก อาการโมโหขึ้นเรื่อยๆ
ฉินโม่กระชากแขนของตัวเองออกจากมือของเซิ่งเจ๋อเฉิง และเดินไปที่ประตู
เพิ่งเจ๋อเฉิงถอดเสื้อสูทนอกของเขาบนโซฟาอย่างช้าๆ แล้วเดินไปที่เสิ่นอีเวยๆมองเขาอย่างเย็นชา เธอไม่เข้าใจว่าเชิ่ง เจ๋อเฉิงเกลียดเธอขนาดนั้น แล้วทำไมต้องโกรธที่เธอคุยกับฉิน โม่ด้วยถ้าไม่เห็นเธอเขาก็ไม่โมโหไม่ดีกว่าหรือ?
เซึ่งเจ๋อเฉิงมองไปที่เสิ่นอีเวยและถามว่า: “กระดาษในมือ ของ ฉินโม่ คืออะไรกันแน่? “
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ