นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่150ทําไมไม่บอกผม



บทที่150ทําไมไม่บอกผม

บทที่ 150 ทําไมไม่บอกผม

ประโยคนี้ดังก้องอยู่ในหูหล่อน แต่หล่อนกลับไม่คิดจะ

แสดงท่าทีอะไร

เซียวหนถึงก็ยิ้มเจื่อนๆออกมาไม่ได้พูดอะไร เขารู้ดีว่าคน อย่างเสิ่นอีเวยไม่ได้จะได้มาง่ายๆ ดูแล้วสงครามครั้งนี้จะยัง ต้องสู้กันอีกนาน

ก่อนที่จะมาที่นี่ สวีอันจึงโทรมาหาเขา

ตอนที่เขาได้ยินหล่อนพูดในสายว่าเป็นอีเวยร่างเอกสาร ในการหย่าถือรวมไปกับเอกสารอย่างอื่นไปให้เพิ่งเจ๋อเฉิงเซ็น นั้น ในใจเขารู้สึกดีใจมาก เขาคิดว่าครั้งนี้เขาไม่ต้องลงมือทำ อะไร ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเพิ่งเจ๋อเฉิงและเสิ่นอีเว ยก็จบลงได้

แต่เมื่อได้รู้ว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้เซ็นเอกสารข้อตกลงการ หย่านั้น เซียวหนถึงก็เริ่มร้อนใจขึ้นมา

เรื่องนี้หากเงินอีเวยไม่ยอมปล่อยมือเขาจะมีโอกาสชนะ สักเท่าไหร่กัน เพราะเขาเชื่อมั่นในตัวเองมาตลอด ไม่เคยลังเล ในการกระทำของตัวเองเลย

แต่เขาคิดไม่ถึงว่าคนที่ไม่ยอมปล่อยมือกลับกลายเป็นเชิงเจ๋อเฉิง ผู้ชายคนนั้นถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว

อยู่ๆก็เกิดท้อแท้ใจหมดเรี่ยวแรงขึ้นมา แต่เมื่อเขาได้เห็น แววตาสดใสคู่นั้นของเสิ่นอีเวณเขาก็รู้โดยทันทีว่า ในชีวิตเขา ของบางอย่างเขาต้องคว้ามันมาให้ได้

เรื่องนั้นที่พวกเรากำลังตรวจสอบอยู่ ผมคิดว่าคุณอาจจะ ” ต้องลงมือแล้ว”เซียวหันถึงเอ่ยปากแววตามุ่งมั่น

เสิ่นอีเลยงงเล็กน้อย “ลงมือหมายความว่ายังไงคะ

เซียวหันถึงมีท่าทีจริงจัง ไม่ได้แกล้งหยอกเล่นเหมือนเมื่อ ครู “ผมคิดว่ามีเรื่องหนึ่งที่เราต้องรีบตรวจสอบให้ได้คำตอบ เร็วที่สุด ดังนั้นพวกเราทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกัน ทางผม รับรองว่าจะส่งคนไปตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นอย่าง ละเอียด แต่เมื่อสองสามวันก่อนผมกลับคิดได้ว่า พวกเราต้อง เข้าใกล้ใจกลางพายุ”

เสิ่นอีเวยดวงตาเป็นประกายแล้วถามว่า: “คุณ หมายความว่า ให้เริ่มลงมือจากในบ้านตระกูลเชิงก่อนใช่มั้ย

เซียวหนถึงยิ้มออกมาด้วยความเห็นด้วย ไม่ผิด ผม หมายความว่าอย่างนั้นงานเลี้ยงที่บ้านตระกูลเชิงในปีนั้น เป็น พ่อของเพิ่งเจ๋อเฉิง เพิ่งเงินอนเป็นคนจัดงาน แล้วครั้งก่อนพวก เราก็เคยพูดไว้ว่า ถ้าหากคนวางยาคือเงินเหยียนซึ่ง แล้วคุณรู้ มั้ยว่าพ่อสามีของคุณกับเสิ่นเหยียนซึ่งเกี่ยวข้องกันอย่างไร

เสิ่นอีเวยคิดแล้วคิดอีก แต่ก็ยังคิดอะไรไม่ออก ตอนที่พ่อกับแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่เคยได้ยินพวกท่านพูดถึงความ เกี่ยวข้องอะไรของอาตัวเองกับเพิ่งเจิ้นอวิ๋นมาก่อน แม้ว่าทั้ง สองต่างก็เปิดบริษัทของตนเอง แต่ขนาดของบริษัทนั้นต่างกัน มาก ในทางธุรกิจก็ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกันได้เลย

อีกทั้งนึกถึงคำวิพากษ์วิจารณ์และนิสัยแย่ๆของเงินเหยี ยนซึ่งในหลายปีก่อน กับเชิงเงินอนที่เป็นทายาทของตระกูล นักธุรกิจใหญ่โต มองในแง่ความสัมพันธ์ส่วนตัว เงินอีเวยก็นึก ไม่ออกว่าทั้งสองจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกันได้

เดียวกันถึง ใช้สองมีประกบกันเป็นรูปเจดีย์แล้ววางไว้ข้าง ริมฝีปาก เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “ผมคิดว่าเพิ่งเจ นอวิ๋นกับเสิ่นเหยียนซึ่งจะต้องเคยมีการเกี่ยวข้องแลกเปลี่ยน กันมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นที่ยังคงสามารถพบเจอได้และคนที่ไม่ เคยพบเจอมาก่อนเราก็ต้องตรวจสอบให้ละเอียด ในเมื่อเรื่อง มันเกิดขึ้นมาแล้ว มันก็ย่อมต้องมีหลักฐานร่องรอยอะไรหลง เหลืออยู่บ้าง”

เงินอีเวยรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก “แต่ว่าปกติ แล้วฉันกับพ่อสามีแทบจะไม่ค่อยพูดคุยอะไรกันเลยนะคะ พวก เขาเองก็ไม่ค่อยมาที่บ้านตระกูลเซิ่ง”

เซียวหันถึงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ ต้องเริ่มลงมือจากเพิ่งเจ๋อเฉิงก่อน

เงินอีเวยเงยหน้าขึ้นมาทันที แววตาเพื่อความค้นหาบาง
เขียวหนถึงรีบอธิบาย: “อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมไม่ได้ตั้งใจ ที่จะล้อเล่นกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณสองคน แต่ผมรู้สึก ว่า ในเมื่อเขาเป็นพ่อลูกกัน และเพิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ใช่คนธรรมดา บวกกับครั้งก่อนที่คุณบอกว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนรู้อะไรบางอย่าง แล้วทำไมพวกเราไม่เลือกที่จะเริ่มลงมือจากเขาก่อนล่ะ”

เสิ่นอีเวยลังเลไม่ได้พูดอะไรออกมา เซียวหนถึงจึงเสริม ต่อว่า “ถ้างั้นผมจะบอกคุณ คนที่คลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจมา นาน ไม่ว่าจะทำอะไรเขาจะต้องมีมือหนึ่งที่คอยปกป้องตัวเขา เองไม่ว่าจะเป็น หนังสือสัญญาข้อตกลงต่างๆก็ดี บันทึกเสียงก็ ดี ภาพเคลื่อนไหวก็ได้ ของเหล่านี้อาจจะยังมีหลงเหลืออยู่

เสิ่นอีเวยได้ยินคำพูดของเซียวหันถึงอย่างชัดเจนแต่ หล่อนยังคงมีสีหน้าสังเลสงสัย เซียวหันถึงไม่รีบร้อนยังคงรอ คําตอบจากหล่อน

ผ่านไปนานมาก เสิ่นอีเวยจึงยอปริปาก : “อืม ฉันเข้า

ความหมายของคุณ”

การพบกันครั้งนี้ก็จบลงด้วยความพะว้าพะวัง

ตอนที่เสิ่นอีเวยกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว เป็นอย่างที่หล่อนคาดไว้ เพิ่งเจ๋อเฉิงกำลังนั่งรอหล่อนอยู่บน โซฟาในห้องรับแขก เงินอีเวยรู้สึกเหมือนว่าทุกครั้งที่พวกเขา โต้เถียงทะเลาะกัน เพิ่งเจ๋อเฉิงก็มักจะนั่งรอหล่อนกลับมาบ้าน ตรงนี้เขียนงาน

ดูไปแล้วก็น่าขันและดูปัญญาอ่อนมาก เหมือนเด็กที่ไม่ได้ตั้งใจตัวเองแล้วฟาดงวงฟาดงา ใส่คนอื่น

แต่ครั้งนี้ หล่อนไม่สนใจเขา เปลี่ยนรองเท้าเสร็จหล่อนก็

ย่องขึ้นชั้นบน

ตอนแรกหล่อนคิดว่าขอแค่เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่พูดอะไรก็เป็น เรื่องที่ดีมาก แต่พอคฤหาสน์ทั้งหลังเข้าสู่ความเงียบงันหล่อน กลับเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา หล่อนก้าวขาขึ้นบันไดขั้น สุดท้ายพอดีกับที่เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดออกมา “วันมะรืนที่โรงแรมโจ ว มีลูกค้ารายใหญ่คุณไปพบลูกค้าหน่อยนะ”

เสียงของเขาราบเรียบ เหมือนกำลังพูดเรื่องปกติธรรมดา ทั่วไป แต่ในใจของเงินอีเวณนั้นเหมือนมีคลื่นมรสุมลูกใหญ่ เกิดขึ้น หล่อนนึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อนที่ถูกสองคนนั้นมอม เหล้าในโรงแรม เกิดความหวาดระแวงไม่สบายใจขึ้นทันที

หล่อนไม่อยากคิดถึงเหตุการณ์ต่อมาอีก จึงรีบปฏิเสธเขา ไปทันที:”ฉันไม่ไป”

เพิ่งเจ๋อเฉิงที่นั่งอยู่บนโซฟาลุกขึ้นยืน สายตาจับจ้องอยู่ที่ ใบหน้าของเงินอีเวย “งั้นคงต้องขอโทษด้วย เพราะคุณไม่มี ทางเลือกอื่น”

ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เสิ่นอีเลยไม่อยากจะทะเลาะโต้เถียง อะไรกับเขา พยายามข่มไฟโกรธ ในใจไว้ไม่ปะทุออกมา “ฉัน ออกแบบชุดเจ้าสาวเป็นอย่างเดียว ไม่มีความสามารถที่จะไป เจรจาต่อรองทางธุรกิจอะไรกับใครหรอก ฉันว่าประธานเพิ่งไป หาคนอื่นที่มีความสามารถจะดีกว่า”
พูดจบหล่อนก็หมุนตัวเดินไปทางห้องนอน

เสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ฟังไม่ออกว่าเขา

ร้อนใจแต่อย่างใด

“อย่าลืมว่า ตอนนี้หัวยุ่นอยู่ในมือของผม”

เ นอีเวยหายใจติดขัดเล็กน้อย หันกลับมา : “เพราะงั้น คุณคิดจะทำอะไรอีก เหมือนครั้งก่อนที่ส่งฉันให้กับผู้ชายอื่น แล้วก็ถูกมอมเหล้า”

มุมปากเพิ่งเจ๋อเฉิงเกิดร้อยยิ้มที่ดูเลือดเย็น : “คุณอยาก โดนผู้ชายมอมเหล้าขนาดนั้นเลย คืนพรุ่งนี้แค่งานเลี้ยง ธรรมดาทั่วไป จุดประสงค์ของผมแค่อยากจะให้คุณไปคุยเพื่อ หาความร่วมมือทางธุรกิจ แต่ถ้าคุณอยากจะทำเรื่องอื่นก็ไม่ เกี่ยวกับผม”

เพราะเพิ่งเจ๋อเฉิงปัดว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตนจึงทำให้เสี นอีเวยโกรธจนแทบจะหยุดหายใจ หล่อนพยายามควบคุมตัว เองไม่ให้ระเบิดอารมณ์ออกมา

เมื่อเย็นนี้หลังจากพูดคุยหารือกับเซียวหันถึงแล้ว จิตใจก็ สับสนมากพออยู่แล้ว ยังจะต้องมาเจอเพิ่งเจ๋อเฉิงรังแกอีก เสี นอีเวยรู้สึกหมดเรี่ยวแรงที่จะไปโต้แย้งกับเขา ตอนนี้หล่อน อยากจะกลับไปนอนพักที่ห้องของตนเองให้เร็วที่สุด

เสี้ยววินาทีที่หล่อนหมุนตัวกลับไปนั้นเอง เสียงเคร่งขรึม ของชายหนุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง ในสมองของเงินอีเวยเหมือน ถูกจุดระเบิดขึ้นมาดังตูมตามอยู่ในหัวหล่อน
พูดจบหล่อนก็หมุนตัวเดินไปทางห้องนอน

เสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ฟังไม่ออกว่าเขา

ร้อนใจแต่อย่างใด

“อย่าลืมว่า ตอนนี้หัวยุ่นอยู่ในมือของผม”

เ นอีเวยหายใจติดขัดเล็กน้อย หันกลับมา : “เพราะงั้น คุณคิดจะทำอะไรอีก เหมือนครั้งก่อนที่ส่งฉันให้กับผู้ชายอื่น แล้วก็ถูกมอมเหล้า”

มุมปากเพิ่งเจ๋อเฉิงเกิดร้อยยิ้มที่ดูเลือดเย็น : “คุณอยาก โดนผู้ชายมอมเหล้าขนาดนั้นเลย คืนพรุ่งนี้แค่งานเลี้ยง ธรรมดาทั่วไป จุดประสงค์ของผมแค่อยากจะให้คุณไปคุยเพื่อ หาความร่วมมือทางธุรกิจ แต่ถ้าคุณอยากจะทำเรื่องอื่นก็ไม่ เกี่ยวกับผม”

เพราะเพิ่งเจ๋อเฉิงปัดว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตนจึงทำให้เสี นอีเวยโกรธจนแทบจะหยุดหายใจ หล่อนพยายามควบคุมตัว เองไม่ให้ระเบิดอารมณ์ออกมา

เมื่อเย็นนี้หลังจากพูดคุยหารือกับเซียวหันถึงแล้ว จิตใจก็ สับสนมากพออยู่แล้ว ยังจะต้องมาเจอเพิ่งเจ๋อเฉิงรังแกอีก เสี นอีเวยรู้สึกหมดเรี่ยวแรงที่จะไปโต้แย้งกับเขา ตอนนี้หล่อน อยากจะกลับไปนอนพักที่ห้องของตนเองให้เร็วที่สุด

เสี้ยววินาทีที่หล่อนหมุนตัวกลับไปนั้นเอง เสียงเคร่งขรึม ของชายหนุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง ในสมองของเงินอีเวยเหมือน ถูกจุดระเบิดขึ้นมาดังตูมตามอยู่ในหัวหล่อน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ