บทที่459ฉันคิดถึงเธอ
บทที่ 459 ฉันคิดถึงเธอ
แต่ว่าโชคชะตาก็ถูกลิขิตให้กลับมาเจอกัน สี่ปีที่แล้วเขา สูญเสียเธอไปแต่ไม่ได้สูญเสียเธอไปซะทุกอย่าง ท้ายที่สุดเขาก็ ใช้วิธีการบางอย่างนิดๆหน่อยๆ ในการบีบบังคับให้เธอกลับ มายังประเทศให้ได้
ทว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงที่คอยกอดร่างกายของเธอในยามนี้นั้น เขากลัวเหลือเกินว่าจะเสียเธอไปอีกครั้ง…
“เสิ่นอีเวย! เธอตื่นเดี๋ยวนี้นะ!” อาการตื่นตระหนกค่อยๆ เข้าครอบงำหัวใจทีละนิด เขาโอบกอดประคองหญิงสาวหน้า ขาวซีดเผือดคนนั้นไว้ ในที่สุดเขาก็ทนรับสภาพไม่ไหวถึงได้ ตะโกนเสียงดังโหวกเหวกออกมา
หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นกลับไม่มีอาการตอบสนอง ใดๆเลย แต่อาการเป็นลมของเธอนั้น หัวคิ้วของเธอกับขมวด ไว้แน่นทำท่าทางกับเหมือนไม่สบายตัว
ในใจเพิ่งเจ๋อเฉิงกลับหวาดกลัวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งโมโห หนักกว่าเดิม มือทั้งสองข้างของเขาสั่นสะท้าน: “ฉันตั้งใจ อุตส่าห์มาหาเธอโดยเฉพาะจากที่ไกลแสนไกล เธอจะไม่รับ น้ำใจไว้เลยหรอ แถมตอนนี้ยังเป็นลมอีกหรอ?!
“เธอยังอยู่ในห้องนั้นกับผู้ชายสองต่อสองอีก แถมเขายัง ทำเรื่องแบบนั้นกับเธอ ฉันยังไม่คิดที่จะคิดบัญชีกับเธอเลย ทำไมเธอถึงได้ไม่สนใจฉัน
เพิ่งเจ๋อเฉิงยิ่งคิดยิ่งโมโห ความปรารถนาที่อยู่ในใจมัน เอ่อล้นขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาครุ่นคิดอยู่ไม่ เลิก แถมตอนนี้ยังมาทรมานเขาอีก เขาจะต้องลงโทษเธอให้
ได้
วินาทีต่อมา เพิ่งเจ๋อเฉิง ใช้ริมฝีปากบางเปี่ยมไปด้วย ความอบอุ่นของเขาประกบกับริมฝีปากของเสิ่นอีเวย เขาทั้ง พรจูบไปด้วยพลางพาเธอออกมาจากห้องน้ำไปด้วย จากนั้นก็ วางเรือนร่างของหล่อนลงบนเตียงอย่างเบามือ แถมเขาใช้ ร่างกายของตัวเองทาบทับเรือนร่างของเสิ่นอีเวย ปากก็บอกว่า ลงโทษ แต่การกระทำช่างอ่อนโยนแต่กลับทำเหมือนว่ากำลัง รักษาสมบัติสิ่งล้ำค่าอยู่
สมองของเสิ่นอีเวยมึนๆงงๆ ในหัวกลับมืดสลัว ในความ ฝันเธอเหมือนกำลังฝันว่าตนเองล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆสีขาว ปุยนุ่ม มันทั้งสบายแต่ว่าไม่มีแรง
ริมฝีปากของตัวเองเหมือนโดนอะไรบางอย่างกำลัง ทรมานเธออย่างบ้าคลั่ง เธอค่อยๆขมวดหัวคิ้วจนค่อยๆลืมตา ใบหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ห่างจากเธอเพียงนิ้วเดียว เสิ่นอีเวย ถึงกลับตกใจจนถึงกลับอยากผลักเขาออกทันที
แต่ว่าเพิ่งยกแขนขึ้นก็ถูกเพิ่งเจ๋อเฉิงเอามือจับไว้แน่น ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาพ่นรถบริเวณใบหูของเธอจนทำให้
ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปทั่วตัว : “เด็กน้อย อย่าขยับ หรือว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับแสงกันแน่เพราะไฟที่เปิดสว่าง อยู่บนฝ้าเพดาน ในห้องไม่รู้ว่าถูกปิดไปตอนไหนแล้ว เหลือ
เพียงโคมไฟดวงเล็กๆบริเวณหัวเตียงที่ไฟส่องแสงสลัวอยู่
การมองอยู่ในห้องที่ไฟสลัวๆ น้ำเสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงน้ำ แหบพร่าและมีเสน่ห์ แถมยังดูเซ็กซี่มากๆ การที่ถูกเขาตรึงเอา ไว้นั้นเสิ่นอีเวยถึงกับตกตะลึง เธอไม่เคยเห็นเพิ่งเจ๋อเฉิงเป็น แบบนี้มาก่อนเลย
เสิ่นอีเวยพูดไม่ถูกเลยว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ เธอรู้ตัวแค่ว่าอยากเขยิบใกล้เขาอีกนิดแถมไม่คิดที่จะปฏิเสธ เขา เลยยื่นมือออกไปคว้าต้นคอของเขาเอาไว้แน่น
เงินอีเวยค่อยๆเอาใบหน้าของตัวเองซุกอยู่บริเวณต้นคอ ของเพิ่งเจ๋อเฉิง เธอรู้สึกว่าช่างประหลาดจริงๆเขาดูท่าทาง เหนื่อยล้าเต็มทน เพราะตลอดทางเขาวิ่งหนีอย่างอุตลุดเพื่อมา หาเธอ มีเพียงตอซังต้นข้าวที่เห็นว่าเขาวิ่งหนีจนเหนื่อยเท่านั้น แหละ เพราะเวลานี้ผู้ชายคนนี้ดูท่าทางไม่มีร่องรอยของความ เหนื่อยล้าเลย
ขนาดซอกคอของเขายังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เสิ่นอีเวยคุ้น เคยอยู่มาก ณ วินาทีนั้น เสิ่นอีเวยถึงขั้นหลงใหลหัวทิ่มหัวต ปลายจมูกของเธอคอยสูดดอมดมค้นหากลิ่นที่อยู่บนกายของ เขา เธอกลับรู้สึกสุขสงบอย่างที่สุด
เงินอีเวยหลับตาลง เธออยากจะเก็บความทรงจำอัน งดงามนี้ไว้ในสมองส่วนลึกของตัวเองเอาไว้ พอเธอเริ่มเลย ศีรษะกลับมาอีกครั้ง กลับเห็นเงาอันอ่อนโยนนั่นทาบลงมาต่อ หน้า เพิ่งเจ๋อเฉิงใช้มือกระชับเอวคอดเรียวของเธอเอาไว้ ส่วน อีกมือหนึ่งก็คอยจับท้ายทอยเธอไว้แน่น
ด้วยนิสัยทั้งดื้อดึงเอาแต่ใจแต่ท่าทางกลับอ่อนโยนนั้นมัน ทําให้เสื่นอีเวยถึงกับอ่อนระทวย
เมื่อครู่เสิ่นอีเวยเพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้ว แต่ในเวลานี้เธอ กลับไม่มีเสื้อผ้าใส่อยู่สักชิ้นเลย ยิ่งในเวลานี้สภาพอากาศ ท่ามกลางภูเขาในยามค่ำคืนอากาศจะลดต่ำลง ทว่าในเวลานี้ กลับถูกเพิ่งเจ๋อเฉิงกอดเอาไว้อีก เธอกลับรู้สึกสึกว่าร่างกายนั้น ช่างเย็นเฉียบแข็งทื่อไปหมด
เพิ่งเจ๋อเฉิงบรรจงจูบบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ขยับลง มาเรื่อยๆจนถึงบริเวณริมฝีปาก ลำคอ ในเวลานั้นเอง เสี นอีเวยเริ่มเอ่ยปากพูดออกมาสองคำอย่างเบาๆ “ฉันหนาว…
เพิ่งเจ๋อเฉิงถึงกับต้องหยุดพฤติกรรมนั้นลงทันที เขาเลย หน้าพิจารณาหล่อนอยู่สักพักก็พบว่าบนผิวของเธอเริ่มมีอาการ ขนตั้งชันขึ้นมา เขาถึงเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ตั้งใจเบี่ยง ประเด็น พอคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าเย็นชาของเขาเริ่มคลายกังวล ขึ้นมานิดๆ
วินาทีต่อมา เพิ่งเจ๋อเฉิงทาบร่างกายของเขาลงมา เขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาถอดเสื้อโค้ตชุดสูทนั้นออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ในเวลานี้เขาแค่ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำบางๆไว้ตัวเดียว ระหว่างเขา
กับเธอนั้นมีเพียงเสื้อผ้านั้นที่ขวางกั้นเอาไว้ จนเสิ่นอีเวยได้รับรู้ ความร้อนที่ก่าจายออกจากร่างกายของเขาได้ เสิ่นอีเวยเริ่มหายใจแรงขึ้นจนเธอได้ยินเสียงหัวใจของตัว
เองเต้นดัง
เพิ่งเจ๋อเฉิงเอี้ยวตัวไปด้านข้างบรรจงจูบลำคอเรียวยาว ขาวนวลผ่องของเธอ ฝ่ามือใหญ่คอยประคองใบหน้านุ่มนวล ของเธอเอาไว้แต่คอยระมัดระวังที่จะไม่สัมผัสแผลบนใบหน้า เธอ
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ทว่าเงินอีเวยกลับสูดลม หายใจเข้า “ซี๊ด…
เพิ่งเจ๋อเฉิงถึงกลับหยุดการกระทำทันที พลางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นแผลรอยแดงๆบริเวณด้านซ้ายของแก้มของเธอ
หากจะโทษก็โทษตัวเขาเองที่ช่างหลงใหลคลั่งไคร้โดยไม่ ดูตาม้าตาเรือ เมื่อครู่แทบไม่ได้สังเกตเลยว่าบนแก้มเธอมีแผล อยู่ แถมก่อนหน้านี้เธอก็เขินอายอยู่แล้ว บาดแผลอันนี้มันซ่อน อยู่ในกลุ่มเส้นผมสีดำเลยยากที่จะพบเห็น
เขาใช้นิ้วเรียวยาวค่อยสัมผัสรอยแผลที่อยู่บนแก้มของเสี่ นอีเวย แต่เลือดแห้งไปบ้างแล้ว เธอได้ยินสิ่งที่เขาถาม: “เจ็บ มากไหม?”
เสิ่นอีเวยพยักหน้าหมึกหงักแต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอจำไม่ได้จริงๆว่ามีแผลนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่สู้กับ ผู้ชายสองคนนั้น หรืออาจจะเป็นตอนที่เธอวิ่งมากับเขาแล้วถูก ใบต้นอ้อเกี่ยวจนเป็นแผลก็ได้
ในเวลานี้แสงไฟสลัวในห้องทำให้มองเห็นแค่รูปหน้าคม ชัดของฝ่ายตรงข้าม ช่างวิจิตรงดงามราวกับภาพวาด บรรยากาศเงียบสงบในห้องกลับทำให้เสียงลมหายใจ เปลี่ยนแปลงไป หัวใจของเงินอีเวยเต้นโครมคราม แก้วหูก็มี เสียงลมหายใจของเขาที่ห่างจากเธอไม่ถึงคืบดังกังวานไปทั่ว โสตประสาท
ทว่าในขณะนั้นเอง เสิ่นอีเวยพลันนึกถึงเรื่องสวอันนิ่งขึ้น มาได้ พอความรู้สึกนี้มันกลับมาเธอก็อยากจะผลักเขาออก ทันที แต่ทำได้เพียงเก็บอารมณ์ความรู้สึกไว้ให้มันดำดิ่งลงไป
สักพัก ริมฝีปากของเธอเริ่มสั่นระริก จนในที่สุดก็ยอม ถามคำถามเขา “ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”
ช่วงที่พูดออกมานั้นเสิ่นอีเวยยังตกใจกับเสียงของตัวเอง เลย มันทั้งแทบทั้งทุ่ม ราวกับเส้นเสียงมันคงพังไปแล้ว
เพิ่งเจ๋อเฉิง ใช้สายตาอ่อนโยนมองเธอ ส่วนเธอก็ใช้ สายตาสดใสจ้องตอบ ทั้งคู่ต่างใช้สายตาจ้องกันไปมา จนเธอ ได้ยินเขาพูดออกมา ก็อย่างที่เห็นมาหาผู้หญิงคนหนึ่ง
แค่คำพูดไม่กี่คำ แต่ก็ทำให้กระบอกตาเสิ่นอีเวยร้อนผ่าว ได้ ยิ่งคิดถึงระยะเวลาสามวันที่ผ่านมาที่ตกอยู่ในมือของท่าน ฉินแล้วต้องเผชิญเรื่องต่างๆพวกนั้นจนเธอบ่อน้ำตาเกือบจะแตกแล้ว
“ขอบ…ขอบคุณ…” เธอพูดคำไม่กี่คำออกมาด้วยเสียงสั่น เพิ่งเจ๋อเฉิงถามเธอ: “ขอบคุณฉันเรื่องอะไร?
เสิ่นอีเวยยื่นมืออ่อนนุ่มไปลูบคลำ ใบหน้าของเขาเอาไว้ แล้วเอ่ยขึ้นมา “ขอบคุณที่คุณมาปรากฏตัวที่นี่
เธอเหนื่อยเหลือเกิน ดูท่าพลังงานจะถึงขีดสุดแล้ว แต่ก็ ยังพยายามพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
การได้เห็นหน้าเสิ่นอีเวย แถมในดวงตาแวววาวของเจ้า กวางน้อยสะท้อนเงาของตัวเขาเอง เพิ่งเจ๋อเฉิงถึงกับซาบซึ้ง แล้วบรรจงจูบเธออีกครั้ง เสิ่นอีเวยได้ยินชัดเจนขนาดทุกลม หายใจที่สูดเข้าออกนั้น มันซ่อนความรู้สึกสุขใจอยู่ในนั้น
“ฉันคิดถึงเธอ…..
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ