นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่454ผมไม่สามารถบอกคุณในตอนนี้ได้



บทที่454ผมไม่สามารถบอกคุณในตอนนี้ได้

บทที่ 454 ผมไม่สามารถบอกคุณในตอนนี้ได้

ในชีวิตนี้เป็นอีเวยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเอง จะตก อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ที่คอยมานั่งรำพึงถึงผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่เธอเคยคิดมาตลอดระยะสี่ปีที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่เธออยู่ อังกฤษว่าเธอจะไม่มีทางกลับมาเกี่ยวข้องอะไรกันอีกตลอด ชีวิต

ในยามนั้นเธอใช้ชีวิตของตัวเองมารักผู้ชายคนนั้นมันช่าง เปราะบาง มันทั้งเงียบงัน บางทียิ่งคิดก็ยิ่งเดียวดาย

ทว่าเสิ่นอีเวยก็ยังจดจำได้ดี เขาคนนี้เหมือนกำลังมอด ไหม้อยู่ในใจเธอ ราวกับหิ่งห้อยที่ส่องแสงสว่างในยามค่ำคืนที่ คอยวิ่งชนมีทั้งความรู้สึกอ่อนโยนไปด้วย พอนานวันเข้า เธอ ถึงได้เข้าใจว่าในเวลานี้เอง พวกเขาก็ต่างถูกทำร้ายด้วยกันทั้ง คู่ ความคับแค้นขุ่นข้องหมองใจก่อนหน้านั้นในเวลานี้ มัน มลายหายไปหมดสิ้นแล้ว

ความจริงแล้วทุกคนต่างก็มาจากความว่างเปล่าอย่าง หนึ่ง จนวันหนึ่งสำเร็จข้ามขั้นไปอยู่กับความว่างเปล่าอีกอย่าง หนึ่งแทน พอถึงเวลานั้นขึ้นมา ความถวิลหาต่างแปรเปลี่ยนเป็นความกดดันอย่างหนักขึ้นมาแทน

เงินอีเวยนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน สมองเอาแต่ครุ่นคิดไป เรื่อยเปื่อยไม่หยุด พอนานเข้าสมองยิ่งรู้สึกเหนื่อยล้า จนท้าย ที่สุดแล้วเธอเอนหลังครึ่งท่อนบนพิงกับหัวเตียงแล้วเริ่มหลับตา พักสายตา

บรรยากาศโดยรอบช่างดูเงียบงัน เงียบจนถึงขนาดที่เธอ สามารถได้ยินเสียงเส้นเลือดเต้นตุบๆ ในสมองได้ ทว่ามันล่อง ลอยมาก ความรู้สึกนั้นมันเหมือนไม่ใช่ เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าตัวเอง เหมือนฟังเสียงที่มันไม่เหมือนกัน…

เสียงนั่นเข้าใกล้ขึ้นมาเรื่อยๆ ราวกับเป็นเสียงดังละลอย ล่องมาจากที่ไกลแสนไกลจนใกล้เข้ามาทุกที ในที่สุดเสิ่นอีเว ยก็ฟังออกว่า มีคนกำลังวิ่งและตะโกนโวยวายบนทางเดินด้าน นอกอยู่

เธอลืมตาทันที ความคิดเรื่อยเปื่อยของเธอถูกดึงกับมา อยู่กับเหตุการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

เธอสะบัดผ้าห่มออกจากตัว แล้วยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก นั้นก็เดินผ่านศพสองศพเดินมุ่งหน้าไปทางประตูอย่างเร่งรีบ ยามเมื่อมือของเธอสัมผัสกับประตูในยามนั้น ประตูกลับถูก เปิดเข้ามาจากด้านนอก เสิ่นอีเวยตกใจ จิตใต้สำนึกถอยหลัง ทันทีพร้อมเตรียมตั้งท่าต่อสู้

ภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่าง เธอเห็นใบหน้าของหานนี้เพิ่ง ชัดเจนถึงได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ข้อมือเรียวของเธอถูกหานนี้เพิ่งดึงไว้แน่น แล้วถูกดึงให้ วิ่งออกมาด้านนอก พอเวลาที่เสิ่นอีเวยวิ่งหลุดมาจากทางเดิน นั้น เธอถึงกับยืนตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า

ตึกนี้ไฟไหม้ ถ้าพูดให้ถูกต้อง ไฟมันเริ่มไหม้มาจากชั้น หนึ่ง ที่ที่พวกเขาอยู่นี้ถือว่าไฟลุกลามหนักเอาการอยู่

ห้องโถงขนาดใหญ่ไฟลุกไหม้ท่วมสูง สิ่งของทุกอย่างต่าง มอดไหม้จนไม่เหลือชิ้นดี เงินอีเวยร้อนรนใจ ทั้งวิ่งทั้งตะโกนถามหานฉีเฟิง : “เกิด

เรื่องอะไรขึ้น?!”

หานฉีเฟิงไม่ยอมตอบ เขาพาเล่นอีเวยวิ่งแทรกผ่านกลาง หมู่คนที่วิ่งหนีกันอลหม่าน ลูกสมุนและหญิงสาวที่ถูกจับมานั้น ต่างคนต่างวิ่งหนีคนละทางสองทางเพื่อเอาชีวิตรอด สถานการณ์ในอาคารต่างอลหม่านไม่เป็นชิ้นดี

“อย่าวิ่ง ทุกคนออกไปรวมตัวกันบนถนนด้านนอก!” เสียง หยาบกร้านของท่านฉินดังทะลุเข้ามาในหู

เสิ่นอีเวยที่ได้ยินเสียงโมโหไม่หยุดของท่านฉินถึงกับตก ตะลึงไปสักพัก พลางหันไปมองหานนี้เฟิง นัยน์ตาของเขานั้น ช่างเย็นยะเยือก: “หานฉีเฟิง คุณเป็นใครกันแน่?

ความรู้สึกอ่อนไหวของตัวเธอบอกกับเธอว่า อยู่ดีๆก็มีไฟ

ไหม้ทันทีทันใด ในค่ำคืนนี้มันแปลกๆพิกล ดูเหมือนว่าผู้ชาย คนนี้วิ่งมาหาเธอที่ห้องในตอนนั้น ตามหลักเหตุผลแล้ว เขาควรไปจัดการเรื่องที่สําคัญมากถึงจะถูก ตัวเธอเป็นคนแปลก

หน้า มันสำคัญกับเขาตอนไหนกัน?

เงินอีเวยคิดไม่ออกกับที่มาที่ไปเรื่องนี้จริงๆ

ระหว่างที่ถูกเขาฉุดกระชากลากให้วิ่งไปยังด้านหน้า เ นอีเวนสังเกตเห็นว่าหญิงสาวหลายคนที่โดนพวกนั้นจับต่างวิ่ง หนีออกจากห้องแล้ว ทว่าการที่ถูกจองจำมายาวนานนั้น ความ คิดของคนเราก็ถูกจูงจมูก โดยง่าย

หญิงสาวเหล่านั้นเมื่อได้ยินเสียงท่านฉินแหกปากตะโกน ออกมาก ต่างมุ่งหน้าไปทางประตูใหญ่แทน ทุกคนต่างวิ่งไป รวมตัวกันที่บนถนนต่างลืมกันไปหมดสิ้นแล้วว่า ในยามนี้เป็น โอกาสที่ดีที่สุดที่จะหนีเอาตัวรอด

จากเหตุการณ์นี้ ทุกคนต่างวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน ทว่า เสิ่นอีเวยกับหานฉีเฟิงกลับวิ่งไปอีกทางจนสังเกตได้อย่าง ชัดเจน ทว่า ดูท่าทางหานนี้เพิ่งก็เหมือนไม่ได้สนใจอะไรเลย เสิ่นอีเวยที่วิ่งตามหลังมาถึงค่อยได้สบายใจขึ้นมาเยอะ

หลังจากวิ่งผ่านทางเดินออกมาได้ หานเฟิงก็พาเธอวิ่ง อ้อมมาอีกทางหนึ่งจนมาถึงบริเวณประตูไม้ที่มีพัดขนาดใหญ่ ประดับอยู่ด้านหน้า

ยามเมื่อทั้งคู่หยุดวิ่ง หานฉีเฟิงก็หันตัวกลับมาหาเสี

นอีเวยพร้อมยื่นมือออกมาด้วย : “นี่คือของของคุณ เมื่อครู่ที่ ไปหาคุณนั้น วิ่งรีบร้อนไปหน่อย ไม่รู้ว่ามีอะไรตกหล่อนไปหรือ ป่าว ถือดีๆ”
เสิ่นอีเวยถึงกลับอึ้งไปสักพัก แล้วเอื้อมือไปหยิบกระเป๋า ของตนเองเอาไว้พลางเปิดมองผ่านๆ นอกจากเสื้อผ้าที่เอาไว้ เปลี่ยนใส่แล้ว โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ กระเป๋าสตางค์ บัตรประจำตัวประชาชน ของสำคัญต่างๆอยู่ในกระเป๋าครบ ทั้งหมด

เสิ่นอีเวยเงยหน้าด้วยสายตาทอประกายแวววาว ด้าน หลังของพวกเขามีเสียงสิ่งของกำลังถูกไฟมอดไหม้ไม่หยุด ถึง แม้ว่ากองไฟต้นทางที่มาจากห้องโถง ใหญ่ยังมาไม่ถึง แต่ อุณหภูมิในห้องก็สูงขึ้นมากนัก

เธอจ้องหน้าหานฉีเฟิงอย่างเอาเป็นเอาตาย พยายามพูด เน้นทุกคำ “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามฉัน คุณเป็นใครกันแน่?

หานนี้เพิ่งสบตาผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าท่ามกลางกองไฟลุก

โชน นัยน์ตาของเขามันซ่อนความโศกเศร้า “ผมไม่สามารถ

บอกคุณได้ในเวลานี้”

“ทำไม?” เสิ่นอีเวยถามกลับ เธอไม่เชื่อหรอกว่ายังมีคำ พูดอะไรอีกที่ไม่สามารถพูดออกมาในเวลานี้ได้อีก

เงินอีเวยอยากจะพูดต่อ แต่หานเพิ่งรีบแทรกขึ้นมา ทันที “คุณเอาของไปแล้ววิ่งไปทางประตูที่มีพัดนั่นวิ่งออกไป วิ่งบนถนนไปเรื่อยๆจนเจอเสาไฟต้นที่สองนั้น ใต้เสาไฟตรงนั้น จะมีคนคอยมารับคุณอยู่ ถนนเส้นนั้นเป็นคนละทางกับพวก ของท่านฉิน คุณไม่มีทางได้เจอกับพวกเขาแน่ จำคำพูดของผม ไว้ให้ดี”
เสิ่นอีเวยเหมือนน้ำเข้าสมอง “ใคร? ใครจะเป็นคนมารับฉัน?”

ใจร้อนรนถามเขากลับ:

ตอนที่เธอถามคำถามนั้นออกไป ในสมองของเธอกับ เงาของผู้ชายคนหนึ่ง โผล่เข้ามาในสมอง ทว่าเงินอีเวยเองก็ไม่ มั่นใจ จิตใต้สำนึกของตัวเองในแวบแรกนั้นเลย

เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่เขาแน่

หานนี้เพิ่งสบตาหล่อนแต่ไม่ได้พูดอะไรได้แค่ถามกลับ “ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผู้ชายที่มาหาคนในคืนนั้นมันยัง ไงกันแน่?”

เสิ่นอีเวยถึงกับอึ้งพลางนึกถึงค่ำคืนนั้นที่เพิ่งเจ๋อเฉิงตัดสิน ใจหันหลังสิ่งที่หลงเหลือไว้มีแค่เงาด้านหลังให้เธอ ใจเธอถึง กับหนาวเหน็บขึ้นมาทันที ความสดใสในดวงตาต่างหมอง หม่นลงฉับพลัน พลางเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาแทน: “ฉันกับเขาไม่มี ความสัมพันธ์อะไรกัน

เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือป่าว เพราะเมื่อ เธอพูดประโยคนั้นออกมา สายตาของหานนี้เพิ่งเริ่มสงสัยขึ้น มาแทน แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

วินาทีต่อมา เขากลับทำสีหน้าเด็ดเดี่ยวตามเดิมอีกครั้ง “คุณไปเถอะ! จำไว้นะ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็ตาม ห้าม หันกลับมาอีก วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตไปข้างหน้าตลอด คนที่จะ มารับคุณเป็นคนที่คุณสามารถไว้ใจได้
หลังจากพูดประโยคนี้เสร็จ หานเฟิงก็ผลักเงินอีเวยออก ไป พอเธอรีบหันกลับมาก็พบว่าเธอห่างจากเขาแค่ประตูเท่านั้น ด้านในประตูนั้นมีแต่เปลวเพลิงท่วมหัว ควันไฟพุ่งไปทั่ว ส่วน ด้านนอกประตูก็มีแต่ท้องฟ้าที่มืดสุดลูกหูลูกตา

หากให้เงินอีเวยบอกว่าฝั่งไหนมันเหมือนนรกในเวลานั้น เสิ่นอีเวยเองแทบไม่มีคำตอบอยู่ในใจเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ