นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่451เธอยังเอาตัวไม่รอดเลยจะไป ช่วยคนอื่นได้ยังไง



บทที่451เธอยังเอาตัวไม่รอดเลยจะไป ช่วยคนอื่นได้ยังไง

บทที่ 451 เธอยังเอาตัวไม่รอดเลยจะไปช่วยคนอื่นได้ยังไง

เสิ่นอีเวยไม่กลัวเลยสักนิด เธอพูดตอกกลับเขาอย่างช้าๆ ทีละคำ “ผู้หญิงแล้วไง? ผู้หญิงฉลาดไม่ได้หรอ? เมื่อครู่ที่คุณ ดื่มเหล้าเสร็จแล้วแถมกอดฉันแล้วมุ่งหน้าเดินมาทางทางเดินนี้ นั้น ตอนนั้นฉันก็ดูออกว่าคุณไม่ได้เมาเหล้า แถมจำห้องได้ อย่างขึ้นใจ แรกเริ่มเดิมทีที่คุณล้มลุกคลุกคลานจนล้มไปทับ อยู่บนตัวฉันก็เพื่อตั้งใจที่จะพาฉันไปห้องทางนั้น หากในเวลา นั้นไม่มีคนเดินมา แล้วคุณคงบอกให้ฉันเปิดประตู คุณก็แค่ อยากรู้ว่าในห้องเหล่านั้นมันซ่อนใครไว้ ไม่ใช่หรอ? “

เสิ่นอีเวยพูดรวดเดียวจบไม่คิดจะให้โอกาสหานนี้เพิ่งพูด แทรก

หลังจากพูดจบ สีหน้าของหานนี้เพิ่งกลับเคร่งขรึมทันทีจน เข้าชั้นน่ากลัว วินาทีต่อมา เขาไม่รอให้เงินอีเวยได้ตั้งตัวได้ทัน เขาก็ล็อกคอเรียวงามด้วยมือข้างเดียวไว้แน่น ใบหน้าหาน ฉีเฟิงที่สีหน้าแสดงอาการโมโหจัดมันห่างใบหน้าเธอแค่คืบ เดียว เธอได้ยินที่เขาพูดเน้นย้ำทุกคำ : “ฉันขอเตือนเธอเป็น ครั้งสุดท้าย เอาคำพูดอัปรีย์พวกนี้กลืนลงท้องไปซะ ไม่งั้น เดี๋ยวฉันไปบอกท่านฉินให้ เขาจะทำให้เธอรู้ว่าขนาดเทวดาก็ไม่มีทางช่วยเธอได้

หานฉีเฟิงพยายามใช้เสียงทุ้มต่ำพูดกับเสิ่นอีเวยทำ ราวกับแสดงให้เธอเห็นว่าเขาโกรธแล้ว แต่คนข้างหลังกลับ คิดเองเออเองว่าเขากำลังแสดงละคร

เสิ่นอีเวยจ้องตาหานฉีเฟิงแล้วยิ้มนิดๆแถมพูดขึ้นว่า “ไม่ : หรอก คุณไม่มีทางเอาคำพูดของฉันไปบอกท่านฉันหรอก”

หานนี้เพิ่งรู้สึกตลกมาก : “เธอเอาอะไรมาวัดว่าฉันจะไม่ ทํา?”

เสิ่นอีเวยเตรียมอ้าปากพูดต่อแต่กลับถูกหานนี้เพิ่งเอามือ ปิดปากไว้แน่น : “คุณหยุดพูด พูดจนผมปวดสมอง เงียบ หน่อยได้ไหม?”

วินาทีต่อมา หานเฟองเริ่มพูดต่อ: “ยังมีอีก ฉันละงงจริง ว่าเธอจะเอาความกล้าตรงไหนมาช่วยฉัน? ตอนนี้ตัวเองยังเอา ตัวไม่รอดแล้วยังจะมาช่วยคนอื่นอีก

เสิ่นอีเวยถูกเขาพูดแบบนี้ใส่ เธออึ้งไปสักพักจากนั้นก็ หัวเราะเยาะเขากลับ จริงๆแล้วหานฉีเฟิงก็พูดถูก ตอนนี้ตัวเธอ เองอยู่ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ถึงจะออกไปได้ แล้วจะไปช่วยเขาให้ ช่วยผู้หญิงพวกนั้นอีกออกไปได้ยังไง?

ขมับของเสิ่นอีเวยเต้นตุบตับจนปวดขึ้นเรื่อยๆ เพิ่งเจ๋อเฉิง…เพิ่งเจ๋อเฉิง ชื่อนี้โผล่อยู่ในสมองของเธอโดย ตลอดทำยังไงก็ไม่จางหายไปเลย
คุณกลัวว่าจะเป็นคนนำอันตรายมาให้ฉัน หรือว่าแท้จริง แล้วคุณก็แค่รู้สึกว่าฉันไม่ได้มีค่าอะไรเลยกันแน่ ก็แค่ผู้หญิงคน เดียว คุณไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรมากมายขนาดนั้นหรอ?

คำถามค่านี้เป็นคำถามที่วิ่งวนเวียนอยู่ในหัวของเงินอีเวย ไม่หยุด ในหัวของเธอมีเสียงดังพิลึกพิลั่นร้อยแปดพันเก้ากำลัง กรีดร้องลั่น ทว่าในเวลานี้ เธอไม่รู้ว่าอันไหนมันคือความจริง กันแน่

หลังจากที่หานฉีเฟิงพูดทิ้งคำพูดนั้นไว้เขาก็หันตัวกลับ แล้วเดินออกไป หลังจากเดินออกจากห้องไปเขาก็จัดการล็อก ประตูตามเดิม แล้วทิ้งเงินอีเวยให้อยู่แต่ในห้องคนเดียว

ยามเมื่อไม่มีใครพูดคุยสนทนากับเธอ ความกลัวที่ซ่อน เร้นอยู่ในใจกลับทวีมากขึ้นเรื่อยๆ ที่นี่ก็เหมือนอยู่ในนรก อสุรกาย ในสถานที่แห่งนี้มันกลับไม่มีทางออกใดๆเลย

สามวันเต็มๆ เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องนี้ หาน ฉีเฟิงไม่ได้กลับมาเลย ตามที่เธอคิดไว้ว่าตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้น มา เธอก็ไม่ได้เจอผู้ชายคนนั้นอีกเลย

หรือว่า เขาหาคนที่เขาต้องการตัวไม่เจอ แล้วก็หนีออกไป จากที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว

หานฉีเฟิงพูดผิดไปแล้วแหละ ที่เขามาหาคนนั้นมันไม่ใช่

เธอเลยด้วยซ้ำ

ในระยะเวลาสามวันที่ผ่านมานี้ มีคนมาส่งข้าวปลาอาหารให้เธอที่หน้าประตูโดยเฉพาะ เสิ่นอีเวยคิดว่าตัวเองเป็น นักโทษที่โดนจำกัดสิทธิและเสรีภาพไปแล้ว ถึงเวลากินข้าวก็ กิน ถึงเวลานอนก็นอน

ในที่สุด วันนี้เองเสิ่นอีเวยก็ได้ยินเสียงดังมาจากปากคนที่ คอยส่งข้าวให้เธอที่ตั้งอยู่ภายนอกแต่มันทำให้เธอโกรธและ เป็นข่าวที่เจ็บปวดหัวใจ

ข้าวกล่องธรรมดาหนึ่งกล่องยื่นจากประตูเข้ามาในบริเวณ ห้อง เสิ่นอีเวยยื่นมือออกไปรับทว่าตอนที่ยื่นมือออกไปใน วินาทีนั้นกลับได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น : “ค่อยๆกินข้าว กินให้อิ่ม ไม่แน่นี่อาจจะเป็นข้าวมื้อสุดท้ายของคุณแล้วก็ได้ ฮ่าๆๆ

หลังจากเธอฟังประโยคนี้จบเธอถึงกับตกใจมาก เลยเงีย หน้ามองผู้ชายที่เป็นคนส่งข้าวด้านนอกประตูแล้วถามเขากลับ : “แกหมายความว่ายังไง?

หูจื่อหนานคือที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูไว้เขาไว้ หนวด ทรงGoatee หรือ เคราแพะ มันเป็นเคราที่เสิ่นอีเวยเกลียด ที่สุด ผู้ชายคนนั้นตอบกลับ : “อ้อ นี่เธอคงไม่รู้สินะ? เดี๋ยวเธอ ก็ต้องไปนั่งเป็นเพื่อนแขกแล้ว!

นั่งเป็นเพื่อนแขกหรอ?

ในหัวของเธอกลับปรากฏภาพตามความหมายนั้นขึ้นมา ทันที แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี เธอใช้สายตาโมโหจ้องหน้า สองคนนั้นที่ยืนอยู่ที่ประตู : “พวกแกพูดมั่วอะไรเนี่ย
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็คิดถึงหานนี้เพิ่งขึ้นมาเลยตัดสินใจ เอาชื่อของเขาขึ้นมาอ้างเป็นไม้กันหมา: “ฉันเป็นผู้หญิงของ หานฉีเฟิง เรื่องนี้ท่านฉินของพวกแกก็เป็นคนรับปากแล้วด้วย ฉันล่ะอยากเห็นจริงๆว่าใครหน้าไหนบังอาจกล้ามาแตะต้องตัว ฉัน!”

สองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูขึ้นกลับอึ้งไปจากนั้นหัวเราะดัง ลั่นขึ้นมาแทน “นี่เธอคิดว่าหานนี้เพิ่งจะคุ้มครองแกได้หรอ? อย่าพูดถึงผู้หญิงของเขาเลย ขนาดผู้หญิงของท่าน หากพวก อยากได้ก็ต้องได้!”

ผู้ชายที่สีหน้าดูเคร่งขรึมไม่พูดไม่จาที่เอาแต่ยืนอยู่ข้าง หลังนั่น ดูแล้วเขาน่าจะอายุน้อยกว่าหูจื่อหนานหลายปี อยู่ดี เขาก็เขยิบเข้าหาหูจื่อหนานแล้วพูดขึ้นมา : “นี่พี่ หานเพิ่งเป็น คนหยิ่งยโสมาก ท่านฉินของพวกเราก็เชื่อใจมันมาก มักจะพูด ชมเชยต่อหน้าพวกเราอยู่บ่อยๆ คราวก่อนก็หักหน้าที่ต่อหน้า ท่านฉินแถมยังขออีกนังผู้หญิงคนนี้กับท่านฉินอีก ทำไมเรา ไม่…ใช้โอกาสนี้ระบายมันออกไปบ้างล่ะ!

เสิ่นอีเวยได้ยินประโยคนี้ในใจก็รู้ทันทีว่ามันคงไม่เรื่องไม่ ดีแน่ แต่สิ่งที่ทำได้คือสร้างความกล้าพูดเสียงดังเพื่อให้ตัวเอง เอาไว้ก่อน “พวกแกจะทำอะไร!

หอหนานไม่ได้สนใจเงินอีเวยเลยสักนิด เขาตั้งหน้าตั้ง ตามองคนที่เมื่อครู่เป็นคนพูดจากนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำ พูดที่คนนั้นพูด : “มีหลักการดี… ต่อหน้าท่านฉิน พวกเราก็ไม่ ชนะหานฉีเฟิง แต่ถ้าเป็นผู้หญิงของเขาล่ะ….
เมื่อพูดจนถึงเรื่องนี้ หูจื่อหนานก็หันกลับมามองพิจารณา เสิ่นอีเวยแทนจากนั้นก็กระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความตื่นกระหาย “สถานการณ์ช่างเหมาะเจาะเสียจริง งั้นวันนี้เราพี่น้องก็จัดการ เหยื่อให้เต็มคราบไปเลย! ฮ่าๆๆ

ในใจเสิ่นอีเวยเริ่มส่งสัญญาณเตือนภัยทันที เธอไม่รอให้ หอหนานพูดจบ เธอก็พยายามใช้มือดันประตูให้ปิดสนิท ทว่าด้านนอกนั้นมีคนถึงสองคนแถมเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างสูง ใหญ่ ต่อให้เธอจะมีพละกำลังเพิ่มขึ้นก็ไม่มีทางจะเป็นคู่แข่ง ของพวกเขาได้อยู่ดี

ประตูถูกผลักเข้ามาจนเสิ่นอีเวยลื่นล้มลงบนพื้น ผู้ชายทั้ง สองคนรีบปิดประตูทันทีพร้อมกับทำท่าทางหักนิ้วมืออย่างอื่น กระหายพร้อมทั้งกระหยิ่มยิ้มย่องเดินมาทางเสิ่นอีเวย

เสิ่นอีเวยจิตใจหมองหม่น หล่อนรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้วคว้า ที่เขี่ยบุหรี่ที่อยู่วางอยู่บนตู้เล็กนั่นฟาดไปที่หูจื่อหนานที่ยืน ตรงหน้าเต็มแรง : “ฉันเตือนพวกแก อย่าทำอะไรฉันนะ ไม่งั้น หานนี้เพิ่งไม่ปล่อยพวกแกแน่!”

“โธ่ ไม่คิดเลยว่าพวกแกเพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวความ สัมพันธ์ก็ดีถึงขั้นนี้แล้วหรอ?” สองคนนั้นตั้งใจหยอกล้อ แวว ตาตื่นกระหายทะลุออกมาจากดวงตานั้นมันทำให้เงินอีเวยรู้สึก อยากจะอาเจียน

“พวกมึงเกี่ยวแม่งอะไรด้วย!” ในยามนั้นเอง เสิ่นอีเวยแค่ รู้สึกว่าตัวเองถูกบังคับจนหมดหนทางแล้วเลยเผลอค่าประโยคแรงๆออกไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ