บทที่420เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
บทที่ 420 เคราะห์ซ้ำกรรมซัด
เงินอีเวยกินยา รู้สึกว่าพละกำลังสุดท้ายของร่างกาย โดน สูบออกจนแห้ง เธอนอนรับโทรศัพท์อย่างสะลึมสะลือบนโซฟา ท่าทางกึ่งหลับกึ่งตื่น มองเห็นหน้าจอโทรศัพท์กระพริบชื่อ ของ”หยางอันหวาน อย่างไม่หยุด
เสิ่นอีเวยรับโทรศัพท์อย่างไร้เรี่ยวแรง “ฮัลโหล………
หยางอันทรานจากปลายสายนิ่งไปสักพัก สังเกตได้ว่า สถานการณ์ทางฝั่งเสิ่นอีเวยเหมือนจะผิดปกติ จึงรีบถามทันที ว่า : “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า? “
“ไม่เป็นอะไร แค่ประจําเดือนมา……เสียงของเธออ่อนแรง อาจเป็นเพราะเพิ่งจะผ่านไปไม่นาน ดังนั้นฤทธิ์ของยาที่เพิ่งจะ กินเข้าไปจึงยังไม่ทำงาน เสิ่นอีเวยเจ็บจนเหงื่อไหลออกมาจาก หน้าผาก
“เธอดูน่าเป็นห่วงมากเลยนะ อยากไปโรงพยาบาล ไหม? “หยางอันหรานถามจากปลายสาย
เสิ่นอีเวยปฏิเสธทันที : “ไม่เป็นไร ฉันนอนสักพักเดี๋ยวก็ดี ขึ้น ฉันกินยาเรียบร้อยแล้ว……
หยางอันตรายจากปลายสายเงียบลงทันที จากนั้นจึงพูด
ว่า: งั้นก็ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันไม่รบกวนเธอดีกว่า เธอพัก ผ่อนไปนะ ฉันดูแลเหมียนเหมียนน้อยอยู่ทางนี้ เธอวางใจได้
เธอรีบวางสายหลังจากพูดจบ ถ้าเป็นเวลาปกติ เสิ่นอีเวย จะต้องขอคุยกับเหมียนเหมียนน้อยสักสองประโยค แต่ว่าวันนี้ เธอไม่มีแรงพูดจริงๆ
เสิ่นอีเวยที่กำลังเจ็บจนราวกับอยู่ในความฝันไม่รู้ตัวว่า ตนเองถูกหยางอันหรานหักหลังเรียบร้อย
เพิ่งเจ๋อเฉิงนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จิตใจจดจ่อกับเอกสาร ในมือที่ต้องจัดการ พลิกอ่านดูที่ละหน้า เขายกมือขึ้นมา ปิดปากไออย่างรุนแรงหลายที่
ทันใดนั้นมือถือก็สั่นขึ้นมา เมื่อหยิบดู จึงพบว่าเป็น
ข้อความจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก
เนื้อหามีอยู่ว่า : สวัสดี ฉันคือหยางอันหราน เพื่อนของเ นอีเวย ขอโทษด้วยที่รบกวนคุณตอนดึกแบบนี้! ตอนนี้เธอ ปวดท้องประจำเดือนมาก ไม่ทราบว่าคุณจะสามารถไปเยี่ยม เธอหน่อยได้ไหม?
หลังจากอ่านข้อความชัดเจน เพิ่งเจ๋อเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงคนนั้นไม่สบายหรอ?
ข้อความที่หยางอันทรานส่งมา ถึงอย่างไรเพิ่งเจ๋อเฉิงไม่
ได้ตอบกลับไป แต่ฝ่ายชายรีบหยิบกุญแจรถออกไปอย่างรวดเร็ว
มีอะไรจะพูดได้อีก? เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เสิ่นอีเวยที่กำลัง อยู่ในความมืดรู้สึกว่า ในวันนี้ชะตากรรมของตนเองควรใช้ ประโยคนั้นถึงจะเหมาะสมที่สุด
ในขณะที่ยาเริ่มออกฤทธิ์ สภาวะของร่างกายก็ค่อยๆดีขึ้น มา แต่ไฟในบ้านกลับดับอย่างกระทันหัน
เพียงพริบตาเดี่ยวรอบตัวกลายเป็นมืดตึดตื้อ หัวใจของ เสิ่นอีเวยเต้นไม่เป็นจังหวะ มีเสียงดังก้องอยู่ในหัว คล้ายกับมี รถบรรทุกคันใหญ่วิ่งมาชนในหัวของเธอ
เงินอีเวยเข้าใจตนเองดี นี่เป็นสัญญาณของความหวาด กลัวอย่างที่สุด เธอทนทุกข์ทรมานจากโรคกลัวที่ปิดทึบ หลาย ปีที่ผ่านมาไม่มีท่าทีจะดีขึ้น เธอก็เคยคิดอยากจะเอาชนะมัน หลายครั้ง แต่ทุกครั้งเมื่ออยู่ในความมืด กลับทนไม่ไหวต้อง ร้องขอความช่วยเหลือ
เสิ่นอีเวยขดตัวแน่นอยู่บนโซฟา จนตัวเล็กนิดเดียว เหมือนกับสัตว์ตัวเล็กที่ได้รับบาดเจ็บรอคนมาช่วยเหลือ
ในช่วงนี้ อากาศในเมืองไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ตอนกลาง วันมีท้องฟ้ามืดครึ้มและฝนตกติดต่อกัน วันนี้ตอนกลางคืนไม่มี แม้แต่แสงจากพระจันทร์ หลังจากไฟดับ บ้านทั้งหลังกลายเป็น ถ้ำที่มืดมิด
ความทรงจำเมื่อตอนอายุสิบสาม โดนเสิ่นหุ้ย ใส่กุญแจขังไว้ในห้องใต้ดินแคบๆพรั่งพรูออกมาใหม่อีกครั้ง เสิ่นอีเวชก อดตัวเองไว้แน่น ยิ่งนานยิ่งรู้สึกหายใจลำบาก
ในบ้านมืดมาก เธอไม่อยากอยู่ในบ้าน…………เวย ใช้ ความคิดที่กำลังจมดิ่งพิจารณาอย่างรวดเร็ว ไฟบนถนนข้าง นอกน่าจะยังสว่าง เธออยากออกไปนั่งที่นั้น
เงินอีเวยยื่นมือออกไปคลำหาโทรศัพท์มือถือของตนเอง หลังจากคลำเจอจึงเปิดไฟฉายจากมือถือ เมื่อเธอเปิดประตู แสงจากด้านนอกก็ส่องสว่างเข้ามาทันที เมื่อร่างกายได้สัมผัส กับความสว่าง เงินอีเวยเหมือนกับปลาขาดน้ำกำลังใกล้ตาย อยู่ดีๆได้รับการปลดปล่อยให้มีชีวิตอีกครั้ง ทุกอย่างเงียบสงบ ลง
เมื่อเซิ่งเจ๋อเฉิงรีบมาถึง จึงได้เห็นฉากที่เป็นดั่งภาพวาด
เสิ่นอีเวณนั่งยองๆหน้าประตูบ้าน แสงและเงาสลัวที่ กระทบผ่านร่างกายทำให้ตนเองเหลือเพียงก้อนกลมๆ เธอ ขมวดคิ้ว บนหน้าผากมีเม็ดเหงื่อบางๆไหลซึมออกมา เธอมี ท่าทางเหนื่อยล้าเต็มทน
วันนี้เสิ่นอีเวยเหนื่อยมาก ดังนั้นหลังจากเลิกงานถึงบ้าน จึงนอนเอนกายลงไปโดยไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า ในขณะนี้ เส้นผม ของเสิ่นอีเวยกระจัดกระจายอยู่บนแก้มขาวซีด เส้นผมสีดำ ปกคลุมทั้งในหน้ารูปไข่ ยิ่งทำให้ดูบอบบางและซีดมากขึ้น
มองเห็นเสิ่นอีเวยในแบบนี้ เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดได้ไม่ชัดเจนว่า แท้จริงตนเองรู้สึกอย่างไร
ใช่แล้ว เขายังคงอารมณ์เสียอยู่กับเรื่องสร้อยคอที่ ประเทศไทยครั้งก่อนนี้ จนกระทั่งสาบานว่า ในช่วงนี้ตนเองจะ ไม่เป็นฝ่ายไปหาผู้หญิงคนนั้นอีก แต่เมื่อเขาได้รับข้อความจาก หยางอันตราย เขาก็ยังคงควบคุมหัวใจตนเองไม่ได้อีกตาม เคย
เพิ่งเจ๋อเฉิงสวมชุดอยู่บ้าน มือทั้งสองอยู่ในกระเป๋า
กางเกง มองผู้หญิงที่กำลังจนตรอกอยู่ในมุมกำแพงอย่าง
เหยียดหยาม หากพูดตามอารมณ์ที่เขาเคยชินเป็นนิสัย อันที่
จริงตอนนี้เขาอยากถามว่า : แฟนที่ให้สร้อยคุณล่ะ ? ทำไมไม่
ให้เขามาดูแล?
แต่เขาพูดประโยคเหล่านั้นไม่ออก แขนขามักจะมี ปฏิกิริยาเร็วกว่าความคิดของสมองเสมอ เพิ่งเจ๋อเฉิงสวมก้ม ตัวลงใช้ข้อมือขวาสอดลงไปในข้อพับขาของเงินอีเวย
เสิ่นอีเวยโดนอุ้มขึ้นมาอย่างเบามือ เพิ่งเจ๋อเฉิงเดินเข้าไป ในบ้านด้วยความรวดเร็ว ในระหว่างที่ร่างกายโยกไปมา เสี นอีเวยค่อยๆได้สติกลับมา เมื่อเปิดตาดู ภาพที่สะท้อนผ่านทาง รูม่านตากลับกลายเป็นใบหน้าที่ตนเองไม่อยากเห็น เธอร้อง โวยวายทันที
“ทำไมถึงเป็นคุณ? ทำไมคุณถึงมาที่นี่? ใครใช้ให้คุณ มา? “เสิ่นอีเวยถามติดกันสามคำถาม
เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่แม้แต่จะก้มลงมามองหน้าเสิ่นอีเวย เขา เพียงแค่พูดด้วยความเย็นชาว่า “ผมมีหน้าที่ต้องตอบคำถามคุณหรอ? “
เสิ่นอีเวยนอนอยู่ในอ้อมแขนของเพิ่งเจ๋อเฉิง เมื่อ ไตร่ตรองสภาวะร่างกายของตนเองในตอนนี้อย่างรอบคอบ จึง ตัดสินใจไม่ให้เขาได้รับรู้ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีแรงต่อต้าน ในตอนนี้แม้แต่เรี่ยวแรงสักนิดเดียวของเธอก็ยังไม่มี
เพิ่งเจ๋อเฉิงวางเงินอีเวยลงบนโซฟา ท่ามกลางความมืด มิด ฝ่ายชายพูดเต็มไปด้วยด้วยน้ำเสียงแดกดันว่า “คุณนี่มัน สุดยอดจริงๆ กลัวความมืดได้อย่างไรกัน? ”
เสิ่นอีเวยโดนเขาใช้ประโยคนั้นแทงถูกจุดความเจ็บปวด เธอโต้เถียงกลับว่า: “ฉันจะกลัวหรือไม่กลัวความมืดมัน เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ? อีกอย่าง ฉันไม่ได้เชิญคุณมาซะ หน่อย!
เพิ่งเจ๋อเฉิงก็โดนท่าทางหยาบคายของเสิ่นอีเวยยั่วให้เกิด ความโมโห เขาสีหน้าเปลี่ยนอย่างไม่รู้ตัว : “ถ้าหากเพื่อน ของคุณไม่ส่งข้อความมาหาผม คุณคิดว่าดึกขนาดนี้ผมจะออก มาหาคุณให้เปลืองแรงทำไมกัน?
เสิ่นอีเวยนิ่งไปสักพัก : “หยางอันหรานโทรศัพท์หาคุณ หรอ?
เพิ่งเจ๋อเฉิงไม่สนใจเธอ มันคือคำตอบ เสิ่นอีเวยพูดใน
ใจ………ราน เธอนี่มันยุ่งจริงๆ “คุณไปซะ ฉันไม่ต้องการให้คุณมาดูแลเสิ่นอีเวยพูดอย่างเย็นชา
“คุณแน่ใจนะ? “การย้อนถามของฝ่ายชายในความมืด
แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัว
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ