บทที่398เสิ่นหุ้ยเดินทางกลับมาถึง ประเทศแล้ว
บทที่ 398 เงินหุ้ยเดินทางกลับมาถึงประเทศแล้ว
บรรยากาศที่เงียบสงบตั้งแต่ต้น จู่ๆเพิ่งเจ๋อเฉิงก็ถาม คำถามอย่างนี้ออกมา ในหัวของเงินอีเวยมีเสียง “ยิ่งดังขึ้น แทน เธอถามออกไปโดยทันที “คุณรู้ได้ยังไง?
เพิ่งเจ๋อเฉิงยนคิ้วเล็กน้อย แล้วตอบด้วยเสียงทุ้ม: “ที่สื่อ รายงานก็เป็นความจริงทั้งหมดนั้น
เรื่องที่สื่อรายงาน เสิ่นอีเวยแทบไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ
“รายงานอะไร?”
“เธอคงไม่ได้ดูข่าวเลยสินะ?”
“ก็ไม่ได้ดูน่ะสิ!” เสิ่นอีเวยพยายามทำใจให้สงบแล้วถึง ตอบออกไป ปกติเธอทำงานยุ่งมากอยู่แล้วแทบไม่เคยสนใจ ข่าวซุบซิบบันเทิงอะไร อีกทั้งเป็นการปฏิเสธออกไปตรงๆว่า ตนเองไม่ได้ติดตามข่าวคราวนั้น เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง ออกจากเรื่องความสัมพันธ์นั้นอย่างชัดเจน
“บอกผมหน่อย พวกเธอพัฒนาไปถึงขั้นไหนกันแล้ว หา ได้ยากมาก โดยเฉพาะตอนที่เพิ่งเจ๋อเฉิงพูดถึงหัวข้อนี้ที่ไม่มี วี่แววว่าจะโกรธเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าเขาวางแผนจะพูดคุยเรื่องนี้กับเธออย่างตรงๆไว้ตั้งแต่แรก
เงินอีเวยสงสัย: “พัฒนาถึงขั้นไหนอะไรยังไง? ฉันไม่ได้ ตกลงปลงใจที่เขามาตามจีบฉันนี่ เขาแค่ชอบฉันอยู่ฝ่ายเดียว
ทันใดนั้น เป็นเวยก็รู้สึกว่าเหมือนมีอุณหภูมิอันอบอุ่น ประทับบริเวณหน้าผากของตนเองที่ถูกเขาจุมพิตอย่างแผ่วเบา มา เสียงของเพิ่งเจ๋อเฉิงก็ลอยเข้าหูมา: “นับว่าคุณฉลาด รู้ว่า ควรตอบคำถามยังไง
เงินอีเวยเม้มปาก ในหัวกลับมีเรื่องหนึ่งแวบขึ้นมา
หล่อนพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากอ้อมอกเพิ่งเจอ เฉิงแล้วจ้องมองดวงตาอีกฝ่ายพร้อมทั้งเอ่ยขึ้น “ฉันมีเรื่องๆ หนึ่งอยากจะถามคุณ
ณ ตอนนี้ บางทีอาจจะเพราะสายตาของเสิ่นอีเวยดูจริงจัง มากไปนิด เพิ่งเจ๋อเฉิงถึงกับต้องเก็บอาการสีหน้าที่กำลังหยอก ล้อเธอเมื่อครู่เอาไว้ก่อน “เธออยากจะถามเรื่องเงินหุ้ยใช่
เสิ่นอีเวยตะลึงไปครู่หนึ่ง ประหลาดใจที่เพิ่งเจ๋อเฉิง สามารถคาดเดาสิ่งที่เธอคิดในใจได้ในทันที
“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันจะถามเรื่องนี้?” ดวงตากระจ่างใสของ เสิ่นอีเวยมองเชิงเจ๋อเฉิงอย่างจริงจัง
ดวงตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงเคร่งขรึมลงทันที มองไม่ออกถึง อารมณ์ที่กำลังคิดอยู่: “เธอเองก็กลับประเทศมานานโขขนาดนี้แล้ว ฉันมั่นใจได้เลยว่าจะต้องหาเวลามาเยี่ยมเงินหุ้ยแน่นอน ทว่าเมื่อเธอพบว่าหล่อนไม่อยู่ที่โรงพยาบาลก็จะต้องมาถามฉัน เพียงแต่ไม่คิดว่าจะช้ากว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก
“หล่อนออกจากโรงพยาบาลไปตอนไหน? ตอนนี้หล่อน อยู่ที่ไหนล่ะ?” เสิ่นอีเวยถามสองคำถามติดกันออกไป
“หลังเธอไปอังกฤษได้สองปี เงินหุ้ยก็ฟื้นขึ้นมา แต่ว่าหลัง จากหล่อนฟื้นขึ้นมาก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ มักจะร้องไห้และ สร้างปัญหาอยู่บ่อยๆ ตอนนั้นฉันยุ่งอยู่กับการดูแลบริษัท เครื่องประดับ Aute ไม่สามารถปลีกตัวรวมถึงการมีเวลาไป ดูแลหล่อนเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้นฉันเลยติดต่อคุณหมอที่ ลอสแองเจลิสเพื่อส่งเสิ่นหุ้ยไปพักรักษาตัวที่นั่น
ทุกๆสัปดาห์เจ้าหน้าที่ทางนั้นจะรายงานอาการของหล่อน ให้ฉันทราบ หล่อนมีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ไม่นานพวกเขาติดต่อฉันมา บอกว่าหล่อนรักษาตัว ได้ดีแล้ว บางทีอีกสักพักก็สามารถกลับประเทศได้แล้ว
เมื่อเพิ่งเจ๋อเฉิงพูดจบ เสิ่นอีเวยตกตะลึงไปนานแล้ว: “งั้น นี่ก็หมายความว่าพี่สาวหายดีแล้ว…?”
เพิ่งเจ๋อเฉิงพยักหน้า: “ใช่”
ในตอนนี้ เสิ่นอีเวยบอกความรู้สึกที่อยู่ในใจไม่ถูก ว่า แท้จริงว่ากำลังดีใจมากๆ หรือการที่ไม่รู้ว่าทำตัวยังไงอันไหน มันมากกว่ากัน
ในที่สุดพี่สาวก็หายจากอาการป่วยแล้ว นี่ก็หมายความ ว่าบนโลกนี้เธอมีญาติเพิ่มอีกคนหนึ่ง ตนเองไม่ได้ตัวคนเดียว โดดเดี่ยวเดียวดายอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พี่ สาวฟันแล้ว เรื่องสวีหรูชิน ในปีนั้นก็คงถูกเปิดเผยความจริงสัก
เพียงแต่เสิ่นอีเวยพบว่า แม้ตัวเองจะตระหนักถึงจุดนี้แล้ว แต่ในใจเหมือนกับจะไม่ได้รู้สึกดีใจมากนัก หลังจากครุ่นคิด อย่างระแวดระวัง หล่อนก็พบสาเหตุแล้ว
ดังนั้นแต่เดิมก็หวังให้เงินหุ้ยฟื้นขึ้นมา เป็นเพราะตนเอง วางเดิมพันในการเปิดเผยความจริงทั้งหมดไว้บนตัวอีกฝ่าย สถานการณ์ตนเองในยามนั้นพยายามเรียกร้องที่จะได้รับความ รักและความเข้าใจจากเพิ่งเจ๋อเฉิง วันๆจึงหมกมุ่นกับการหวัง ว่า ให้เงินหุ้ยฟื้นขึ้นมาอย่างไม่ลดละ
แล้วตอนนี้ล่ะ? การที่ได้ฟังเพิ่งเจ๋อเฉิงบอกว่าเงินหุ้ยที่อยู่ อเมริกาอาการดีขึ้นแล้ว ตนเองดีใจมากจริงๆ แต่เห็นได้ชัดว่า ไม่มีความปิติยินดีมากมายเหมือนตอนก่อนหน้านี้แล้ว เพราะ ตอนนี้ตนเองไม่มีจำเป็นที่ต้องมานั่งอธิบายหรือทำความเข้าใจ แม้กระทั่งการให้อภัยเพิ่งเจ๋อเฉิงเลย
ไม่ว่าตอนนี้ผู้ชายคนนี้จะมองตนเองด้วยสายตาแบบไห เสิ่นอีเวยล้วนรู้สึกว่าไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะอย่างไร ก็ตามตนเองก็มีชีวิตใหม่แล้ว
หัวข้อนี้ตัดจบไปอย่างรวดเร็ว เดิมเพิ่งเจ๋อเฉิงนึกว่าเสีนอีเวยจะถามคำถามเพิ่มเติมอีก แต่คนในอ้อมแขนก็เงียบไม่ ได้พูดอะไรต่อ เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาอีก
ช่วงเวลาที่สาม เสิ่นอีเวยสะดุ้งตื่นจากฝัน บนหน้าผากมี เม็ดเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมา ร่างกายของเธอขดเป็นก้อนราวกับ สัตว์น้อยตัวเล็กๆที่แสดงอาการออกมายามตัวเองรู้สึกไม่ ปลอดภัย
ท่ามกลางความสับสนมึนงง เสิ่นอีเวยคลาสัมผัสพบแขน ข้างหนึ่ง หล่อนขยับศีรษะไปแนบอิง อุณหภูมิที่อบอุ่นเหมือนจะ ทำให้เจอเธอสงบลง เสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าตนเองกำลังฝันอยู่หรือ เปล่า หล่อนรู้สึกว่าบริเวณหลังของตัวเธอนั้นมีมืออยู่มือหนึ่ง คอยตบหลังเธออย่างเบามือ ราวกับว่ากำลังกล่อมเด็กน้อยคน หนึ่งอยู่
เช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่เสิ่นอีเวยตื่นขึ้นมา ข้างกายก็ไม่มีคน แล้ว ไม่รู้ว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงไปตั้งแต่ตอนไหน
เสิ่นอีเวยครุ่นคิดกลับไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนรู้สึกเหมือน ว่าทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน
เรื่องพบเจอเงินหุ้ยมีกำหนดการหลังจากนี้หนึ่งสัปดาห์ ตั้งแต่ได้รู้เรื่องเสิ่นหุ้ยจากเพิ่งเจ๋อเฉิงนั้นแล้ว เสิ่นอีเวย
เอาแต่เฝ้ารอเสิ่นหุ้ยเดินทางกลับมายังประเทศแล้วติดต่อ ตนเองมาโดยตลอด แล้ววันนั้นก็มาถึงจริงๆ ในช่วงบ่ายของวัน เสาร์หล่อนได้รับโทรศัพท์ที่ไม่แสดงชื่ออยู่สายหนึ่ง
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ” ตอนที่รับสายโทรศัพท์ เงินอเวย ลังจัดการเอกสารอยู่ที่บริษัท
“ฮัลโหล ใช่คุณเงิน เงิน เวยหรือเปล่า?” อีกฝ่ายเป็น เสียงผู้หญิงน้ำเสียงพูดกระชากและเย่อหยิ่ง
ตอนที่ได้ฟังเสียงนั้น หัวใจของเงินอีเวยก็เต้นผิดจังหวะ แต่ก็มีการตอบสนองทันที เสียงนี้เป็นเสียงที่หล่อนคุ้นเคย อย่างยิ่ง…
“คุณคือ…
พี่สาวฉันหรอ?” เสิ่นอีเวยถามอย่างไม่แน่ใจ
คนในสายไม่ได้ตอบคำถามนี้ พูดเพียงว่า “ฉันคือเงินย ตอนนี้ฉันเดินทางกลับมาถึงประเทศแล้วล่ะ แกมีเวลาก็นัดเจอ กันหน่อย”
หลังพูดประโยคนี้จบ เงินหุ้ยก็บอกที่อยู่แล้วกล่าวต่อว่า “พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ถ้าแกไม่มีธุระอะไรก็มาเจอกันที่ร้านกาแฟน พวกเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันหน่อย
การที่ได้ฟังน้ำ
เสียงที่ดูไม่แยแสสิ่งใดของเงินหุ้ยนั้น ใน
ใจเสิ่นอีเวยเพียงรู้สึกสงสัย นี่ใช่พี่สาวคนนั้นที่เมื่อก่อนตนเอง รู้จักหรือเปล่า? ในใจของหล่อนมีหลายคำถามที่อยากจะถาม แต่ว่า ณ เวลานั้นกลับไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงไหนก่อนดี
จากนั้นเธอก็เพียงแค่ตอบอย่างใจเย็น: “ได้ พรุ่งนี้เจอกัน
เมื่อเสิ่นอีเวยพูดประโยคนี้จบลง ต่างคนต่างก็วางสาย โทรศัพท์
วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์ บนถนนทางเดินเท้ามีรถอยู่ มากมาย อากาศร้อนจัด เมื่อเงินอีเวยจอดรถเสร็จเรียบร้อย เหงื่อก็พรั่งพรูออกมาเต็มไปหมด
เมื่อลงจากรถแล้วเงยหน้าขึ้นมอง เธอก็มองเห็นเงินยก ลังคุยโทรศัพท์อยู่ในร้านกาแฟร้านนั้น
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ