บทที่318พบสวี่เส้าเหิงครั้งแรก
บทที่318 พบสวีเส้าเหิงครั้งแรก
สวีเส้าเห่ง
เสิ่นอีเวยก็ได้แต่พูดแต่ชื่อนี้ ดูไปแล้วชื่อนี้ก็อ่านแล้วขึ้น
ปาก
เนื่องด้วยมารยาทต่างนานา เลยทำให้สองคนนี้คุยไม่กี่ ค่าก็วางสายโทรศัพท์เสียแล้ว
เวลาผ่านไปรวดเร็วนัก วันเสาร์ที่จะถึงนี้คือวันที่เธอและ สวีเส้าเพิ่งพบกัน เนื่องจากอากาศซึ่งอยู่ยิ่งร้อน เธอเลยตื่นเช้า มาก แล้วก็ได้จัดการกับเหมียนเหมียนเสร็จแล้วก็ได้ขับรถออก ไป
สถานที่ที่พวกเขาพบกันก็คือร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง ร้าน อาหารอยู่ชั้นที่สิบเจ็ดติดกระจกทำให้เห็นแม่น้ำได้อย่างใกล้
วันนี้อากาศดีมาก แสงแดดที่ส่องอยู่บนฟ้าไกล ทำให้ สายน้ำมีแสงสะท้อนวิบวับออกมา แล้วก็มีเสียงกระทบของ แม่น้ำเล็กน้อย
เส้นเวยได้เข้าไปในร้านอาหารแล้วได้บอกกับพนักงาน เป็นที่เรียบร้อย แล้วพนักงานก็ได้พาไปโต๊ะอาหาร พบว่าสเส้าเหิงนั้นถึงเรียบร้อยแล้ว
เธอนั้นได้รู้ว่าเป็นเขาตั้งแต่แรกพบ ผมสั้นสะอาด เสื้อเชิ้ต สีขาว ดูไปแล้วมีหนุ่มวัยรุ่นที่มีพลัง แต่เส้าเทิงนั้นมีสายตาที่ เหมือนจะมีความคุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างไร โดยเฉพาะแว่นที่ เขาใส่อยู่ ณ ตอนนั้น ดังนั้นเลยทำให้เธอนั้นมีความรู้สึกพูดไม่ ออก
หากพูดถึงเสิ่นอีเวยแล้ว คนที่ทำให้เธอนั้นมีความทรงจำ กับเธอในครั้งแรกนั้นในสิ่งที่สำคัญมาก แต่ครั้งแรกที่พบกับ สวีเส้าเพิ่งนั้น เธอก็ไม่ได้หักคะแนนและเพิ่มคะแนน ให้เขาแต่ อย่างใด
สวีเส้าเหิงขณะที่กำลังจะหันไปยังหน้าต่าง แต่เหมือนมี ความรู้สึกว่ามีคนมาก็เลยหันกลับมาแล้วเจอเงินอีเวย เลย เหมือนมีความตกใจแล้วก็ยิ้มออกมา
เขาได้ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “สวัสดีครับ คุณหญิงเส้น
เงินอีเวยยิ้มแล้วตอบกลับ “สวัสดีค่ะ
บริกรก็จัดเก้าอี้ให้ทั้งสองคนนั่ง
ในเมื่อเป็นครั้งแรก ดังนั้นเป็นเวยไม่มากก็น้อยที่มีความ อึดอัดและเขินอาย แต่เธอก็กำลังบังคับตัวเองอยู่ เพราะว่า ไปแล้ว สวีเส้าเหิงคนนี้ก็เป็นคนที่ค่อนข้างมีมารยาทพอสมควร
แต่สวี่เส้าเหิงก็ไม่ได้เหมือนกับที่เสิ่นอีเวยนั้นคิดไว้มาก เช่นนั้น เขาได้หยิบแก้วชาขึ้นมาดื่มแล้วพูดว่า “คุณหญิงเส้นคุณคิดว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราพบกันใช่ไหม ? ความจริง แล้วไม่ใช่ เมื่อก่อนนั้นตอนที่ไม่เหยียนพาคนไปผับนั้น ผมก็จำ คุณได้แล้ว
ตอนที่สวีเส้าเชิงพูดประโยคนี้ขึ้นมา แล้วมองไปยังเสี นอีเวณที่มีสายตาเร่าร้อน เมื่อเจอกับคำถามเช่นนี้ เป็นอีเวยใน ใจก็รู้สึกลำบากใจ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา
“จริงหรือ ? ฉันก็จำไม่ได้เสียแล้ว ไม่รู้ว่าคุณชายสจะ บอกละเอียดกว่านี้ได้ไหม ?
เสิ่นอีเวยถึงแม้จะไม่ใช่คนที่มีสติเต็มตลอดเวลา แต่บาง ครั้งก็ลืมเรื่องราวคนรอบข้างไปอยู่บ้าง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ ไปผับกับหลิน โม่เหยียน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์เธอกับ เพิ่งเจ๋อเฉิงนั้นยาที่สุด
ในสถานการณ์เช่นนั้น แน่นอนว่าเธอไม่มีเวลาและความ รู้สึกใดใดไปสังเกตคนรอบข้างมากมาย ยิ่งสวีเส้าเพิ่งก็ไม่ต้อง พูดถึง
“ก็ตอนที่คุณเมาอยู่นั่นเอง ตอนนั้นไม่เหยียนส่งคุณกลับ บ้าน ผมก็ไปด้วย” สวีเส้าเพิ่งพูดไปแล้วหัวเราะ และน้ำเสียง เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ดูแล้วเหมือนคนที่นิสัยดี
เงินอีเวยตกใจไปสักครู่หนึ่ง เพราะว่าเดิมทีแล้วเธอไม่ใช่ คนที่ชอบดื่มเหล้า ตอนนั้นที่หลิน โม่เหยียนพาเธอไปผับนั้น เป็นเพราะว่าอารมณ์สติตอนนั้นมีความกลัดกลุ่มเป็นอย่างยิ่ง ขนาด หลิน โม่เหยียนยังพูดว่าถ้าหากยังไม่หาที่ไประบาย ก็คงจะมีปัญหาแน่นอน ดังนั้นเธอจึงตอบรับไป
เสิ่นเวยเดิมทีแล้วก็ไม่ได้ดื่มเหล้าบ่อยนัก ดังนั้นขณะที่
สวีเส้าเพิ่งนั้นบอกกับเธอนั้น เธอก็ได้นึกถึงเรื่องที่เมาของตัว เองวันนั้นที่มีสภาพที่ดูไม่ได้เลย แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ ตอนนั้น คือหลิน โม่เหยียนและสวีเส้าเชิงพากลับบ้าน
เงินอีเวยก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เพราะว่าหน้านั้นเริ่มแดง
ขึ้น สวีเส้าเหิงก็เหมือนจะสังเกตถึงเลยยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหญิง เป็นกำลังคิดว่าวันนั้นลืมความเป็นตัวของตัวเองใช่หรือไม่ ?
เงินอีเวยก็พยักหน้า แต่ดูกลับมาแล้วตอนนี้ก็เหมือนตัว เองกับกำลังกับผู้ชายคนนี้เหมือนจะคุยถูกคอ พูดกับตัวเอง อยู่ว่ามันเป็นเรื่องที่ดีหรือเรื่องไม่ดีนะ
เงินอีเวยก็ยังไม่อาจจะตัดสินใจได้เลย หวังว่า…คงเป็น เรื่องที่ดี
“คุณหญิงเส้นเป็นผู้หญิงที่สวยงามนัก หากพูดไปแล้วจะ ต้องมั่นใจในตัวเอง วันนั้นถึงคุณจะเมาแล้ว แต่ก็ยังสวย เสมอ”
ความจริงแล้วน้ำเสียงของเขานั้นมีความจริงใจเป็นอย่าง มาก แต่สิ่งที่เป็นเวยเห็นก็คือคิดว่าเป็นการพูดที่เกินไป การ ชมที่ออกนอกหน้าเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่เธอนั้นฟังจากปากคน แปลกหน้า
ขณะนั้นเสิ่นอีเวยไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ก็เลยยิ้มแล้วพูดไปว่า “คุณกล่าวเกินไปแล้ว คนที่ธรรมดาอย่างฉัน ไม่มีอะไร ดึงดูดความสนใจใครหรอก ดังนั้นฉันแปลกใจอยู่อย่างหนึ่ง คือ ทําไมคุณถึงอยากจะรู้จักฉันล่ะ ? ”
เป็นเวยไม่รู้ว่าตัวเองนั้นมองผิดหรือเปล่า ตอนที่เธอถาม คำถามนี้ไป เธอก็เห็นสายตาที่ไม่ชัดเจนของเขาผ่านแว่นตา ตอนนั้นเธอรู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้ไปสนใจอะไร
สวีเส้าเพิ่งก็ได้เตรียมคำตอบนี้มาเรียบร้อยแล้ว ก็เลย ตอบอย่างธรรมชาติกับคำถามของเธอว่า “หากพูดว่าคุณคือรัก แรกพบของผม คุณเชื่อไหม ? แน่นอนว่าไม่เชื่อ
เสิ่นอีเวยไม่อาจจะบังคงสภาพจิตใจของเธอแล้วยิ้มแล้ว พูดว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายสอายุเท่าไหร่ ?
สวี่เส้าเหิงพูดว่า “เพิ่งกำลังจะสามสิบ
เสิ่นอีเวยมีสีหน้าที่เป็นธรรมชาติปกติ กับสายตาที่สว่าง ใส “อายุของฉันละคุณห่างกันไม่มาก ปีนี้ฉันอายุยี่สิบแปด หากพูดไปแล้ว หากพูดไปแล้วอายุอย่างฉันนั้นได้ผ่านเรื่องราว ความรักมามากมายแล้ว แล้วได้ผ่านช่วงแห่งความรักอะไร แบบนั้นมาแล้ว ดังนั้น ต้องขอโทษด้วย แต่ว่าฉันมีอีกเรื่อง หนึ่งจะพูดก็คือ รักแรกพบเป็นเรื่องที่พบน้อยมาก ฉันไม่อยาก จะเชื่ออะไร”
ถึงแม้เสิ่นอีเวยจะพูดอย่างชัดเจน แต่สวีเส้าเพิ่งก็ไม่ได้มีสีหน้าที่ตกใจอะไร แต่กลับยิ้มแล้วตอบไปว่า “แต่ว่าตอนนี้คุณ สามารถเชื่อมั่นได้ เพราะว่าผมพูดความจริง
เล่นอีเวย ใช้ชีวิตมายี่สิบแปดปี พอมาถึงช่วงอายุนี้ ถึงแม้ จะไม่อาจจะพูดได้ว่าผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่ว่าในปัจจุบัน หากพูดไปแล้ว ก็ได้ลิ้มรสชาติของความรัก การแต่งงาน ชีวิต ที่แสนทุกข์ขมขื่นมาหมดแล้ว
ดังนั้นคำพูดที่แสนจะหวานหอมอย่างไรก็ตาม ก็ไม่อาจจะ มาสะเทือนใจเธอได้เลย ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าทำไมครั้งแรกส เส้าเพิ่งถึงได้มีมารยาทและนอบน้อมกับเธอนัก
คงเป็นเพราะว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้รู้ถึงสถานภาพของเสี นอีเวย ดังนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรแล้วก็ได้นัดมาพบกันในวันนี้
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ