นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่305ไม่เช่นนั้นคุณเอาฉันไปขายเถอะ



บทที่305ไม่เช่นนั้นคุณเอาฉันไปขายเถอะ

บทที่ 305 ไม่เช่นนั้นคุณเอาฉันไปขายเถอะ

เสิ่นอีเวยรู้ชัดเจนว่าตนเองโมโหจนควันแทบออกหู ตอนนี้ บ้านเมืองมีขอมีแป แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม้แต่ตำรวจ จราจรก็ไม่สามารถให้การตัดสินอย่างเป็นธรรมได้

ความโชคร้ายนี้ ทำไมต้องเกิดขึ้นกับเธอด้วย? แถมเธอ เพิ่งจะกลับมาในประเทศ เงินเก็บสักหยวนยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ

เมื่อได้ฟังคำอธิบายเรื่องค่าชดใช้ที่แพงมากจากซึ่งเหยื่ ยน เงิน เวยไม่เห็นด้วยในใจ แต่ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้ เพราะเมื่อบังเอิญเจอเข้ากับคนประหลาด สิ่งที่คนควรทำที่สุด คือรีบทำให้เรื่องนี้จบลงเสียที อย่าให้ตนเองเสียเวลาอีกต่อไป

แต่สิบล้าน! เธอไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นจริงๆ หากมีเธอคง ชดใช้ไปนานแล้ว เสิ่นอีเวยกรอกดวงตาที่สวยงามไปมา พยายามคิดแผนรับมือ ตนเองจะเอาตัวรอดได้อย่างไร?

คิดถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยจึงรีบหันไปส่งสายตาน่าสงสารให้ ตำรวจจราจรสองคนนั้น ในเมื่อเธอกับผู้ชายใส่แว่นพูดกันไม่รู้ เรื่อง งั้นก็ลองเปลี่ยนไปคุยกับสองคนนั้นแทน

ดูเหมือนจะคุยกันรู้เรื่องไหมนะ? งั้นยิ่งดี ยิ่งมีประโยชน์อความพยายามของตนเอง

ดวงตากลมโตของเสิ่นอีเวยส่องประกายด้วยน้ำ: “พี่ทั้ง สอง พวกพี่ลองดูค่าชดใช้ที่แสนแพงสิคะ ฉันจ่ายไม่ไหวจริงๆ ถ้าไม่มีทางเลือกอื่น ถ้างั้นพวกพี่ช่วยเขาเอาฉันไปขายเถอะ!

คำพูดของเสิ่นอีเวยน่าตกใจมาก แม้แต่ตำรวจจราจรทั้ง สองคนต่างก็อึ้งกันหมด ซึ่งลู่เหยียนทำหน้างงงวยยืนอยู่ข้างๆ ทำไมสถานการณ์ไม่ค่อยเหมือนกับที่หลินอวี้พูดเลย?

หลินอวบอกตนเองเพียงแค่ ตอนนี้คุณนายเชิงคนนี้มี ทักษะการแกล้งคนยอดเยี่ยมมาก แต่ไม่ได้พูดว่าทักษะ ทางการแสดงก็สามารถกลั่นแกล้งคนได้ยอดเยี่ยม ?

ตำรวจจราจรทั้งสองคนต่างมองตากัน และพร้อมใจกัน หันมามองฝั่งตรงข้าม หนึ่งในนั้นหันมาพูดว่า “ คุณเงิน ขอ โทษจริงๆ พวกผมคงช่วยคุณไม่ได้ ปัญหาเรื่องค่าชดเชยคุณ ต้องปรึกษากับคุณซ่งคนนี้เอง พวกเราไม่มีอำนาจเข้าไป แทรกแซง

เสิ่นอีเวยดวงตาส่องแสง เธอรอคำพูดพวกนี้อยู่

เธอขมวดคิ้ว แกล้งทำท่าทางไร้เดียงสา : “พวกพี่ไม่มี ”

อำนาจอะไรคะ? ไม่มีอำนาจขายฉันหรอ?

เผชิญหน้ากับคำถามสุดประหลาดของเสิ่นอีเวย ตำรวจ จราจรสองคนหันไปมองซ่งเหยียน แต่สีหน้าของอีกฝ่ายกลับ นิ่งเฉย เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าตอนนี้แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น
ตำรวจจราจรทั้งสองคนต่างพยักหน้า

เงิน เวยพูดต่อว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันจะไม่ทำให้ พวกพี่ลำบากใจ แต่พวกพี่เป็นตำรวจจราจร อย่างน้อยก็มี จํานาจพาตัวฉันไปไม่ใช่หรอ? ”

เงินอีเวยลดเสียงลง สามคนที่เหลือต่างอึ้งตาที่กันไปหมด “คุณเสน เมื่อสักครู่คุณพูดว่าอะไรนะ ? “ซึ่งลู่เหยียนถาม

เงินอีเวยเงินสายตาไปทางอื่น ราวกับว่าไม่ได้มองที่เขา เลย เธอทำท่าโบกไม้โบกมือและพูดว่า “ฉันไม่ได้พูดกับคุณ คุณอย่าเพิ่งพูดแทรก

ซ่งลู่เหยียน:

ลักษณะนิสัยของคุณนายเชิงคนนี้ มองดูแล้วเจ้านายไม่ สามารถรับมือได้ง่ายๆ

“ฉันพูดว่าให้พวกพี่พาตัวฉันไป ถึงอย่างไรฉันก็ไม่มีเงิน มากพอที่จะจ่ายค่าชดใช้ ดังนั้นก็เอาตัวฉันไปแทนเถอะ ยังไง ชะพ่อแม่และลูกของฉัน

สมองทำงานอย่างปราดเปรื่อง เสิ่นอีเวยเพิ่มเติมอีก ประโยคอย่างรวดเร็ว : “ไหนจะสามีที่บ้านของฉัน ที่ขี้เกียจตัว เป็นขนอยู่บ้านทั้งวันไม่ทำอะไร คอยแต่เกาะฉันกินตลอด เงิน เดือนของฉันแค่สองสามพันหยวนเอง ดังนั้นฉันก็เหมือน ทำงานเพื่อคนอื่นตลอดชีวิต คงจ่ายเงินค่าซ่อมไม่ไหว ดังนั้น เอาตรงๆนะ พวกพี่จับฉันไปเถอะ!
ฟังคำพูดที่แทบจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือดเสร็จ ซึ่ง เหยี่ยนตัวแข็งเป็นหินทันที เพราะเป็นอีเวยเพิ่งจะพูดเล่าเรื่อง สามีของตนเอง

ถ้าเขาจำไม่ผิด หลิน วี่เคยบอกเขาว่า พ่อแม่ของคุณนาย เพิ่งเสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว ในบ้านไม่มีผู้อาวุโสคนไหนอีก ส่วนพี่สาวอีกคนยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล ดังนั้นแท้จริงแล้ว ต้องไม่มีพ่อแม่ อย่างที่เป็นอีเวยเพิ่งจะพูดออกมา

ส่วน “ลูก”อันนี้คือเรื่องจริง เขารู้ว่าคุณนายเชิงคนนี้คลอด ลูกสาวคนหนึ่งที่ประเทศอังกฤษ

แต่ประโยคที่พูดว่า”สามีที่ขี้เกียจตัวเป็นขนอยู่บ้านทั้งวัน ไม่ทำอะไร ต้องให้อภัยเขาด้วยเพราะเขาไม่เข้าใจจริงๆ เจ้า นายของเขาตอนนี้นั่งทำงานตัวเป็นเกลียวอยู่ในห้องทำงาน ของบริษัทเซิ่ง อบนชั้นยี่สิบสี่

ซึ่งลู่เหยียนต้องการปกป้องเจ้านายของตนเองทันที แต่ คิดดูอีกทีสถานการณ์ตอนนี้ เขายังไม่สามารถพูดออกมา ใบหน้า ในตอนนี้ปรากฏความสงสัยเป็นอย่างมาก

เงินอีเวยแอบสังเกตว่าตำรวจจราจรสองคนและส่งลู่เหยี่ย นมีสีหน้าสับสน เธอแอบปลาบปลื้มอยู่ข้างในใจ ทีที คิดจะ มาเล่นละครตบตาฉันหรอ? ตอนนี้ฉันจะให้พวกนายดูว่าแบบ ไหนคือนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ตัวจริง!

ผ่านไปสักพักหนึ่ง เสิ่นอีเวยถึงรู้ตัวว่า แท้ที่จริงตนเองมี พรสวรรค์ทางการแสดง แต่ตอนเข้ามหาวิทยาลัยปีแรกตนเองกลับไม่ได้เรียนคณะการแสดง เธอรู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ไม่ พยายามอย่างเต็มที่

เพื่อทำให้ตนเองรู้สึกสมจริงมากยิ่งขึ้น เงินอีเวยจึง

พยายามบีบน้ำตาออกมาก แต่ไม่ออกมามากเกินไป เพราะ ช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ เธอไม่สามารถทำให้เครื่องสำอาง เปรอะเปื้อนได้

ถึงแม้จะโดนแบล็คเมล์ แต่ออร่าของตนเองก็ไม่สามารถ โดนทำลายได้! ใช่เลย ไม่เลว เอาแบบนี้แล้วกัน

อันดับแรก คือต้องดึงดูดความสนใจของผู้คนที่กำลังเดิน ผ่านไปผ่านมา ภายในใจของเงินอีเวยรู้สึกเบิกบาน มาเลย รีบเข้ามาดูละคร วันนี้เธอจะทำให้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าทั้งสาม คนกระอักกระอ่วนใจต่อหน้าสาธารณชน

คิดจะแบล็คเมล์เสิ่นอีเวยหรอ? ตอนออกจากบ้านไม่รู้จัก

ดูดวงประจำวันให้ดีเสียก่อน

คนที่เดินผ่านไปมารอบๆ มองเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง

โดนผู้ชายสามคนล้อมรอบ จิตใต้สำนึกทำให้เข้าใจผิดว่าเสี นอีเวยกำลังถูกรังแก จึงเริ่มมีคุณป้าที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านสอง คนเข้ามาช่วยเหลือ

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? พวกนายสามคนเป็นผู้ชายมารุม รังแกผู้หญิงตัวเล็กๆทำไม? ”

“จริงด้วย นี่มันไร้คุณธรรมที่สุด ไม่เห็นว่าผู้หญิงกำลังร้องไห้หรอ? “

“คือว่า คือว่า……

ผู้คนต่างพูดประโยคเหล่านั้นออกมา ผู้ชายสามคนมีท่าที ตื่นตระหนกเพราะได้ยินคำพูดเหล่านั้น โดยไม่คาดคิด

เงินเลยมองเห็นสถานการณ์ตรงหน้าสามารถเอื้อ ประโยชน์ให้ตนเองได้ จึงพูดต่อว่า ” พวกเขาคิดจะ แบล็คเมล์ฉัน! “

แบล็คเมล์ เมื่อสองคำนี้ออกมา ผู้คนยังไม่พอใจมากขึ้น เสียงวิพากษ์วิจารณ์ยิ่งดังเซ็งแซ่

ตำรวจจราจรทั้งสองต่างงุนงงทันที หันไปมองซ่งเหยียน แววตาเต็มไปด้วยการขอความช่วยเหลือและขอคำแนะนำ เส นอีเวยเห็นภาพนั้นพอดี เธอแอบยิ้มที่มุมปากด้วยความเย็นชา

วันนี้ฉันอยากจะเห็นจริงๆ สถานการณ์แบบนี้พวกนายจะ ทํายังไงต่อไป!

ซึ่งเหยี่ยนถอนสายตา ตำรวจจราจรสองคนหันกลับมา หนึ่งในนั้นพูดกับเสิ่นอีเวยว่า : “คุณเป็น เรื่องนี้ไม่ควรต้อง ลงเอยแบบนี้ หากพวกเราจับกุมตัวคุณไปจริงๆ หลังจากคุณ ออกมาก็ยังต้องดูแลคนในบ้านตามปกติใช่ไหมครับ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ