นายเป็นแค่สามีเก่า

บทที่299ตอนนี้ผมสามารถเอาบริษัทหัว นให้คุณดูแล



บทที่299ตอนนี้ผมสามารถเอาบริษัทหัว นให้คุณดูแล

บทที่ 299 ตอนนี้ผมสามารถเอาบริษัทหัวนให้คุณดูแล

เสิ่นอีเวยกับคำพูดที่เสียดสี เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ขมวดคิ้วอีกรอบ มองผู้หญิงคนนี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“เสิ่นอีเวย คำพูดเหล่านี้ไปเรียนกับใครมานะ ?” เขา อดทนไม่ไหวแล้ว ก็เลยถามคำถามนี้ไป

คนที่ถูกถามก็ได้ยักคิ้วแล้วตอบไปว่า “ทำไมล่ะ ? คุณ ชายเชิงสงสัยด้วยหรอ? แต่ว่าฉันก็สงสัยเหมือนกัน หากพูด ตามเหตุผลแล้ว คนที่ชอบพูดจาทำร้ายคนอื่นที่เก่งกว่าฉันนั้น คงไม่ต้องมาถามฉันหรอกมั้งนะ ?”

เพิ่งเจ๋อเฉิงมองไปที่เธอ แล้วก็มองไปยังเด็กที่อยู่ในอ้อม

กอดเธอแล้วพูดว่า “หากไม่มีอะไรแล้ว คุณหญิงเงินก็เชิญไป

จะไล่คนที่นี่ ? เสิ่นอีเวยยิ้มแสยะแล้วพูดว่า “คุณชายเซ็ งอย่าเพิ่งรีบไล่ฉันเลย ฉันยังมีอีกเรื่องที่จำเป็นจะต้องพูดให้รู้ เรื่อง เกี่ยวกับบริษัทหัวปูน ฉันจะต้องนำมันกลับคืนมาให้ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหากคิดว่าบริษัทนี้มันเป็นของคุณ คุณไม่ ต้องลงมือก็ได้ แต่ว่าฉันก็จะใช้วิธีการทางกฎหมายมาสู้กับคุณจนกว่าคุณจะเอาบริษัทหัวปูนคืนมาให้ฉัน

พอพูดถึงตรงนี้ เสิ่นอีเวยก็เงียบไปสักครู่หนึ่ง แล้วก็ ครุ่นคิดว่าถ้าเป็นอีกสถานการณ์หนึ่งจะตอบอย่างไร

แต่ว่าสิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ ทันใดนั้นเพิ่งเจ๋อเฉิงก็ดัน พูดตัดบทเสียก่อน

“ผมสามารถเอาบริษัทหัวนคืนให้คุณ” เพิ่งเจ๋อเฉิงมีน้ำ เสียงที่ธรรมดา ฟังไม่ออกถึงอารมณ์ใดใด เหมือนกับเรื่องนี้ไม่ ได้เกี่ยวกับตัวเองเลยแม้แต่น้อย

เงินอีเวยตกใจ แล้วก็ไม่ได้ทันตอบโต้ เธอนั้นขมวดคิ้วว่า ผู้ชายคนนี้หมายความว่าอะไร ?

หัวสมองอยู่ดีดีก็มีแสงผ่านเข้ามาจึงจะรู้สึกตัว แล้วก็มอง เพิ่งเจ๋อเฉิง “ดังนั้นที่คุณประโคมลงข่าว ๆ ในสำนักใหญ่ ๆ บอกว่าจะขายบริษัทหัวขุ่น จุดประสงค์เดียวก็คือ บังคับฉัน กลับประเทศ ?”

เพิ่งเจ๋อเฉิงทั้งยอมและไม่ยอมรับ แต่ว่าเป็นอีเวณนั้นเข้าใจ เขาอย่างดี เขานั้นยอมรับแล้ว แต่ว่าความรู้สึกเธอนั้น ไม่เพียง แต่ไม่ใช่เพราะเขาจะคืนบริษัทหัวยุ่นให้กับเธอแล้วเธอดีใจ แต่ เป็นเพราะการกระทำที่เขาบังคับให้เธอกลับประเทศนั้น เป็นการกระทำที่แย่มาก

“เพิ่งเจ๋อเฉิง” เสิ่นอีเวยได้พูดขึ้นมาทันต

“ทำไมคุณนั้นทำตัวน่าละอายได้ถึงขนาดนี้ ? ”
ซึ่งเจ๋อเฉิงก็ได้ขมวดคิ้วแล้วมีสายตาที่เยือกเย็น แต่ว่าก็ ไม่ได้พูดอะไร หลินอวก็ได้ทำการตรวจสอบท่าทาง กิริยา อารมณ์ของเจ้านาย ทั้งห้องที่มีบรรยายกาศที่เย็นยะเยือก ทันใดนั้นในอากาศที่มีเสียงปรากฏขึ้นมา “มามี คุณอาคนนี้ ทำไมจังเลย เหมือนกับคนร้ายในนิทานเลย

เชิงเจ๋อเฉิง “…”

หลินอวี้ “…”

เดิมทีก็มีความอึดอัดและตั้งท่าทีในการตอบโต้ แต่เพราะ ประโยคนั้นของเหมียนเหมือน ก็ทำให้การตั้งท่าทีในการ ตอบโต้นั้นพังทลาย เสิ่นอีเวยนั้นก็อยากจะหัวเราะออกมา แต่ ในตอนนี้ เธอไม่รู้เลยว่าเพิ่งเจ๋อเฉิงนั้นมีแผนการอะไรอยู่ ดัง นั้นก็เลยยังไม่คิดที่จะทำอะไรนอกเหนือจากนี้

“ก็ใช่น่ะสิ มามีก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เหมียนเหมียนกลัว คนร้ายคนนี้ใช่ไหม ? มาพาเรากลับบ้านดีไหม ?

เสิ่นอีเวยกำลังแกล้งคุยกับลูกส่วเธออยู่ แต่ในคำพูด เต็มไปด้วยการเสียดสีที่น่ากลัว

เหมียนเหมียนก็ได้ปรบมือหลายครั้งเหมือนจะชอบใจ “ดี เลย ดีเลย พวกเรากลับบ้านกัน

เสิ่นอีเวยได้หอมแก้มของเหมียนเหยียน แล้วก็ได้มองไป ยังเพิ่งเจ๋อเฉิงอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็เดินออกไปจากห้องทำงาน

ก่อนที่จะออกไป สิ่งที่ทำให้ฉันนั้นชอบใจที่สุดก็คือ ก่อนที่เธอนั้นจะหันหลังพาเหมียนเหมียนออกไป สีหน้าที่ค่อนข้างน่าเกลียด

เงินอีเวยก็รู้สึกมีความสุขจนบอกไม่ถูก

ก็ได้เพิ่งเจอเพิ่งมี

รู้จักเพิ่งเจ๋อเฉิงมาก็นานอยู่ เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้ถูก รังแกเลย โดยเฉพาะต่อหน้าเด็กอายุสามขวบคนนี้ ลูกที่น่ารัก ของฉัน ทำให้แม่นั้นหน้าคืนมาได้

ตอนที่จะออกจากห้องทำงาน เสิ่นอีเวยก็เต็มไปด้วยความ สุข โดยไม่ได้ไปคิดถึงว่าสีหน้าของเพิ่งเจ๋อเฉิงจะน่าเกลียดเช่น

ไร

แต่ตอนที่เธอออกมากจากห้องทำงานข้างนอกนั้น เป็นเว ยก็รู้ได้ชัดเจนว่าพนักงานที่นั่นมองเธอด้วยสายตาที่แปลกไป

มีความสงสัย การคาดเดา และวิเคราะห์

สี่ปีที่ผ่านมา จะนานก็ไม่นาน จะสั้นก็ไม่สั้น แต่กลับเพียง พอที่จะทำให้บริษัทที่ใหญ่ขนาดนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่จริง ๆ แล้วก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร

เมื่อสักครู่เสิ่นอีเวยก็ได้ตั้งใจมอง พนักงานส่วนใหญ่ก็มี ไม่กี่คนที่คุ้นหน้า ควาจริงเมื่อปีที่แล้วเธอก็ไม่ได้รู้จักใคร มากมาย นอกจาก ฉันจื่อเฟิง

ใช่แล้ว ฉินจื่อเฟิง ล่ะ ?

เงินอีเวยก็ได้ยืนอยู่ที่เดิมตรงนั้น เมื่อสักครู่นี้เธอไม่ได้เห็น ฉันจื่อเพิ่งอยู่ในที่ทำงาน หรือว่าเธอนั้นไม่ได้ทำงานอยู่ที่บริษัทเชิงชื่อแล้ว ?

พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็เลยยก โทรศัพท์ โทรหาฉันจื่อเฟิง

แต่พบว่านี่เป็นเบอร์และโทรศัพท์ใหม่ที่ชื่อใหม่ตอนอยู่ที่

อังกฤษ ซิมส์อันเก่า เธอก็ทิ้งตอนไปถึงอังกฤษใหม่ๆ เสียแล้ว

เพราะตอนนั้นเธอก็ไม่ได้สงสัยอะไร ความจริงแล้วก็เพื่ออยาก

จะให้ลืมทุกอย่างไปให้เร็วที่สุด

ในห้องทำงาน เสียงของหลินอ

“ประธานเชิง เด็กหญิงน้อยคนนั้น คือลูกของท่านและ ท่านหญิงเส้น ท่านหญิงเส้นโกหก ทำไมท่านยังเงียบอยู่เช่นนี้ ล่ะ ?”

เพิ่งเจ๋อเฉิงที่ยืนอยู่ตรงกระจกใบใหญ่ แล้วมองออกไปยัง ข้างนอก ด้วยสายตาที่ไม่ชัดเจนมากจนเกินไป

ผ่านไปนานอยู่ เพิ่งเจ๋อเฉิงก็ได้พูดออกมา “ครั้งนี้ที่บังคับ เธอกลับมานั้น เพราะไม่อยากจะให้เธอนั้นกลับไปอีก เพราะว่า เมื่อก่อนที่เข้าใจผิดกัน ดังนั้นตอนนี้เธอนั้นสามารถมีการ ต้านทานที่แข็งแกร่ง หากพูดตามนิสัยเธอแล้ว แน่นอนจะต้อง ต่อต้านฉันอย่างแน่นอนดังนั้นหากอยากรั้งเธอไว้ได้ ฉันก็ไม่มี ทางใช้วิธีที่แข็งกระด้างเช่นั้นกับเธอ ไม่งั้นก็จะต้องผิดหวังต่อ ไป ครั้งนี้ ฉันก็จะต้องระวังเป็นพอสมควร

พอพูดเสร็จเพิ่งเจ๋อเฉิงก็ยิ้มออกมา ซึ่งรอยยิ้มนี้เป็นรอย

ยิ้มแห่งความขมขื่น
เสิ่นอีเวย เดิมทีแล้วเพิ่งเจ๋อเฉิงคนนี้ก็มีวันที่ยอมแพ้ให้กับ

หลินอวก็ตกใจ “ระวัง ซึ่งมีการแสดงถึงความอ่อนแอ 2 เพราะอะไรจึงได้ยินจากปากของเจ้านายคนนี้

แต่ตอนนี้เพื่อเป็นอีเวยคนเดียว เจ้านายถึงขั้นทำแบบนี้ แน่นอนแล้วล่ะสิ มีคำพูดค่าพูดหนึ่ง ออกมาโลกกว้าง ไม่ช้าก็

เร็วทีต้องคืน

เจ้านายของเรา ดูแล้วต้องแพ้แล้วแน่นอน ยอมแพ้ในน้ำมือของผู้หญิที่ชื่อว่า เสิ่นอีเวย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ